วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คอมพิวเตอร์เพศไหนดี

Subject: Fw: คอมพิวเตอร์เพศไหนดี




คุณครูกำลังอธิบายให้นักเรียนฟังว่า ในภาษาฝรั่งเศส คำนามต่าง ๆ มีเพศของตัวเอง คือ เพศหญิง
และเพศชาย เช่น คำว่า “ บ้าน ( la maison)” เป็นเพศหญิง คำว่า “ ดินสอ (le crayon)” เป็นเพศชาย
นักเรียนคนนึงถามว่า “ คอมพิวเตอร์เพศอะไร ”

แทนที่คุณครูจะให้คำตอบ กลับแบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มนักเรียนชายและ
นักเรียนหญิง และให้แต่ละกลุ่มวิเคราะห์และอธิบายว่าคอมพิวเตอร์ควรจะเป็นเพศอะไร
กลุ่มนักเรียนชายตัดสินใจกันว่า คอมพิวเตอร์ควรจะเป็นเพศหญิง (la computer)
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ั
1. มีแต่ผู้สร้างคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่เข้าใจระบบกลไกภายใน
2. ภาษาที่ใช้สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ด้วยกัน คนอื่นฟังแล้วไม่เข้าใจ
3. ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย จะถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำระยะยาว
พร้อมที่จะขุดขึ้นมาอ้างอิงได้ทุกเมื่อ... 5555 ( ตรงนี้ชอบมั่ก ๆ เห็นด้วย ๆ ^_^
4. เมื่อคุณตกลงใจที่จะซื้อสักเครื่องหนึ่ง คุณจะต้องเสียเงินทองมากมายซื้อเครื่องประดับเพิ่มเติมให้มัน

ส่วนกลุ่มนักเรียนหญิงสรุปว่า คอมพิวเตอร์สมควรเป็นเพศชาย (le computer)
ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
1. ถ้าจะทำอะไรกับเครื่อง ต้องเปิดสวิตช์ก่อน
2. มีข้อมูลมากมาย แต่คิดเองไม่เป็น
3. จริงๆ แล้วมันควรจะช่วยเราแก้ไขปัญหาได้ แต่ส่วนใหญ่กลับเป็นปัญหาเสียเอง
4. เมื่อตกลงใจซื้อไปแล้ว คุณกลับคิด ได้ว่า ถ้าอดใจรอสักนิดจะได้รุ่นที่ดีกว่า
.....5555 แต่ ตรงนี้ชอบมากกว่าค่ะ

ระวัง ยาบ้า เวลาติมน้ำมันที่ปี้ม‏

เรื่องเล่า ของบุคคลอื่น บอกต่อเตือนภัย


เฮียผมเจอเองกับตัวตอนขึ้นเหนือ ดีที่หลังจากเติมน้ำมันแล้ว
เอารถไปจอดหน้าห้องน้ำจะเข้าไปฉี่
ตอนลงจากรถเห็นอะไรแว็บๆ ตรงฝาปิดถังน้ำมัน
เปิดออกมาดูเป็นซองใส่ยาเม็ดห้าหกเม็ด น่าจะเป็นยาบ้า
เลยเอาไปทิ้งในส้วมทั้งหมด

ขับรถออกไปได้นิดเดียวเจอด่านเหมือนกับที่เล่ามาทุกประการ คือให้เปิดฝาถังน้ำมัน
พอมันค้นไม่เจอท่าทางมันโกรธมาก เรียกให้เข้าไปจอดด้านในค่อนข้างลับตาคน
แล้วเรียกพวกมาล้อมรถสี่ห้าคน แล้วบอกว่าจะค้นทั้งคัน
เฮียเขาเลยเอากล้องวิดีโออกมาถือถ่ายแล้วยื่นคำขาดว่า ให้ค้นแค่คนเดียว
ที่เหลือให้ดูห่างๆ
และให้ถลกแขนเสื้อเอามือมากางให้ดูก่อนค้น ให้บอกว่าจะเอากระเป๋็าใบไหนจะหยิบให้เอง
พวกมันยิ่งโกรธ แล้วด่าว่าอย่างถ่อยสถุน (ประมาณว่า) หัวหมอเหรอ
เฮียผมไม่กลัวใครอยู่แล้ว รู้จักพรรคพวกผู้ใหญ่เยอะด้วย ยืนยันเหมือนเดิม
กระชับกล้องแฮนดี้แคมในมือที่อัดภาพไว้ตลอดเวลาด้วย
พวกมันก็เลยต้องทำตาม ค้นหาแบบว่าแกล้งให้เราเสียเวลา รื้อกระเป๋าทุกใบ ค้นทุกซอกรถ
เสียเวลาไปกับพวกเวรนี่สองสามชั่วโมง จนหมวดที่อยู่ที่เต๊นท์เข้ามาดูจนค้นเสร็จ
เฮียผมเลยถามไปตรงๆ แบบแทงใจดำกันแบบไม่กลัวใคร
"เมื่อกี้เด็กปั๊มมันโทรมาให้ข่าวเหรอไง?" มันรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
แล้วก็ให้เอารถออกมาได้

เฮียผมเขาไปถามพรรคพวกหลังจากกลับมาแล้วได้ความว่า
ยังโชคดีที่โดนแค่ห้าหกเม็ด บางคนโดนเป็นร้อยเม็ด
ห้่าเม็ดจะโดนรีดเงินเป็นหลักหมื่นเพื่อไม่ให้โดนขังคุกส่งฟ้องศาล
คิดดูเอาเองว่าถ้าโดนเป็นถุงร้อยเม็ดจะโดนไถเท่าไหร่! เขาว่าเป็นแสนๆ อย่างเบ! าะๆ
เวลาเอารถไปทำอะไรนานๆ เช่นถ่ายน้ำมันเครื่อง ซ่อมรถ
ปะยางที่ต่างจังหวัดหรือที่ที่ไม่คุ้นเคย
โดยเฉพาะแถบภาคเหนือต้องระวังให้มากๆ
เพราะมีโอกาสที่มันจะซุกยาบ้าเป็นถุงลงในช่องต่างๆ
เช่นช่องยางอะไหล่ แม่แรง บังโคลน ใต้เบาะนั่ง หรือช่องเก็บของหน้ารถ ฯลฯ

พวกตำรวจเลวๆ พวกนี้มีมากกว่าตำรวจดีๆ เยอะ
ไม่มีน้ำยาหรือปัญญาไปจับพวกที่ซื้อขายกันจริงๆ
คงด้วยเพราะกินเงินเขามาหรือไม่กล้าไปจับเพราะกลัวตาย เก่งแต่เล่นงานประชาชนตาดำๆ
แล้วก็คอยตามรับใช้พวกเศรษฐีหรือเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล ช่วยๆ กันประนามด้วย

อย่าลืมลงจากรถมาดูเด็กปั๊มมันเติมน้ำมันด้วย พวกนี้ก็เลวพอๆ กัน
เผลอๆ เจ้าของปั๊มก็มีส่วนรู้เห็นกับตำรวจ
แล้วก็อาจเป็นคนสั่งเด็กปั๊มให้ทำอย่างนี้
ไม่งั้นเด็กปั๊มมันจะกล้าทำหรือ เท่าที่ดู มันน่าจะทำกันเป็นขบวนการ
ตำรวจมันรู้กันทั้งแก๊งค์ เป็นสิบคน
งานนี้ไม่ใช่มีแค่เด็กปั๊มคนเดียวจะทำได้ เด็กปั๊มคนอื่นๆ ก็ด้วย
ผมว่าเจ้าของปั๊มก็น่าจะมีส่วนรู้เห็น คือทั้งปั๊มกับตำรวจเลวๆ ยกก๊วน ...

อ้อ เกือบลืมไป เขาฝากมาบอกด้วยว่า เวลาเปิดฝาถังน้ำมัน
ให้มีคนของเราคอยดูตำรวจด้วย
เพราะมีมาแล้ว ที่แม้จะไม่มีอะไร มันก็ยัดยาตอนเข้าไปตรวจดูได้
แล้วก็ยัดได้ทุกเวลาด้วย
สรุปว่า เห็นพวกสีกากีพวกนี้ น่ากลัวกว่าเจอกุ้ยอันธพาลเสียอีก
******************************************************

เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย
... .โค.. ต..ร เลวทั้งตำรวจและพวกที่อยู่ในแก๊งค์เลย
เท่าที่เพื่อนเคยโดนมานะครับ .... . เวลาเราไปเติมน้ำมันตามปั้ม
... ให้ลงมาดูนะครับเวลาเด็กปั้ม เติมน้ำมัน
เ! ดินลงมาดูเด็กปั้มน้ำมันตอนเติมน้ำมัน
จะทำให้คนชั่วร้ายไม่กล้าคิดทำอะไร
อย่าขี้เกียจนั่งในรถยนต์เด็ดขาด

... เพราะถ้าคุณไม่ดูอาจเป็นแบบเพื่อนผม .... ..
เพื่อนผมไปเติมน้ำมัน ทางสายจะไปแพร่
เติมเสร็จขับรถออกมา ดูกระจกหลังเห็นมีถุงพลาสติกปลิวไสวๆ
อยู่ที่ฝาเติมน้ำมัน มันก็เลยลงมาดู ...
..เจออะไรรู้ไหมครับ เจอยาบ้า 5 เม็ดอยู่ในถุง
มันก็เลยโยนทิ้งข้างทาง พอขับรถออกมาได้ สัก 1 กม.
เจอด่านตำรวจครับ ตำรวจเรียกตรวจ ... ...
คำแรกที่ตำรวจถามมันถามว่าเปิดฝาถังน้ำมันหน่อย ... ...
พอจะรู้กันหรือยังครับ รถเพื่อนผมโดนรื้อทั้งคันเลย ... .
เพราะมันหายาบ้าไม่เจอ ท่าทางหงุดหงิดมาก
ค้นอยู่นานเป็นชั่วโมงเลย พอไม่เจอมันก็เลยปล่อยเพื่อนผมไป
พอจะวิเคราะห์ออกไหมครับ
ตำรวจกับเด็กปั้มทำมาหากินด้วยกัน
โดยการให้เด็กปั้มแอบเอายาบ้ามายัดตามรถที่เติมน้ำมัน
ยัดเสร็จโทรไปแจ้งรูปพ! รรณรถกะตำรวจ
แล้วพอค้นเจอยาก็จะขอตังส์ ให้เรื่! องจบ 2-3 หมื่น
แล้วไปแบ่งกันกะเด็กปั้ม ... ! โชคดีที่เพื่อนผมเห็นทันเลยรอดตัว
เวลาไปเติมน้ำมันสังเกตกันให้ดีนะ ครับ
ถ้าเจออย่างนี้ เซ็งครับ ไม่ใช่เรื่อง เล็กๆ เลย

ปล. อ่านจบ แล้ว FW. ต่อด้วยจะดีมากๆเลยครับ
เพื่อนๆทุกคนอ่านแล้วมีความรู้ส่งต่อด้วยนะครับช่วยๆกัน

วันชัย จัยสิน

ว่ากันด้วยเรื่องยาคูลท์ วู๊ๆๆๆ‏

เพราะรักและห่วงใย... จึงส่งให้ ..I Love U.


ยาคูลท์... เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้
ปัจจุบันมีเครื่องดื่มน้ำสีส้มขวดขาวขุ่นออกมาวางแข่งกับยาคูลท์หลายยี่ห้อ ดิฉันก็เคยซื้อกินเหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ว่ามันถูกดี กินทีอิ่มไปหลายชั่วโมง หลอดก็ใหญ่กว่าดูดได้สะใจ หรือจะยกซดก็ไม่เลว แต่จะว่าไปแม้จะพยายามเลียนแบบอย่างไร
(ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าอื่นเขาจงใจเลียนแบบหรือแค่บังเอิญ) ยาคูลท์ก็ยังไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้

มีข้อน่าสังเกตคือ ยาคูลท์ไม่ควรดื่มเกินวันละ 2 ขวด เนื่องจากแท้จริงแล้วยาคูลท์นั้นมิใช่ขนม แต่เป็นนมที่ผ่านการหมักบ่มกับน้ำตาลและน้ำ และผสมกับเชื้อแบคทีเรียฝ่ายธรรมะ ที่ชื่อว่า Lactobacillus casei shirota strain ที่เราคุ้นๆหูกันอยู่นั่นเอง ดังนั้นถ้ามีไอ้ เลคโตบาสิลัสมากไป มันอาจจะแย่งที่อยู่ ทีนี้ละก็บ้านที่มันอาศัย หรือก็คือท้องของเราเองก็จะถูกแลคโตบาสิลัสพันธุ์นักการเมืองปู้ยี่ปู้ยำ ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรคงไม่ต้องบอก



Lactobacillus casei shirota

ยาคูลท์ทำงานอย่างไร
หากมองลงไปในพุงกะทิของเราเองจะเห็นว่าลำไส้เล็กนั้น จะบีบขย้ำกดขี่ข่มเหงและแปลงอาหารที่เรากินเข้าไปให้เป็นสารที่เป็นประโยชน์เพื่อรอการดูดซึมแต่ในขณะเดียวกันก็จะมีสารที่เป็นโทษหลุดรอดออกมาด้วย เมื่อร่างกายก่อเกิดความสมดุลของแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ ระบบย่อยอาหารของเราก็จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ



เฉลี่ยแล้ว แลคโตบาซิลัสมีมูลค่าตัวละ 0.00000000075 บาท
แต่ถ้าสมดุลเสียไป สารพิษและสาร อันตราย อาจถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย ดังนั้นไอ้เจ้าแลคโตบาสิลัสก็เลยคิดใหม่ทำใหม่กลายเป็นพระเอกม้าขาว(ออกสีนวลๆส้มๆหน่อย) เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการปรับสมดุลของลำไส้ ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของช่องท้องให้ สม่ำเสมอ ลดสารที่จะก่อให้เกิดความเสียหายที่ถูกผลิตโดยแบคทีเรียฝ่ายค้าน(ฝ่ายย่อยสลาย)

จุดเริ่มต้น

หากใครคิดว่ายาคุลท์มีแค่เมืองไทยละก็ผิดถนัด เพราะ ยาคูลท์มีสัญชาติญี่ปุ่นเต็มตัว นับว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับโกโบริก็น่าจะได้ เพราะเมื่อ 70 กว่าปีก่อนหรือปี คศ.1930 ดร.มิโนรุ ชิโรตะ (คศ.1899-1982) จากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยเกียวโตประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มต้นวิจัยพัฒนายาคูลท์ขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยเหตุที่ว่าในช่วงเวลานั้น ชาวญี่ปุ่นประสบกับปัญหาเกี่ยวกับโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เนื่องจากขาดสารอาหาร การสาธารณะสุขและสภาพเศรษกิจ และในระหว่างปี คศ. 1930-1935 ดร.ชิโรตะสามารถจำแนกแยกแบคทีเรียจากลำไส้คนได้ถึง 300 ชนิด

เป้าหมายหลักคือจำแนกแบคทีเรียที่สามารถอยู่รอดปลอดภัยจากการเดินทาง ของมันผ่านช่องท้องและน้ำดีที่มีฤทธิ์เป็นกรด ไปสู่ลำไส้เล็ก ที่ๆมันสามารถทำงานได้ในระบบย่อย แบคทีเรียแต่ละชนิดถูกทดสอบความทนทานต่อกรดและน้ำดี และแบคทีเรียตัวที่หนังเหนียวที่สุดก็คือ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิ 10 องศา จุลินทรีย์จะหลับ แล้วช่วงที่เราเอาออกมาดื่ม ณ อุณหภูมิห้อง 37-38 องศา มันจะตื่นก็พร้อมจะทำงานให้ร่างกายเราทันที

ถ้าตู้เก็บความเย็นไม่พอ หรือวางทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง จุลินทรีย์อาจมีปริมาณมากกว่าที่ระบุไว้ข้างขวด เพราะมันเติบโตขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ แต่ตัวพ่อตัวแม่จะเริ่มอ่อนแอลง เพราะออกลูกออกหลานจนเหนื่อย ....ฉะนั้นให้รีบๆ กินซะ
แต่ถ้าคุณปล่อยให้ยาคูลท์ตากแดด จุลินทรีย์จะตาย ยังกินได้อยู่นะ แต่ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ...

ยาคูลท์ ช่วยกำจัดกลิ่นในจุดซ้อนเร้นของผู้หญิง

เชื่อได้ว่า...คงมีสาวๆหลายคนที่กำลังประสบปัญหากับสิ่งนี้กับกลิ่นไม่พึงประสงค์จุดซ้อนเร้นที่หากแฟนหนุ่มเข้าใกล้คงร้องจ๊ากจนต้องวิ่งหนีไปสามร้อยลี้ จนทำให้เพื่อนๆ ขาดความมั่นใจ แต่วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆกับวิธีง่ายๆมาฝากกันในการกำจัดกลิ่นนั้นให้หายไปค่ะสำหรับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในจุดซ้อนเร้นของสาวๆที่เกิดขึ้นนั้น เกิดได้จากเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีในช่องคลอดน้อยลง ซึ่งถูกทำลายโดยแบตทีเรียจนเกิดเป็นกลิ่นออกมาในบางรายกลิ่นอาจจะแรงมากแม้ในขณะเข้าใกล้แต่ไม่ใช้เรื่องน่าตกใจเพราะปัญหาที่เกิดนี้มีวิธีรักษาได้อย่างง่ายดายส่วนวิธีรักษานั้นเพียงแค่เพื่อนๆเพิ่มเชื้อจุลินทรีย์เข้าไปทำลายแบตทีเรียที่เกิดอยู่โดยเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่ว่านี้ก็คือเชื้อ "แลคโตบาซิลัส" (Lactobacillus)ที่มีอยู่ในยาคูลท์ ซึ่งเพื่อนๆ คงรู้จักกันดี เพียงแค่เพื่อนๆ ทานยาคูลท์วันละขวด เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับร่างกายให้เข้าไปทำลายแบตทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเท่านี้กลิ่นที่เพื่อนๆ ไม่พึงประสงค์ในจุดซ้อนเร้นก็จะหายไปเอง
ยาคูลท์ปั่นสูตรผู้ใหญ่ นะจร๊ะ...หุหุใส่เรด ซู่ซ่าส์. .

นำยาคูลย์น้ำแข็งโซดาปั่นรอบแรกพอละเอียด ใส่ เรดเลเบิล
( เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสดชื่น)



เพิ่มสีสันให้เล็กน้อยด้วยสีสวยๆจากน้ำหวาน หลังจากนั้นก็
ก็ใส่ เยลลี่ ลงไปปั่น จะได้ออกมา หน้าตาแบบนี้แหละ...ฮี่ๆๆ..


น่ากินมั้ยล่ะ เทใส่แก้ว เพื่อความสวยงาม


ที่นี้ก็ได้เครื่องดื่มดับร้อน แก้กระหายแล้วจ้า ซู่ซ่าส์ๆๆ ..




คิดถึงก็ตอบ ไม่ชอบก็ delete ยังมีอีกเดี๋ยวส่งใหม่ จนกว่าจะคิดถึง....^-^

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

North Point's iBand

เรื่องน่าทึ่ง ต้องอ่าน...ครับพี่น้อง

เรื่องน่าทึ่ง ต้องอ่าน...ครับพี่น้อง...
a.. อเล็กซานเดอร์มหาราชค้นพบกล้วยหอมเป็นครั้งแรกก่อนปี ค.ศ.327 ขณะทำสงครามที่อินเดีย

b.. แอปเปิ้ลเป็นพืชตระกูลเดียวกับกุหลาบ

c.. จำนวนแถวของข้าวโพดแต่ละฝักเป็นเลขคู่เสมอ

d.. ยีราฟที่ตัวโตเต็มวัย...สามารถเตะหัวสิงห์โตจนหลุดได้

e.. ถ้าพ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อไปที่หมีขั้วโลก..ขนของมันจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง

f.. ช้างเป็นสัตว์โลกพันธุ์เดียว...ที่กระโดดไม่ได้….อิ..อิ

g.. ปลาฉลามเป็นปลาชนิดเดียว...ที่กระพริบตาได้…อิ..อิ..

h.. บ้านของบิลล์เกตส์...ออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์แมคอินทอช

i.. ฮิตเลอร์และนโปเลียน...มีลูกอัณฑะเพียงข้างเดียว…กี๊บ..กี๊บ...

j.. ลีโอนาโด ดาวินชี…สามารถใช้มือข้างหนึ่งวาดรูปและใช้มืออีกข้างหนึ่งเขียนหนังสือไปพร้อมๆ กันได้…

k.. เมือง Aiea ในฮาวายเป็นเมืองเดียวที่สะกดด้วยชื่อสระเพียงอย่างเดียว…ยากจัง..

l.. เมืองอิสตัลบูลเป็นเมืองเดียวในโลกที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีปคือยุโรปและเอเชีย....

m.. สัตว์เลี้ยงในบ้านชนิดเดียวที่ไม่มีชื่ออยู่ในคัมภีร์ไบเบิ้ลคือแมว

n..111,111,111x111,111,111 = 12345678987654321

o.. เดือนที่ขึ้นต้นด้วยวันอาทิตย์จะมีวันศุกร์ที่ 13 เสมอ

p.. โทรศัพท์สาธารณะกลางทะเลทรายที่ซาอุดิอารเบียใช้พลังงานแสงอาทิตย์

q.. ลีโอนาโดดาวินชีเป็นผู้คิดค้นกรรไกร

r.. ทอม แฮงก์เป็นลูกหลานของประธาณาธิบดีลินคอร์น

s... ในนมเปรี้ยวยาคูลท์ 1 ขวดมีจุลินทรีย์ แอล คาเซอิ ชิโรต้า ที่มีชีวิต 8000 ล้านตัว

t.. อาหารมื้อแรกที่โทมัสอัลวาเอดิสันทานตอนที่เดินทางมาถึงนิวยอร์กครั้งแรกคือ...น้ำชา

u.. ชาวไทยที่เป็นเจ้าของรถยนต์คันแรกคือ พระยาสุรศักดิ์มนตรี
แต่คนไทยที่ได้ขับรถเป็นคนแรกคือพระยาอนุฑูต ซึ่งเป็นน้องชาย

v.. ตวนอู อับดุลราหมานอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย…เคยเป็นศิษย์เก่าของเทพศิรินทร์

w.. กรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 1 ปีจุลศักราช931(9+3+1=13) ครั้งที่ 2 ปี 1129(1+1+2+9=13)

x.. คำว่า BYTE เป็นคำย่อมาจาก By Eight

y.. คำว่า set ถูกนิยามความหมายไว้มากกว่าคำอื่นๆ

z.. คำว่า stewardesses เป็นคำที่ยาวที่สุดในการพิมพ์ด้วยมือซ้ายข้างเดียว

aa.. คำว่า typewriter เป็นคำที่สามารถพิมพ์ได้ยาวที่สุดในบรรทัดตัวอักษรบนสุดของแป้นพิมพ์

ab.. คำศัพท์ที่สามารถอ่านได้จากทั้งหน้าไปหลัง และหลังไปหน้า
ที่ยาวที่สุดในโลกคือคำว่า Saippuakivikauppias เป็นภาษาฟินนิช…แปลว่า...คนขายสบู่หิน

ac.. คาราเต้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอินเดีย

ad.. ไพ่คิงโพธิ์แดงเป็นคิงคนเดียวที่ไม่มีหนวด ส่วนไพ่แจ๊คที่ไม่มีหนวดคือ…แจ๊คดอกจิก

ae.. รหัสโทรศัพท์ของรัสเซียคือ 007

af.. ประธานาธิบดีลินคอร์นมีเลขาชื่อเคนเนดี…ส่วนประธานาธิบดีเคนเนดีมีเลขาชื่อลินคอร์น

ag.. ค่าโดเมนเนมที่แพงที่สุดคือ business.com มีราคา 7.5ล้านดอลล่าร์

ah.. กำไร 40% ของแมคโดนัลมาจากการขายชุดแฮปปี้มีล

ai.. แมคโดนัลเป็นผู้จัดจำหน่ายของเล่นที่ใหญ่ที่สุดของโลก

aj.. ดิสนีย์แลนด์มีขนาดใหญ่กว่าประเทศที่เล็กที่สุดในโลก 5 ประเทศรวมกัน

ak.. เจ้าของดิสนีย์แลนด์กลัวหนู

al.. โดนัลดั๊กถูกแบนในประเทศฟินแลนด์เพราะ...ไม่ได้ใส่กางเกงใน

am.. โทมัส เอดิสันผู้ค้นพบหลอดไฟเป็นโรค...กลัวความมืด

an.. ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายพันธมิตรตั้งใจมาทิ้งระเบิดที่บางกอกน้อย….ระเบิดลูกหนึ่งพลัดหลง ตกลงตรงห้องพักเด็กแรกเกิด เด็กในห้องตายหมด....เหลือรอดเพียงคนเดียว คุณตาของเขาจึงตั้งชื่อว่า เด็กชายปลอดประสพ สุรัสวดี

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

TAC Campaign - 20 year Anniversary retrospective montage "Everybody Hurt...

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)

อัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
ความจำสั้น แม้ความรักจะยาว

อัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เกี่ยวกับสมอง และระบบประสาท ในกลุ่มของโรคสมองเสื่อมที่ยังหาสาเหตุไม่ได้ การไม่รู้สาเหตุทำให้การวินิจฉัยหรือรักษาโรคเป็นไปได้ยาก โดยงานวิจัยทางการแพทย์ระบุได้เพียงว่า ผู้ป่วยอัลไซเมอร์กลุ่มหนึ่งมีสาเหตุความผิดปกติจากพันธุกรรมซึ่งถ่ายทอดไปสู่ลูกหลานได้
ลักษณะเด่นของโรคอัลไซเมอร์ที่ผู้คนรู้จักและจดจำได้ คือ กระบวนการเสื่อมของเซลล์สมองแบบค่อยเป็นค่อยไปจนตาย อาการของโรคจึงค่อย ๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านไป
นายแพทย์ไพศาล วชาติมานนท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์อินเตอร์เนชันแนล เผยว่า อัลไซเมอร์เป็นโรคในกลุ่มภาวะสมองเสื่อมที่พบมากที่สุด ร้อยละ 50-70 ผู้ป่วยจะเกิดอาการความจำเสื่อม สูญเสียความสามารถของสมองในด้านสติปัญญาระดับสูงร่วมกับอาการทางจิต ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรม อารมณ์ และอาการหวาดระแวง
อัลไซเมอร์ มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ แต่ในบางกรณีก็พบโรคอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็ว (early-onset Alzheimer’s) ในคนอายุน้อยด้วย และมีการประมาณการณ์ว่า ในปี 2549 ประชากรโลก 26.6 ล้านคนเป็นโรคอัลไซเมอร์ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า ในปี 2593 (นึกไม่ออกเลยว่า สภาพความเป็นอยู่จะเป็นอย่างไร)
อาการระยะแรก (1-2 ปี) จะวินิจฉัยยาก แต่อาการแสดงออกคือ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง การตัดสินใจบกพร่อง ขาดแหตุผล ขาดการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การจดจำลดด้อยถ้อยลง หรือตอบวนเวียนไม่ตรงคำถาม บุคลิกเปลี่ยนไป อาจมีอาการหวาดระแวงร่วมด้วย พูดน้อย เรียกชื่อสิ่งของผิด ๆ ถูก ๆ (เอ ! ตรงกับอาการของเราเลยนี่) แต่สามารถทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ
ระยะที่ 2 (2-10 ปี)
- อาการจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นอย่างช้า ๆ และเริ่มแสดงให้เห็นชัดเจน
- สูญเสียความสามารถในการเรียนรู้จดจำข้อมูลใหม่ ๆ
- การนึกถึงความทรงจำเลวลง โดยความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ จะสูญหายไปก่อน ความทรงจำในอดีต ผู้ป่วยจะติดอยู่กับอดีตที่ความทรงจำยังเหลืออยู่
- การสื่อสารผิดปกติ คำพูดลดลงเรื่อย ๆ รูปประโยคหดสั้นติดขัด
- จำทิศทางไม่ได้ (ทำให้หลงทาง)
- อาการซึมเศร้า หวาดระแวง หงุดหงิด อารมณ์ร้าย ถึงขั้นทำร้ายผู้อื่นได้
ระยะสุดท้าย (10 ปีขึ้นไป)
- ไม่สามารถทำงานในกิจวัตรต่าง ๆ ได้เลย แม้ว่าแขนขาจะยังดี เดินนอนได้ แต่ต้องมีคนดูแลเพราะในที่สุด แขนขาของผู้ป่วยจะเริ่มเกร็งแข็ง เคลื่อนไหวได้ไม่ปกติ และต้องนอนเตียงตลอดเวลา ทำให้ตกเป็นภาระการดูแลในทุกๆด้าน และในระยะสุดท้ายที่จะมีการแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้


การรักษา ดังที่กล่าวแล้วว่าอัลไซเมอร์เป็นโรคที่หาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ ทำให้ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดหรือป้องกันได้เลย แต่วิวัฒนาการทางการแพทย์ปัจจุบันที่ก้าวหน้าขึ้นมาก ก็ทำให้การรักษาเพื่อชะลอการดำเนินโรคให้ความเสื่อมถอยนั้นเกิดขึ้นช้าลง สามารถทำได้โดยการใช้ยา พบว่าอาการหลายๆอย่างจะกลับดีขึ้นในระยะหนึ่ง นั่นหมายถึงผู้ป่วยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นานขึ้นกว่าเดิม
ปัจจุบันในประเทศไทย มียาที่ใช้เพื่อบรรเทาการดำเนินของโรคอัลไซเมอร์อยู่ 4 ชนิด คือ 1 Donepezil (Aricept) 2 Rivastigmine (Exelon) 3 Galantamine (Reminyl) และ 4 Mimanitine (Ebixa) ซึ่งแม้กลุ่มยาเหล่านี้จะมีราคาแพง แต่เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการดูแลผู้ป่วยก็นับว่าคุ้มค่า โดยเฉพาะเมื่อใช้ยาตั้งแต่ระยะแรกของโรค และการใช้ยาจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับขนาดปริมาณให้เหมาะสม และไม่เกิดผลข้างเคียงมากเกินไป ทั้งนี้ผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งอาจจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อรักษาอาการทางจิตร่วมด้วย เพื่อควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมไม่ให้รุนแรงจนเป็นอันตรายต่อทั้งตัวผู้ป่วยเอง และคนใกล้ชิด
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ คนใกล้ชิดที่ดูแลผู้ป่วย ต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ในระดับหนึ่งเพื่อเตรียมรับมือกับพฤติกรรมและอาการต่างๆ ที่ผู้ป่วยแสดงออกมา ซึ่งทำให้ผู้ดูแลตกอยู่ภาวะเครียดสะสมด้วย
เพราะอัลไซเมอร์เป็นภาวะสูญเสียความทรงจำที่ไม่อาจเรียกคืน ดูแลท่านก่อนความทรงจำดีๆระหว่างลูกกับพ่อ-แม่จะหายไป






นพ.ไพศาล วชาติมานนท์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชันแนล

One Leg Dance

Flexibile French

Magic

Fish

Nikon D90 vs Canon 550D Durability Test (Part 1)*

Canon EOS 550D sample video

Canon EOS 550D / Rebel T2i hands-on video

Canon EOS 550D walkthrough video

ฺBusiness

สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป

ไม่มีใครทำให้คนทุกคนรักเราได้.....................
.อาจจะมีคนชอบในตัวเรา10คน แต่ก็มีคนเกลียดเรา100คน........
แคร์คนที่แคร์เรา ไม่แคร์คนที่ไม่แคร์เรา..............
มีมิตรแท้เพียงหนึ่ง ดีกว่ามีเพื่อนกินเป็น100.............




สุดมือสอยก็ปล่อยมันไป........

เมื่อคุณชี้แจงไปแล้ว เขาก็ควรจะยอมรับฟัง แต่เมื่อเขาไม่ฟังและ คุณก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดไปแล้ว ก็คงต้อง “ปล่อยมันไป”

ในโลกนี้ มีเรื่องอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่เราไม่สามารถให้เวลากับมัน หรือไม่สามารถทำในสิ่งนั้นให้ดีที่สุด แต่แล้วเราก็ต้องปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นผ่านไป
เพราะหากเรามัว แต่จะ“นับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา” เวลาของคุณคงไม่พอเป็นแน่

( มีความหมายว่า จะพยายามทำให้คนทั้งโลกรู้สึกพอใจตัวเองในทุกเรื่อง )

ดังนั้น
ทำอะไรก็ตาม ควรทำเท่าที่เราทำได้
เมื่อทำอย่างดีที่สุดแล้ว
คนเขาไม่เห็นว่าดีก็ต้อง “ปล่อยมันไป”

เลือกทำในสิ่งที่เห็นว่า เราถนัดที่สุด และ มีความสุขที่จะทำก็พอแล้ว

อะไรก็ตาม ที่เราไม่ถนัด หรือถึงถนัด...แต่ไม่มีความสุขที่จะทำ ก็อย่าทำ

เรามีเวลาไม่มากนักหรอกที่จะแบกสารพัดภาระในโลกนี้
ควรมองไหล่ของตัวเองดูสักหน่อยว่า พร้อมจะแบกเป้หลังที่มีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด
อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเองเพราะไม่เพียงแต่มันจะทำให้คุณเป็นทุกข์
แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของคุณด้วย


ขออนุโมทนาขอบคุณชาวพุทธทุกท่านที่กรุณา forward mail แนะนำธรรมทานนี้ต่อ ๆ กันไป
ทางชมรมฯ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใด ๆ และขออภัยอย่างสูง หาก mail นี้รบกวนท่าน
กรุณา reply เพื่อปฏิเสธการรับ mail ครั้งต่อไปด้วย

ผู้หญิงสู้คน

From: Subject: FW: ผู้หญิงสู้คน



ผู้หญิงสู้คน คู่มือสําหรับผู้หญิงยุคใหม่ ในการปกป้องตัวเองจากภัยอาชญากรรม เครดิตจาก
http://womansafety.blogspot.com/


กระเป๋าของฉัน ชีวิตของฉัน
นัก ธุรกิจสาวรายหนึ่งเล่าเรื่องที่เกิดกับเธอไว้เป็นอุทาหรณ์

เรื่องร้ายเกิดขึ้นเมื่อ...
เธอกับลูกสาวมาร่วมงานแต่งงานของผู้ใหญ่ท่าน หนึ่ง
งานเลิกราวสามทุ่มเศษ
เธอพาลูก สาวกลับมายังรถที่จอดไว้ข้างถนนใกล้โรงแรม

ขณะที่เดินอยู่
เธอก็ถูกวัยรุ่นชายสองคน สวมหมวกบังหน้า ไม่สวมหมวกกันน็อค
ขี่รถจักรยานยนต์ปรี่เข้ามา แล้วกระชากกระเป๋ากุชชี่ที่เธอถืออยู่

ด้วยความเสียดายกระเป๋าแบรนด์เนม
เธอลงทุนยื้อยึดกับคนร้ายเพื่อปกป้องกระเป๋า สุดหวง
แรงกระชากทำให้นัก ธุรกิจสาวถึงกับเสียหลักล้มลง
ร่างกายครูดไปตามพื้นถนนจนถลอกปอกเปิก
แต่เธอก็ยังไม่ยอมปล่อยกระเป๋า
จนเมื่อลูก สาวร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ เธอจึงได้สติ

เธอตัดสินใจปล่อยมือ ปล่อยคนร้ายให้ได้กระเป๋าไปอย่างลอยนวล
เพราะนึกถึงความปลอดภัยของสิ่งที่เธอรัก มากกว่า นั่นคือลูกสาว
แม้ว่า จะเสียดายทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไป แต่เงินสด โทรศัพท์มือถือ
แว่นตาแบรนด์เนม และกระเป๋าใบนั้น คงไม่มีความหมาย
ถ้าคนร้าย โมโหและใช้มีดหรือปืนทำร้ายเธอและลูกสาวสุดที่รัก

อย่า พกอะไรที่ต้องเสียใจเมื่อมันถูกฉก
เทกระเป๋าของคุณออกมา
ตรวจสอบว่ามีอะไรที่คุณจะต้องเสียใจไปอีกนาน
ถ้ามันหายไปพร้อมกระเป๋า หยิบมันออกมา
แล้วเก็บไว้ใน ที่ปลอดภัยเสียเดี๋ยวนี้

กระเป๋า ไม่ใช่ตู้นิรภัย
สิ่งที่ควรมีคือ “ของไม่มีค่า” แต่ “จำเป็น” ต่อชีวิตประจำวันของคุณ
อย่าใส่ของมีค่า ที่คุณต้องร้องไห้ด้วยความเสียดายไว้ในกระเป๋าเป็นอันขาด

วิธี ดีที่สุดที่จะทำให้คุณร้องไห้น้อยที่สุดเมื่อเสียมันไป
คือการทำให้มัน “น่าเสียดาย” น้อยที่สุด

1) อย่าเลือกใช้กระเป๋าที่มีราคาแพงมากๆ
กระเป๋าแบรนด์เนมที่ถูกกรีด หรือกระชาก จะสร้างความเจ็บใจ
ให้คุณมากขึ้นและยอมสู้จนได้รับบาดเจ็บเพื่อ มัน
เลือกใช้กระเป๋าที่ถ้าจำ เป็นจริงๆ
คุณจะสามารถตัดใจทิ้งมันได้เพื่อรักษาชีวิต

2) ฝึกนิสัยพกเงินสดแค่จำนวนที่จะใช้ในแต่ละวันเท่านั้น
พกบัตรเงินสดหรือบัตรเครดิตให้น้อยใบที่สุด

3) ถ้ามีบัตรเอทีเอ็มมากกว่าหนึ่งใบ ควรพกไว้แค่ใบเดียว
เป็นใบที่มีเงินในบัญชีเล็กน้อย ส่วนใบอื่นที่มีเงินในบัญชีมากกว่า
ควรเก็บไว้ที่อื่นที่ปลอดภัย เช่น ในบ้าน ในกรณีที่บัตรใบแรกหาย
บัตรสำรองจะ ลดความกังวลไปได้มาก

4) บัตรสำคัญต่างๆ ในกระเป๋าให้นำมาเรียงกันบนกระดาษ A4
แล้วถ่ายเอกสารเก็บไว้รวมกัน เมื่อกระเป๋าสตางค์หาย
คุณจะรู้ว่า มีเอกสารสำคัญหายไปบ้าง

5) จดเบอร์สำหรับอายัดบัตรสำคัญต่างๆ
เก็บไว้ที่ที่ทำงาน ที่บ้าน หรือในรถ
หรือเมมโมรี่ ไว้ในโทรศัพท์มือถือ พร้อมอายัดได้เสมอ

6) ถ้าคุณขับรถ ควรติดกระเป๋าช้อปปิ้งไว้ในรถหนึ่งใบ
เมื่อจะลงไปซื้อของ หยิบเฉพาะเงินสดที่จะใช้
บัตรเครดิต หนึ่งใบใส่กระเป๋าช้อปปิ้ง แค่นั้นพอ

7) อย่าใส่กุญแจบ้านหรือรถไว้ในกระเป๋าสะพาย
คล้องกุญแจไว้ที่กระเป๋ากางเกงหรือเข็มขัดเสมอ

เทคนิคเดินถนนอย่างคนฉลาด
วันไหนที่รู้ ตัวว่าต้องสัญจรด้วยการเดิน

วางแผนเส้นทางก่อน เสมอ
เลือกเส้นทางที่โล่ง มีคนเดินมากๆ ไม่มีพุ่มไม้หนาทึบ
ยอมเดินไกลในถนนใหญ่ ดีกว่าเข้าซอยทางลัดที่ย่นระยะทางแต่เปลี่ยวคน
หัดเปลี่ยนเส้นทาง อย่าใช้เส้นทางเดิมทุกวัน

อย่าถือข้าวของพะรุงพะรัง
ถ้าทำได้ให้รวบของถือด้วย หนึ่งมือ ให้มีอีกมือว่างไว้เสมอ
สามอวัยวะในตัวของคุณที่ต้องทำให้ว่างไว้ รับสถานการณ์
คือ หู ตา และมือ
ถ้าอวัยวะใดไม่ว่าง ทำมันให้ว่างในบัดดล

อย่ายืนรอรถเมล์หรือรถไฟฟ้าแบบตามสบาย
ผู้หญิง ที่ยืนพิงเสา เม้าท์มือถือ เพลินเสียงเพลง คิดถึงแฟน
ท้าวแขน ล้วงกระเป๋า เอาแต่เหม่อ คนร้ายจะชอบมาก
ให้ยืนตัวตรงทิ้งน้ำหนักลงทั้งสองขา สังเกตเหตุการณ์รอบตัวเป็นระยะๆ
มั่นใจว่ากระเป๋าปิดเรียบร้อย รูดซิปปิดทุกช่อง
ความหละหลวมไม่ใส่ใจของ ผู้หญิงมัก สะดุดตาโจร
ฝึก นิสัยจับกระเป๋าสะพายให้กระชับตัวเสมอ
หันด้านปากกระเป๋าเข้าตัว อย่าเดินแกว่งกระเป๋าตาม สบาย

ถ้ามีรถยนต์แล่น ปราดเข้ามาจอดตรงหน้า
ถอยออกมาให้ห่างทันที ถ้าเขาจอดเพื่อถามทาง
อย่าเข้าไปบอกจนชิดประตูรถ จนเขาดึงขึ้นรถไปง่ายๆ
ทิ้งระยะให้ไกล แต่บอกด้วยเสียงดังขึ้นจะดีกว่า

สอดส่ายสายตาหา “เซฟเฮ้าส์” ระหว่างทางไว้เสมอ
ที่ซึ่งคุณจะสามารถผลุบเข้า ไปซ่อนได้ถ้าเกิดเหตุร้าย
เช่น ร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ ร้านปากซอย
เซฟเฮ้าส์เหล่านี้มีประโยชน์ มากในหลายสถานการณ์
เช่น ถ้าคุณสงสัยว่าถูกสะกดรอย แทนที่จะเดินไปเรื่อยๆ
ด้วยความหวาดกลัว คุณสามารถเลี้ยวผลุบเข้าไป ยังเซฟเฮ้าส์เหล่านี้
แล้วแอบสังเกตการณ์ว่า คนที่เดินตามคุณผ่านหน้าร้านไปหรือเปล่า
คุณอาจรีบออกมาแล้ววิ่งสวนกลับไปยังทิศตรงกัน ข้าม

หมั่นฝึกซ้อมความ คิดไว้ตลอดเวลา
สมมุติว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้น คุณจะแก้ไขอย่างไร
การฝึกซ้อมความคิดจะทำให้ คุณรู้ว่า คุณ ต้องการอะไร
ใน ยามคับขัน และ สามารถตระเตรียมรับมือมันได้อย่างรอบคอบ

อย่าให้มันเลือกคุณเป็นเหยื่อ
การวาง ตัวสร้าง “ระยะห่าง” อาจช่วยผลักคนร้ายออกไปจากชีวิตคุณได้
“อวัจนภาษา” คือการใช้ภาษาร่างกายสื่อสาร

จงใช้มัน “ขู่” คนร้ายไว้เสมอ
เริ่มตั้งแต่มันยังไม่ประชิดตัว คุณ

เทคนิคการ “ขู่” คนร้ายไม่ให้เลือกคุณเป็นเหยื่อ

1) คุณรู้สึกว่าผู้ชายคนหนึ่งมองคุณอยู่
แทนที่จะบอกมันว่าคุณเป็นเหยื่อด้วยการหลบตาเมินไปทางอื่น
อย่าทำอย่างนั้น มองตรงไปที่มัน ไม่ต้องถึงกับจ้องเขม็งอย่างประสงค์ร้าย
แต่อย่าหลบตา อย่าทำเป็นไม่เห็น มองหน้ามันไว้
จง “ขู่” มันด้วยสายตาว่า
“ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร อย่าเข้ามาเชียว”

2) ถ้ามันเดินเข้ามาใกล้ตัวคุณ
อย่ารอให้มัน ถึงตัว ถอยหลังทันทีแล้วปรามมันด้วยคำพูดว่า “ขอโทษค่ะ”
ผู้ชายที่ดี จะถอยหลังจากคุณและขอโทษ
แต่ผู้ชายสวะอาจยังหน้าด้าน ถ้ามันยังล่วงล้ำเข้ามาถึงตัว
เช่น ทำท่าจะฉวยมือคุณ จง “เข้ม” ใส่มันด้วยการพูดออกมาดังๆ ว่า
“ขอโทษค่ะ คุณจะทำอะไรคะ”

3) ถ้าเจ้าสวะ “แบล็คเมล์” คุณกลางสาธารณชน
ด้วยการโพล่งว่า “ยายนี่ประสาทหรือเปล่า”
หรือ “อะไรกันวะ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย โวยวายไปได้”
จงอย่าตกหลุม พรางของความอายที่มันขุดล่อ
จง “เตือน” มันด้วยการถอยหลัง ยกมือขึ้นกั้นไว้ แล้วสั่งว่า

“หยุด! อย่ามาใกล้ฉัน” หรือ “ไป ให้พ้น”

ประเด็นสำคัญ!

อย่ากลัวที่จะดูเป็น “ยายประสาท”
ในสายตาของคนเดินถนนที่ผ่านมา
เชื่อเถอะว่า เจ้าสวะจำนวนมาก อาจถึงครึ่งต่อครึ่ง
จะเลือกเลิกล้มแผนชั่วเมื่อ เจอยายประสาทที่ฉลาดกว่ามัน

ร้องบอกโลกด้วยนกหวีด

ผู้ชายที่ ประทุษร้ายผู้หญิงจนต้องรับกรรมในห้องขังคนหนึ่ง
สารภาพว่า เขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงที่ถือร่ม นกหวีด
หรืออะไรก็ตามที่สามารถใช้ เป็นอาวุธในการต่อสู้ได้

ดังนั้น ถ้าคุณต้องเดินคนเดียวในที่เปลี่ยว อย่าเดินมือเปล่า
ถืออะไรบางอย่างติดมือไว้ ถ้ามีร่ม จับไว้ให้มั่น
มีนกหวีด ห้อยคอไว้พร้อมเป่าเสมอ

นกหวีดช่วยชีวิตคนมามากแล้วในหลาย สถานการณ์
เช่น เมื่อหลงทางหรือติดอยู่ในสถานที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ
แม้แต่โรสยังรอดตายจากเรือ ไตตานิคล่ม
เพราะนกหวีดบอกให้คนอื่นรู้ ว่าเธอยังมีชีวิต

ดังนั้น หยิบสร้อยนกหวีดขึ้นมาคล้องคอไว้แทนทุกครั้ง
เมื่อคุณออกจากที่ทำงาน ลงจากรถเมล์ ไปช้อปปิ้ง เดินทาง
หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไปออกกำลังกายในสวนสาธารณะ
เมื่อเกิดเหตุไม่น่าไว้ใจ เป่านกหวีดไว้ก่อน

เสียง นกหวีดจะทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้ว่าคุณกำลังตกอยู่อันตราย
เสียงนกหวีดจะทำให้ยามหรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจสนใจ

ถ้าต้องวิ่งหนี วิ่งไปพร้อมกับเป่านกหวีดไปด้วย
เพื่อเรียกร้องความ สนใจให้มากที่สุด

คงไม่มีคนร้ายหน้าไหนที่เสียสติถึงกับวิ่งตามผู้หญิงใจ กล้า
ที่วิ่งหนีแล้วเป่านกหวีด เหมือนคนบ้าอย่างแน่นอน

เกี่ยวกับผู้เขียน

คุณ amita
ข้อความทั้งหมดในบล็อคนี้มาจาก หนังสือของผู้เขียนที่จัดพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Blissiness และ
PaperMint หวังว่า ข้อเขียนทั้งหมดในบล็อคและในหนังสือจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่าน ไม่มากก็
น้อย

เรื่องขำๆ

คลายเครียดครับ

นาตาลีเป็นคนสวยมาก แต่ไม่มีชอบสรีระร่างกายของตัวเองโดยเฉพาะส่วนหน้าอก



วันหนึ่งนาตาลีจึงไปหาหมอพอลที่มีชื่อเสียงด้านการปรับขนาดของทุกๆ ส่วนในร่างกาย

นาตาลี : คุณหมอคะ ดิฉันมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าอกเล็กค่ะ ทำอย่างไรดีคะหมอ

หมอพอล : ง่ายนิดเดียวเอง แค่คุณต้องสั่นแขนตลอดเวลา หน้าอกของคุณก็จะใหญ่ขึ้นเอง ผมรับรอง



นาตาลีกลับบ้าน และปฏิบัติตามคำสั่งหมอพอลอย่างเคร่งครัด หล่อนจะสั่นแขนทุกครั้งที่มีโอกาส วันหนึ่งบนรถประจำทางโรเบิร์ตชายหนุ่มรูปหล่อนั่งอยู่ข้างๆ นาตาลี และเห็นนาตาลีกำลังสั่นแขนอยู่ ก็ถามว่า

โรเบิร์ต : คุณครับ... คุณเป็นคนไข้ของหมอพอลใช่ไหมครับ

นาตาลี : ใช่ค่ะ ... แล้วคุณรู้ได้ยังไง


โรเบิร์ตยังไม่ทันได้ตอบ แต่นาตาลีรู้คำตอบได้ทันที

. . . . เมื่อสังเกตเห็นโรเบิร์ตนั่งสั่นขาไม่ยอมหยุด



ถีบเมียแล้วเมียจะรักมากขึ้น
1 . ดื่มเหล้าให้เมาแล้วกลับดึก ๆ
2. แต่พอกลับมาบ้านต้องพยายามให้ยังพอมีสตินิดนึง
3. แกล้งทำเป็นเข้านอนทั้งชุดนั้นเลยโดยไม่ต้องอาบน้ำ
4. ช่วงนั้นเมียคงจะด่าเราอยู่..เราก็เลยถอดกางเกง
5. แกล้งทำเป็นถอดไม่ได้..เมียเราก็จะมาช่วยถอดเอง
6. และจังหวะที่เมียเข้ามาใกล้นั่นแหละ.. บรรจงถีบเมีย ให้หงายไปเลย
7. แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า ” อย่ามายุ่งกับกู..กูรักเมียกุคนเดียว” แล้วก็หลับไปเลย
8. เช้ามาแค่นั้นแหละ..เมียก็จะรีบหากับข้าวอร่อยๆมาให้เราทานทันที

* สิ่งที่ผู้ชายอยากได้ที่สุด *
มีท่านผู้รู้กล่าวไว้ว่า สิ่งที่ผู้ชายอยากได้ที่สุด คือ


1. มีผู้หญิงสักคนที่คอยดูแลบ้าน ทำความสะอาด และ มีงานทำ

2. มีผู้หญิงสักคน ที่ทำให้เขาหัวเราะได้

3. มีผู้หญิงสักคน ที่เขาไว้ใจได้และไม่โกหก

4. มีผู้หญิงสักคนที่ยอดเยี่ยมเรื่องบนเตียง และอยากอยู่กับเขาเสมอ


และข้อสุดท้าย...



5. ผู้หญิงทั้ง 4 คนนั้น ต้องไม่รู้จักกัน

เอาบทกรวดน้ำจาก Fwd. mail มาฝาก
ธรณี นี่นี้ เป็นพยาน
อันตัวลูกได้ทำทาน เสร็จแล้ว
จึงยืมถังท่านสมภาร มากรวด น้ำเฮย
คนอื่นใช้ขวดและแก้ว ลูกว่า เล็กไป
เพราะสิ่งหวังในใจลูก มากมี
ขึ้นศกใหม่ทั้งที ต้องเริ่ด
จะขอเผื่อสามี และบุตร ด้วยแฮ
ชวนมาวัดทำเชิ่ด ทั้งลูก และผัว

หากชาติหน้าเกิดอีก ฉันใด
ขอเกิดประเทศไทย นะแม่
เกิดต่างแดนคงทำใจ ลำบาก
ภาษาอังกฤษฉันแย่ แต่เล็กจนโต

ขอให้สวยสุดหล้า ปฐพี
ได้ประกวดบนเวที หมู่บ้าน
มีสติปัญญาดี มิโง่
ให้โลกสะเทือนสะท้าน นี่แหละ หญิงไทย

ขอผัวที่ดี เก่ง และรวย
ผัวกระบักกระบวย ขอเว้น
มีผัวผิดคิดจนงงงวย ผัวเหี่ยว
ได้ดั่งใจลูกจะเซ่น ด้วยกิ๊กหนึ่งคน

ถ้ามีลูกขอลูกอย่า ทิ้งฉัน
เวลาแก่ตัวมัน ลำบากเน้อ
เลี้ยงโตแล้วทิ้งกัน หนีหมด
ปล่อยแม่คิดถึงเก้อ นี่หรือลูกเรา

ขอตัดเวรกับเจ้าหนี้ ทั้งปวง
ชาตินี้ไม่มีดวง จ่ายให้
จงอย่าเสียเวลาทวง วานบอก ทีแม่
ชาติหน้าอาจจ่ายได้ ถ้าผัวฉันรวย

ขอมากไป? หรือแค่ ชิวชิว?
แต่ตอนนี้ ลูกเป็นตะคริว ช่วยด้วย!!!!!



ต้องไม่ลืมกรวดน้ำนะจ๊ะ

วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Introducing Word Lens

My Kitchen iPad

Fishman's iPad Install

Apple iPad Vs. Samsung Galaxy Tab

Samsung Galaxy Tab - initial hands-on look

crystal case for ipad 2nd generation?

ASUS EPad at Computex. Windows 7 Tablet

2011 ASUS at CES - Unveiling of the Eee Pad

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Live from the Acer Tablet Unveiling

Windows Phone 7 preview - Games Test

Opera Company of Philadelphia "Hallelujah!" Random Act of Culture

Jackie Evancho PIE JESU- Incredible,Top 10 Americas got talent.mp4-Septe...

Muay Thai vs TKD

ปรุงอาหารด้วย "ไมโครเวฟ" อันตรายจริงหรือ?

Subject: Fw: ปรุงอาหารด้วย "ไมโครเวฟ" อันตรายจริงหรือ?


> ดีแล้ว จะได้ใช้อย่างสบายใจ
> *ปรุงอาหารด้วย "ไมโครเวฟ" อันตรายจริงหรือ? *
>
>
> * ถาม. คลื่นไมโครเวฟที่ใช้ในการปรุงอาหาร คือคลื่นชนิดใด *
> ตอบ. คลื่น Microwave
> ที่ใช้ปรุงอาหารคือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเหมือนคลื่นวิทยุ คลื่นทีวี คลื่นแสง
> infrared คลื่นแสงธรรมดา แสง Ultra Violet
> คลื่นรังสีเอ๊กซ์และคลื่นรังสีแกมม่า
> มีความยาวคลื่นสั้นกว่า คลื่นวิทยุ คลื่นทีวีแต่ยาวกว่าคลื่นแสง infrared
> และอื่น ๆ ที่กล่าวแล้ว คลื่น Microwave ที่ใช้ปรุงอาหารจะมีความถี่คลื่น
> 2,450
> ล้านรอบต่อวินาที (หรือ 2,150 Megahertz)
> เมื่อคลื่นพุ่งไปกระทบอาหารจะถ่ายทอดพลังงานของมันให้โมเลกุลของน้ำทั้งในและนอกอาหารเกิดการสั่นสะเทือนเสียดสีกันเป็นความ
> ร้อน จึงทำให้อาหารสุกอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่น Microwave มอบพลังงานให้
> Molecule ของน้ำหมดแล้ว มันก็จะสลายตัวไป ไม่สะสมอยู่ในอาหารอีก
> คงเหลือไว้แต่สภาพอาหารที่เปลี่ยนจากอาหารเดิมเป็นอาหารสุกเท่านั้น คลื่น
> Microwave จึงไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์
>
> * ถาม. ในทางการแพทย์มีการนำคลื่นชนิดนี้มาใช้ในการรักษาบ้างหรือไม่
> * ตอบ. ทางการแพทย์นำคลื่น Microwave มาใช้ในการรักษาบ้างเหมือนกัน
> แต่เป็นคลื่น Microwave ที่มีความถี่คลื่นน้อยกว่า Microwave
> ที่ใช้ปรุงอาหารเพราะต้องการเพียงความร้อนขนาดอุ่น ๆ สบาย ๆ
> หรือความร้อนสูงขึ้นอีกเล็กน้อยขนาดพอทนได้
> ไม่ใช่ร้อนมากขนาดจะทำให้เนื้อสุกไหม้ เช่น ทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูใช้ Microwave
> ความถี่ต่ำเพื่อใช้คลายการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อมีความร้อนขนาดอุ่น ๆ
> กำลังสบาย ๆ ทางด้านรังสีรักษาและทางระบบทางเดินปัสสาวะใช้ Microwave
> ความถี่สูงขึ้นกว่าทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูประมาณ 915 MZ ให้ความร้อนสูงขึ้น
> แต่ไม่ถึงจุดเดือด ใช้รักษาทำลายเซลล์มะเร็งเฉพาะที่ตื้น ๆ
> ร่วมกับการรักษาด้วยรังสีและยารักษามะเร็ง
> เครื่องเดียวกันนี้ยังสามารถใช้รักษาโรคต่อมลูกหมากโตในชายผู้สูงอายุบางรายได้ด้วย
>
>
> * ถาม. **คลื่นที่ใช้ในไมโครเวฟมีอันตรายต่อสุขภาพด้านใดหรือไม่
> * ตอบ. คลื่น Microwave ที่ใช้ในการปรุงอาหารไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ
> เพราะคลื่นจะสลายตัวไปไม่สะสมในอาหาร เมื่อรับประทานอาหารที่ทำให้สุกด้วย
> Microwave จึงไม่เกิดอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น
>
> * ถาม. การจ้องมองแสงในขณะที่กำลังทำงานมีอันตรายต่อดวงตา จริงหรือไม่ *
> ตอบ. ไม่จริง เพราะคลื่น Microwave ไม่สามารถจะทะลุทะลวงผ่านผนังตู้และ
> ฝาตู้ออกมาได้ เพราะมีแรงทะลุทะลวงต่ำกว่า infrared แสงธรรมดา และ Ultraviolet
> และรังสีเอ๊กซ์หรือรังสีแกมมา และแสงที่เรามองเห็นในตู้ไม่ใช่แสงของคลื่น
> Microwave
> แต่เป็นแสงของดวงไฟฟ้าที่เขาติดตั้งไว้ให้เห็นสิ่งที่อยู่ภายในตู้ขณะเครื่องทำงานเท่านั้นเอง
>
>
> * ถาม.
> อาหารที่ผ่านการปรุงด้วยไมโครเวฟจะมีรังสีตกค้างหรือปะปนมาในอาหารหรือไม่
>
> * ตอบ. อาหารที่ผ่านการปรุงด้วย Microwave จะไม่มีรังสีตกค้าง
> หรือปะปนมาในอาหารเพราะรังสีเป็นคลื่นพุ่งผ่าน
> แล้วมอบพลังงานของมันให้กับสิ่งที่มันพุ่งผ่านไป
> เมื่อพลังงานของมันหมดมันก็สลายตัวไป
> คงเหลือแต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังมันวิ่งผ่านไปคือเกิดความร้อนทำให้อาหารสุกนั่นเอง
>
>
> * ในการใช้เครื่องไมโครเวฟมีข้อควรระมัดระวังอะไรบ้าง
> * 1. เลือกซื้อเครื่องจากบริษัทที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐาน
> มีการรับรองคุณภาพการผลิต ฝาตู้ต้องปิดได้ แน่นสนิท ไม่มีรอยรั่ว
> 2. ก่อนใช้ต้องอ่านคู่มือการใช้ให้ละเอียด ทำให้ถูกต้องตามขั้นตอน
> 3. ไม่ควรวางของหนักหรือเหนี่ยวโหนประตูตู้ ในขณะที่ประตูเปิดอยู่
> เราะจะทำให้ฝาตู้ปิดไม่สนิท มีคลื่น Microwave รั่วออกมาได้ระหว่างใช้
> 4. เมื่อตู้ชำรุด ไม่ควรแก้ไขเอง ควรติดต่อช่างที่ชำนาญมาแก้ไข
> 5. ไม่ควรใช้ดวงตาแนบกับฝาตู้ขณะเครื่องทำงาน เพื่อความไม่ประมาท
> 6. การจะวัดว่ามีคลื่น Microwave รั่วไหลออกมาจากเครื่องทำได้
> โดยใช้เครื่อง Survey Meter ให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่กองรังสี
> กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข หรือบริษัทใหญ่ ๆ
> ที่ขายเครื่องไมโครเวฟ จะมีบริการการวัดคลื่น Microwave
> ที่รั่วออกมานอกตู้ให้ได้
>
> * ถาม.
> อายุการใช้งานของเครื่องและการดูแลมีส่วนสำคัญในเรื่องของความปลอดภัยอย่างไร
>
> * ตอบ. อายุการใช้งานของเครื่อง
> หากใช้ทะนุถนอมไม่ทำรุนแรงก็จะใช้เครื่องได้นานมาก
> บอกไม่ได้แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้ใช้ และวัสดุโครงสร้างของเครื่อง
> การดูแลมีส่วนสำคัญมากในเรื่องของความปลอดภัย
> เมื่อใช้ตู้ไปแล้วต้องเช็ดทำความสะอาดตู้สม่ำเสมอ
> อย่าปล่อยให้เศษอาหารกระเด็นค้างอยู่ในตู้เป็นระยะเวลานาน ๆ
> เพราะความเค็มของอาหารจะทำให้เหล็กตู้เป็นสนิมและเกิดเป็นรอยทะลุ ทำให้คลื่น
> Microwave รั่วออกมาเกิดอันตรายกับผู้ใช้ได้ ห้ามใช้ของมีคมขูดหรือขัดตู้
>
> * ถาม. ข้อแนะนำทั่วไปสำหรับการใช้ Microwave ที่ถูกต้องและปลอดภัย *
> 1. เลือกภาชนะที่ใช้กับตู้ Microwave ให้เหมาะสม เช่น ชามแก้วทนไฟ
> ชามกระเบื้อง พลาสติกทนความร้อน ภาชนะไม้ จานกระดาษ
> 2. ห้ามใช้ภาชนะโลหะทุกชนิดกับตู้ Microwave
> หรือภาชนะกระเบื้องที่มีขอบเงินขอบทอง เป็นส่วนผสมของโลหะ
> เพราะคลื่นไม่สามารถจะพุ่งผ่านไปได้ เมื่อชนโลหะแล้วคลื่นจะสะท้อนกลับ เกิดการ
> spark เป็นดวงไฟเล็ก ๆ เกิดเสียงดัง และอาจจะทำให้เกิดไฟลุกไหม้ในตู้ได้
> หากในตู้นั้นไม่สะอาดมีน้ำมันกระเด็นไปรอบตู้เป็นต้น
> 3. เวลาปรุงอาหารที่เป็นน้ำหรือน้ำมันเมื่อเดือดมีโอกาสกระเด็นไป
> ไกลไปติดรอบตู้ สกปรกเป็น มันเลอะเทอะ ทำให้ต้องทำความสะอาดตู้ยุ่งยาก
> อาจจะใช้ฝาชี พลาสติกทนความร้อน ครอบอาหาร เสียก่อนเริ่มเปิดใช้เครื่อง
> Microwave ทำให้ประหยัดเวลาในการทำความสะอาดตู้
> 4. ไม่ควรนำอาหารที่มีผิวมันหรือมีเปลือกแข็ง เข้าไปทำให้สุกในตู้
> เพราะความร้อนทำให้อากาศภายในอาหารขยายตัว
> ประกอบกับไอน้ำที่เกิดขึ้นมีแรงดันสูง จะทำให้เกิดระเบิดเสียงดังได้
> ควรใช้ส้อมจิ้มผิวอาหารหรือเปลือกอาหารให้เป็นรูเสียก่อน
> เพื่อป้องกันการปะทุที่เกิดจากความร้อนภายในอาหารขยายตัว
> 5. การปรุงอาหารด้วยภาชนะที่มีฝาปิดในตัวควรเผยอฝาปิดเล็กน้อย
> เพื่อให้ไอน้ำพุ่งออกได้หรือพลิกฝาปิดเพียงวางไว้เฉย ๆ ไม่ปิดแน่น
>
> * ถาม. **ข้อแนะนำ *
> ตอบ. ตู้ Microwave ถ้ารู้จักใช้ให้ถูกวิธีจะมีประโยชน์มาก เพราะสะดวก
> รวดเร็ว ประหยัด เหมาะสำหรับชีวิตปัจจุบันซึ่งต้องเร่งรีบไปหมดทุกอย่าง
>
> *อย่า ลืมซื้อเครื่องที่มีมาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพ
> อ่านคู่มือก่อนใช้ และเลือกภาชนะที่ใช้ให้เหมาะสม หากเครื่องดีไม่มีรอยรั่ว
> อันตรายจาก Microwave จะไม่เกิดขึ้นเลย 100%
>
> *
> ที่มา ... คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

"Eat Squid Stay Young" : ดร.สุพิศ ทองรอด นักวิชาการด้านอาหารของกรมประมง

Subject: "Eat Squid Stay Young" : ดร.สุพิศ ทองรอด นักวิชาการด้านอาหารของกรมประมง


ตั้งแต่นี้ไปฉันจะกินปลาหมึก
คนญี่ปุ่นนิยมกินปลาหมึกกันมาก ตรงกันข้ามกับคนไทยที่ชอบกินแต่ก็ไม่กล้ากิน กลัวคลอเลสเตอรอลที่มีอยู่ในปลาหมึก ถ้าจะกินบ้างก็กินแบบกลัว ๆ คนไทยกลัวจะเป็นโรคความดัน โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจ สั่งมากินแล้วทั้ง ๆ ที่อยากจะกินก็กินไม่ลง

เจ้าคลอเรสเตอรอลนี้แหละมันช่างเป็นมารคอหอยเสียนี่กระไร ครั้งนี้ผมจะบอกข่าวดี สำหรับคนที่ชอบกินปลาหมึกแล้วไม่แพ้ปลาหมึก ดร.สุพิศ ทองรอด นักวิชาการด้านอาหารของกรมประมง ได้ชี้แจงให้คณะกรรมมาธิการรัฐสภา ทราบว่า ในปลาหมึกมีกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 ! มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งจะช่วยในการลดปริมาณคลอเลสเตอรอลได้ดี ถึงแม้ว่าปลาหมึกจะมีโคเลสเตอรอลอยู่ด้วย แต่โดยทั่วไปเมื่อเจอกับโอเมก้า 3 ซึ่งจะถูกสังเคราะห์ได้ดีกว่าและเป็นตัวต่อต้านคลอเลสเตอรอลไม่ให้สูง หรือไม่ให้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นจะเห็นได้ว่า คนญี่ปุ่นจะกินอาหารทะเลทุกชนิด รวมทั้งปลาหมึก และไม่พบว่าเกิดโรคหัวใจ เมื่อเทียบกับคนในประเทศทางด้านยุโรป ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณโอเมก้า 3 นั่นเอง และคนญี่ปุ่นยังมีสุภาษิตที่ว่า

“Eat Squid Stay Young”

โอเมก้า 3 จะยังลดคลอเลสเตอรอล ไม่ให้เพิ่มสูงขึ้นและปริมาณโคเลสเตอรอล ที่ได้รับจากปลาหมึก จะบำรุงผิวหนัง ทำให้ใบหน้าเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบปลาหมึกกับเนื้อหมู จะตรงกันข้ามเพราะหมูไม่มีโอเมก้า 3 เห็นไหมครับ ฟังดร. สุพิศ ทองรอดแล้วรู้สึกปลาหมึกจะน่ารับประทานขึ้นอีกมาก

เรามากินปลาหมึกกันเถอะ ใครที่รู้สึกว่าที่ตึงเฉพาะหู ก็มากินปลาหมึก จะได้มีใบหน้าเต่งตึงได้ และมาเคี้ยวปลาหมึกล้างความแค้นเก่า ๆ ที่อุตส่าห์อดมานาน แต่จะอย่างไรก็ตาม อย่ากินอะไรให้มันมากเกินไป แม้แต่ข้าว หากกินมากไปก็เป็นโทษ จะทำอะไรก็บันยะ บันยังไว้บ้าง ให้พอดี พอดี โดยยึดหลักทางสายกลาง ดังคำที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

เล็กใหญ่ ไข่เท่ากัน.....

Subject: FW: เล็กใหญ่ ไข่เท่ากัน.....


รู้ไว้ได้ความรู้

อย่าเพิ่งคิดไปไกลไหนอื่น...ไข่ที่ว่า ไข่ไก่ ที่เรานำมาเจียวทอดต้มกินนี่แหละ

ที่มีการแยกคัดไข่ใหญ่เล็ก ขายแพงถูกไปตามขนาดเบอร์ 0 จนถึงเบอร์ 5...จนทำให้หลายคน รวมทั้ง "แม่ทองต่อ" หลงละเมอเพ้อพก
ไปว่า...ไข่ใหญ่ราคาแพงน่าจะดีกว่า ให้คุณค่าทางอาหารดีกว่าไข่ใบเล็ก ราคาย่อม

จริงๆ แล้วเราเข้าใจผิด...จะเล็กจะใหญ่สรรพคุณของไข่แทบไม่ต่างกันเลยค่ะ

"แม่ทองต่อ" เพิ่งรู้ความจริงเมื่อ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ชวนไปดูงานส่งเสริมให้ชาวบ้านใน จ.อุดรธานี และ หนองคาย เลี้ยงไก่ไข่และปลูกผักเสริมไอโอดีน เพื่อแก้ปัญหาคนไทยไอคิวต่ำเพราะขาดไอโอดีน...ได้พบเจออาจารย์ ผู้รู้ เชี่ยวชาญด้านไข่

เลยได้รู้...จะเล็กจะใหญ่ สรรพคุณของไข่มิต่างกัน

เพราะไข่ฟองเล็กฟองใหญ่ ความแตกต่างอันดับแรกอยู่ที่เปลือก ใบใหญ่เปลือกมากกว่าใบเล็ก...แต่ ความต่างตรงนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ

ที่ต่างกันมากๆอยู่ตรงไข่ขาว...ฟองใหญ่
ไข่ขาวเยอะกว่าฟองเล็ก

ส่วนไข่แดง ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่...ไข่แดงพอๆกัน

ด็อกเตอร์ผู้รู้บอกว่า ไข่ขาวแม้จะมีประโยชน์ มีคุณค่าทางอาหารอยู่บ้าง
แต่มิสู้ไข่แดง...ที่มี
คุณค่าทางอาหารเพียบพร้อม

สารอาหารในไข่แดงมีมากและทรงคุณค่าแค่ไหน ยกตัวอย่างง่ายๆ...ลูกไก่ที่โตเป็นตัวเป็นตนขณะอยู่ในเปลือกไข่ ก็เพราะได้ไข่แดงนี่แหละ เป็นอาหารสร้างตัวตนขึ้นมา

ไข่แดงสร้างไก่ให้เป็นตัวได้...ไม่จำเป็นต้องอธิบายมากว่ามีประโยชน์ขนาดไหน

ส่วนไข่ขาว ลูกไก่ไม่ค่อยได้เอามาใช้ ประโยชน์ เพราะมีหน้าที่มิต่างอะไรกับน้ำคร่ำที่คอยพยุงไข่แดงที่จะโตขึ้นมาเป็นลูกไก่ ไม่ให้กระทบกระเทือน

ในเมื่อรู้กันแล้ว เล็กใหญ่ไข่แดงเท่ากัน ให้คุณค่าอาหารพอกัน

แล้วเราจะเสียค่าโง่ซื้อไข่ฟองใหญ่ราคาแพงกว่า เพื่อเอาไข่ขาวที่ให้ประโยชน์น้อย กับเอาเปลือกที่ใหญ่กว่ามาทิ้งไปทำไมกัน.

โดย : แม่ทองต่อ

พบแล้ว "กิโลเมตรที่ 0" ของกรุงเทพฯ ที่แท้อยู่ใต้จมูกเราเอง..

พบแล้ว "กิโลเมตรที่ 0" ของกรุงเทพฯ ที่แท้อยู่ใต้จมูกเราเอง..
เถียงกันเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งรู้ความจริงวันนี้เอง..... ดำรงพันธ์ สนิทวงศ์ฯ


พบแล้ว "กิโลเมตรที่ 0" ของกรุงเทพฯ ที่แท้อยู่ใต้จมูกเราเอง..

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1292143939&grpid=01&catid=&subcatid=








"อีก 77 กิโลเมตรถึงกรุงเทพฯ" แล้วตรงไหนล่ะ คือหลักกิโลเมตรที่ 0 ..???

หลายคนยังงงว่าหลักกิโลเมตรที่ 0 ของกรุงเทพฯ อยู่ตรงไหนของเมืองฟ้าอมรแห่งนี้ ใบ้ให้ว่าอยู่ใจกลางเมืองจริงๆ เชื่อว่าหลายคนเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว บางคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญอีกด้วย

เฉลยกิโลเมตรที่ 0 ของกรุงเทพฯ อยู่ที่ "อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย" นี่เอง


ผ่านสถานที่สำคัญแห่งนี้มาก็หลายครั้งหลายหน แต่เพิ่งสังเกตเห็นป้ายสีน้ำตาลเล่าถึงรายละเอียด ซ่อนตัวอยู่บนริมถนนราชดำเนินกลาง ปากทางเข้าถนนดินสอ ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนสตรีวิทยา พร้อมแผนที่ทางหลวงประเทศไทยขนาดใหญ่ตั้งอยู่ข้างกัน ระบุว่า "กิโลเมตรที่ 0 ของทางหลวงแผ่นดินสายประธาน หมายเลข 1 หมายเลข 3 และหมายเลข 4 เริ่มจากที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยถนนราชดำเนินกลาง แยกไปตามถนนสายต่างๆ ในกรุงเทพฯ"

ปีใหม่ปีนี้ ใครจะไปเที่ยวไหนแต่เริ่มต้นไม่ถูก ขอให้มาที่หลักกิโลเมตรที่ 0 ก่อน รับรองไม่หลง..

Hand & Arm Rotation

เรื่องเงินๆทองๆ

ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามา หลายคนคงวางแผนและตั้งหน้าตั้งตาที่จะรับสิ่งดี ๆ สิ่งใหม่ ๆ เข้ามา และแน่นอนว่าพนักงานเงินเดือนทั้งหลาย คงใจจดจ่อกับโบนัสท้ายปีที่บริษัทจะจ่ายเป็นกำลังใจในการทำงานที่ทุ่มเทมา ตลอดปี แต่บริษัทหลายแห่งก็ยังคงเงียบกริบ! ไม่มีสัญญาณใด ๆ ขณะที่หลายบริษัทรู้แล้วว่าจะได้โบนัสเท่าไหร่ แว่ว ๆ มาว่าปีนี้กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ และยานยนต์ ได้โบนัสงาม ๆ คนละ 10 เดือนเลยทีเดียว!

ทั้งนี้ สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย ได้เผยผลการสำรวจการปรับเงินเดือนและการจ่ายโบนัสของบริษัทเอกชน ปี 2553-2554 เป็นดังนี้


10 อันดับภาคเอกชนที่มีการปรับขึ้นเงินเดือนมากที่สุดมีดังนี้

อันดับ1 คือ กลุ่มปิโตรเคมี, พลาสติก, แก๊ส,ปิโตรเลียม ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 5.3%

อันดับ 2 คือ กลุ่มก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, อสังหาฯ ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 5.27%

อันดับ 3 คือ กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 5.19%

อันดับ 4 กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 5.12%

อันดับ 5 เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 5.1%

อันดับ 6 กลุ่มพาณิชยกรรม ปรับขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 5.05%

อันดับ 7 อาหารและเครื่องดื่ม ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 4.88%

อันดับ 8 โลหะและเหล็ก ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 4.5%

อันดับ 9 การขนส่ง ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 4.24%

อันดับ 10 การพิมพ์และสิ่งพิมพ์ ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยที่ 3.84%


10 อันดับภาคเอกชนที่มีการจ่ายโบนัสมากที่สุดมีดังนี้

อันดับ 1 คือ กลุ่มโลหะและเหล็ก จ่ายโบนัสโดยเฉลี่ย 3.75 เดือน

อันดับ 2 คือ กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ จ่ายโบนัสโดยเฉลี่ย 3.10 เดือน

อันดับ 3 คือ กลุ่มก่อสร้าง,วัสดุก่อสร้าง, อสังหาฯ, การขนส่ง,พลาสติก, เคมี, ยาง, ปิโตรเลียม จ่ายโบนัสโดยเฉลี่ย 2.50 เดือน

อันดับ 4 คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จ่ายโบนัสโดยเฉลี่ย 2.02 เดือน

อันดับ 5 กลุ่มพาณิชยกรรม จ่ายโบนัสโดยเฉลี่ย 2.00 เดือน

อย่างไรก็ตาม หากแยกการปรับเงินเดือน และจ่ายโบนัสของแต่ละบริษัทแต่ละหน่วยงานเป็นดังนี้

กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์มีการจ่ายโบนัสมากที่สุด เช่น

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ มีการจ่ายโบนัสมากสูงสุดถึง 10.5 เดือน และปรับเงินเดือน 5%

บริษัท เอส.ซี.แอสเสท คอร์ปอเรชั่นโบนัส 7-8 เดือน และปรับเงินเดือน 6-7%

ศุภาลัย จ่ายโบนัส 5-10 เดือน และปรับเงินเดือน 10%

ควอลิตี้เฮ้าส์ จ่ายโบนัส 5 เดือน และปรับเงินเดือน 5%

เพอร์เฟค พร็อพเพอร์ตี้ จ่ายโบนัสมากกว่า 3 เดือน และปรับเงินเดือน 5-10%


กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ก็มีการจ่ายโบนัสสูงเช่นกัน เช่น

บริษัท โตโยต้า(ประเทศไทย) จำกัด จ่ายโบนัสสูงสุด 6.05 เดือน และจะมีการปรับเงินเดือนช่วงเดือนเมษายน 2554

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิลประเทศไทย จำกัด จ่ายโบนัส 6 เดือน และปรับเงินเดือน 6.5%

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด จ่ายโบนัส 6 เดือน และปรับเงินเดือน 6 เดือน

บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด จ่ายโบนัสปกติ 1 เดือน จากนั้นจะจ่ายตามการประเมินผลงานของพนักงานอีก 3-5 เดือน ในเดือนเมษายน 2554


กลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และพลังงาน เช่น

ปตท. จ่ายโบนัส 5 เดือน และปรับเงินเดือน 5%

สหวิริยา อินดัสตรี จ่ายโบนัส 2 เดือน และปรับเงินเดือน 5-7%

แพรนด้า จิวเวลรี่ จ่ายโบนัส 2 เดือน และปรับเงินเดือน 5%

เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ จ่ายโบนัสคงที่ 2 เดือน และปรับเงินเดือนสูงสุด 10% (พิจารณาตามผลงาน)

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จ่ายโบนัสคงที่ 1 เดือน บวกเพิ่มตามผลประกอบการไตรมาสสุดท้าย และจะประกาศอีกครั้งตอนสิ้นปี 2553

ส่วนบริษัท บ้านปู จ่ายโบนัสคงที่ 1 เดือน บวกเพิ่มตามผลประกอบการไตรมาสสุดท้าย

กลุ่มสื่อสาร-แบงก์-ประกัน เช่น

เอไอเอส คอร์ปอเรชั่น จ่ายโบนัส 2-3 เดือน บอกเงินพิเศษเพิ่มให้อีก 1 เดือน ส่วนการปรับเงินเดือนปรับเพิ่มตามผลงาน

ดีแทค โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมิวนิเคชั่น จ่ายโบนัสสูงสุด ไม่เกิน 2.5 เดือน ปรับเงินเดือน 5%

ธนาคารไทยพาณิชย์ จ่ายโบนัสรวม 5 เดือน และมีการปรับเงินเดือนสูงสุดไม่เกิน 7%

ธนาคารกรุงเทพ จ่ายโบนัส 3 เดือน และยังไม่มีการปรับเงินเดือนในช่วงนี้

เอไอเอ ประเทศไทย จ่ายโบนัส 2.5 เดือน และยังไม่มีการปรับเงินเดือนในช่วงนี้

องค์กรหน่วยงานอื่น ๆ

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) คาดจ่ายโบนัส 2 เดือน และไม่มีการปรับเงินเดือน

ส่วนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จ่ายโบนัส 1.5 เดือน และไม่มีการปรับเงินเดือน

การไฟฟ้า ส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จ่ายโบนัส 1 เดือน และไม่มีการปรับเงินเดือน

ข้าราชการ ส.ส.-ส.ว.-แรงงาน

เงินเดือนข้าราชการ ปรับขึ้น 5%

ส.ส. และ ส.ว. ปรับขึ้นเงินเดือนระหว่าง 14.3 ถึง 14.7%


บริษัทที่ยังไม่มีตัวเลขที่แน่นอนว่าจะมีการปรับเงินเดือนเท่าไหร่ เช่น

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คาดจ่ายโบนัส 4.4 เดือน

บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด คาดปรับเงินเดือน 6% ขึ้นอยู่ผลงานพนักงาน

บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) คาดจ่ายโบนัสเฉลี่ยไม่เกิน 10.5 เดือน และปรับเงินเดือนเฉลี่ย 5%

บริษัท เอส.ซี.แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คาดจ่ายโบนัสเฉลี่ย 7-8 เดือน ส่วนเงินเดือนอาจจะปรับขึ้นเฉลี่ย 6-7%

บมจ.บินไทย พนักงานขอปรับขึ้นเงินเดือนขั้นต่ำเฉลี่ย 7.5% พร้อมโบนัสอีกอย่างน้อย 3 เดือน

แหม… ได้โบนัสกันมากมายแบบนี้น่าอิจฉาจริง ๆ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะคะ ปีนี้ได้โบนัสจากการทำงานกันบ้างคนละเท่าไหร่กันเอ่ย?

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Huaxi: Secrets of China's richest village

Vick s Vaporub ..ช่วยลดอาการไอแบบ Amazing !

Subject: FW: Vick s Vaporub ..ช่วยลดอาการไอแบบ Amazing !



> หน้าหนาวอีกแล้ว จึงส่งเรื่องนี้มาใหม่อีกครั้ง เผื่อลืม
>
> อย่าลืมเอาไปลองใช้ดูนะ
> ------------------------------
>
> ....เผื่อมีโอกาศลองดูน๊า ไม่เสียหาย....
>
>
> ใช้ยา Vicks Vaporub ..ทา..เพื่อช่วยลดอาการไอแบบ Amazing !
>
> เป็นข้อมูล ที่ได้รับข้อความจากต่างประเทศที่ได้พบวิธีลดการไอ ด้วย Vicks
> Vaporub และได้ผล 100% .... ด้วยเนื้อหาโดยสรุป ดังนี้
>
> มีการวิจัยจาก Canada Reserch Council พบว่า การทา Vick Vaporub
> ที่ใต้ฝ่าเท้าและสวมถุงเท้านอน จะลดการไอได้ผล 100%
> และถือเป็นการยืนยันจากผู้ที่เคยทดลองทั้งเด็ก และ
> ผู้ใหญ่ที่เวลานอนมีอาการไอและสามารถลดการไอได้อย่างอัศจรรย์ ( Amazing! )
> พวกเราถ้าใครมีปัญหาดังกล่าวก็นำไปลองทำดู
> หากใช้ได้ผล....ช่วยแจ้งบอกคนอื่นๆด้วย ถือเป็นวิทยาทาน และ
> ช่วยให้คนหายป่วยจาก
>
> การไอที่ทุกข์ทรมารจะได้ผลบุญอันยิ่งใหญ่
>
> สุดท้าย ขอให้อาการที่เคยไอจงหายไป -
> การนอนไม่หลับหรือรู้สึกรำคาญเวลานอนไม่สามารถหลับต่อเนื่องก็จะหมดไป
>
> - ที่สำคัญบุตรหลานที่เคยต้องทนทุกข์กับการกินยาแก้ไออย่อย่างต่อเนื่อง (
> อาจมีผลข้างเคียงก็ทำให้ผู้ปกครองหมดกังวลทั้งเรื่องรายจ่าย และ
> ความปลอดภัยของผลข้างเคียงต่อเด็กๆ
> )
>
> อย่าลืม
> forward mail ดีๆ เช่นนี้ให้กับคนที่คุณรัก และ ห่วงใย
> เพื่อสังคมและพวกเราคนไทยทั่วประเทศครับ
> เพื่อโปรดทราบและนำไปลองปฏิบัติครับ
>
> ***********************
>
> ผมได้มาเหมือนกัน ตอนแรกอ่านแล้วก็คิดว่า คงเป็นเรื่องส่งกันเล่นๆ
> ผมเองยังส่งต่อให้เพื่อนๆเลย และส่งให้คุณ1000ระยา
> ซึ่งเป็นอดีตพยาบาลด้วย เธอก็บอกว่า จะน่าเชื่อถือเหรอ?
>
> จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไปบ้านคุณแม่
> เจอน้องสาวหน้าตาอิดโรย เธอบอกว่า นอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว
> ตั้งแต่เป็นหวัด หายไข้แล้ว แต่ยังไอไม่หยุด
> โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาล้มตัวลงนอน
> พอเคลิ้มๆจะหลับเป็นอันต้องตื่น
> เพราะจะระคายคอ ไอแล้วไออีก
>
> ผมนึกถึงเมล์ที่เคยได้รับ เลยแนะนำไปว่า
> น้องลองเอาวิคทาที่เท้าแล้วใส่ถุงเท้านอนดูนะ
> พี่ได้รับเมล์มายังไม่เคยลอง ไม่รู้จะได้ผลหรือไม่
> แต่ลองไปก็ไม่เสียหาย เธอก็บอกว่า กลางคืนทาวิคที่คอ ที่อก ที่จมูก
> ก็ไม่ได้ผล ตกลงจะให้ทาที่เท้าเหรอ เอ้าจะไปลองดู
>
> พอรุ่งเช้า 7 โมงเช้า เธอก็โทรเข้ามือถือผม บอกว่า พี่ๆๆๆ
> ได้ผลจริงๆด้วย เมื่อคืนทาวิคที่ฝ่าเท้า ทาไปนวดไป แล้วใส่ถุงเท้านอน
> ปรากฏว่า หลับเป็นตายทั้งคืน ไม่มีอาการไออีกเลย
>
> ฮั่นแน่ ได้ผลจริงๆวุ้ย...
>
> จนเมื่อสองวันก่อนลูกสาวทำท่าจะเป็นหวัด ไอค่อกไอแค่ก เพราะไปว่ายน้ำมา
> ก่อนนอน ไอจนพ่อกลัวจะไอแล้วอาเจียนตามประสาเด็ก เลยบอกลูกสาวว่า
> เอาเท้ามา จะทายาให้ก่อนนอน แล้วก็เอาวิคทาที่เท้าทั้งสองข้าง นวดเบาๆ
> แล้วใส่ถุงเท้าให้เธอ ตอนที่เธอเริ่มนอนก็ยังไอ อยู่เลย พอหลับสนิท
> ไม่ได้ยินเสียงไอจากเธออีกเลยจนเช้า
>
> เห็นว่า
> ได้ผลจริง จากคนใกล้ตัวที่ทดลองมาแล้ว เลยมาบอกต่อ เผื่อว่า
> ใครมีอาการแบบนี้ หรือ มีลูก มีหลาน มีญาติ ไอตอนกลางคืน
> ก็ลองเอาไปใช้ดูนะครับ
>

ชีวิตเหมือนด้ายในหลอดด้าย

Subject : ชีวิตเหมือนด้ายในหลอดด้าย



มายาแห่งหลอดด้าย....โดยท่าน ว . วชิรเมธี


สองสัปดาห์ก่อน ผู้เขียนจาริกปฏิบัติศาสนกิจในฐานะพระธรรมทูต ที่ มหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันหนึ่งหลังจบการเสวนาธรรม สตรีสูงอายุคนหนึ่งขอโอกาสเข้ามานั่งคุยกับผู้เขียน ระหว่างการสนทนา ผู้เขียนสังเกตเห็นว่า น้ำตาเธอคลอหน่วย
เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ เธอ จึงตอบว่า ที่น้ำตาคลอหน่วย เพราะรู้สึกดีใจที่ได้มาฟังธรรม แต่พร้อมกันนั้นก็เสียใจจนสะเทือนใจ ที่สะเทือนใจก็เพราะเธอรู้สึกว่า ตนเองได้พบกับ ธรรมะเมื่ออายุมากแล้ว จึงรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา เธอเล่าว่า

"ชีวิตคนเรา ก็ เหมือนกับเส้นด้ายที่ถูกดึงออกมาจากหลอดด้ายทีละนิดๆ ขณะที่ดึงด้ายออกมาจากหลอดด้ายนั้น บางทีเราก็รู้สึกกระหยิ่มว่า ยังมีด้ายเหลืออยู่อีกมากมาย จึงชะล่าใจที่จะดึงด้ายออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย แต่พบ ว่าแท้จริงแล้ว มีด้ายอยู่เพียงนิดเดียว เย็บผ้าได้เพียงนิดหน่อยก็หมด หากแต่ที่เราเห็นว่า ยังคงมีด้ายเหลืออยู่เยอะแยะนั่นเป็นเพราะว่า

แกนด้ายมันใหญ่ต่างหาก...แกนด้ายมันหลอกตาให้ เราพลอยชะล่าใจ... "

พลันที่เธอเล่าจบ ผู้เขียนก็รู้สึกสว่างโพลงขึ้นมาในใจ

ผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ได้มาฟังเทศน์เสียแล้ว แต่เธอมาเทศน์ต่างหาก

เธอกำลังเทศน์เรื่อง "ความสำคัญของเวลา" และ " คุณค่าของชีวิต"
เคยได้ยินคำพูดในทำนองนี้บ่อยๆ ว่า เรามีเวลา ๒๔ ชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่ากัน ทว่า
เราได้ประโยชน์จากเวลาไม่เคยเท่ากัน

สำหรับบางคนเวลา ๒๔ ชั่วโมงช่างแสนสั้น แต่สำหรับบางคน ๒๔ ชั่วโมง ช่าง
เป็นเวลายาวนานเหลือแสน

ผู้หญิงคนนี้เธอบอกว่า เธอเสียดายที่มีเวลาเหลืออีกไม่มาก อยากจะปฏิบัติธรรม
ให้ถึงที่สุดก็เกรงว่าเวลาจะมีไม่พอ

ผู้เขียนจึงบอกว่า การ ปฏิบัติธรรมนั้นไม่สำคัญที่เวลา แต่สำคัญที่ "ปัญญา" สำหรับคนมีปัญญากล้าแข็ง อย่าว่าเป็นวันเลย บางที นาทีเดียวก็บรรลุธรรมได้ สำหรับคนเขลา ต่อให้ภาวนาทั้งชีวิต บางทีก็ยังไม่เห็นผล คนที่อยู่ในวัยสนธยา จึงไม่ควรน้อยใจว่า เรามีเวลาไม่พอ แต่ควรจะบอกตัวเองว่า เรายัง " พอมีเวลา" ต่างหาก

แต่ คนที่คิดว่าเรายัง "พอมีเวลา" ก็ต้องระวังด้วยเหมือนกัน เพราะบางทีการคิดด้วย ท่าทีที่เป็นบวกอย่างนี้ ก็ทำให้ประมาท และเป็นเหตุให้พลาดโอกาสที่จะเร่งรัดทำสิ่งดีๆ

ดังนั้น นอกจากจะคิดว่ายังพอมีเวลาแล้ว ก็ควรจะคิดเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า " วันนี้เป็น วันสุดท้ายของชีวิต" ด้วย เพราะหากเราคิดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต เราจะเริ่มคิดถึงสิ่งที่ต้องทำแข่งกับเวลา และนั่นจะทำให้ เวลา กลายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุด ของชีวิตได้ในทุกๆ วัน

เรา เคยได้ยินพระท่านสอนอยู่บ่อยๆ ว่า การฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ผู้เขียนอยากบอกว่า การฆ่าเวลาต่างหากที่เป็นบาปมหันต์ยิ่งกว่า เพราะเมื่อคุณฆ่าสัตว์ หากสำนึกได้ คุณ ก็อาจจะไปหาสัตว์มาปล่อยเอาบุญ แต่หากคุณฆ่าเวลาด้วยวิธีใดก็ตาม ถึงแม้คุณจะ สำนึกผิด กลับมาเห็นคุณค่าของเวลา ทว่าก็ไม่สามารถย้อนเวลาที่ผ่านไปแล้วให้ หวนคืนกลับมาได้อีก เราทุกคนต่างก็มีเวลาที่ไม่อาจรีไซเคิล ไม่ว่าคุณจะมีเงิน มหาศาลสักกี่ล้านล้านดอลล่าร์ก็ตามที สำหรับเวลานั้น ผ่านแล้ว ผ่านเลยนิรันดร์

ครั้งหนึ่งลีโอ ตอลสตอย เคยเขียนปริศนาธรรมไว้ว่า
" ใคร คือ คนสำคัญที่สุด
งานใด คือ งานที่สำคัญที่สุด
เวลาใด คือ เวลาที่ดีที่สุด"

ตอลสตอยตั้งคำถามนี้ผ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง และในที่สุดก็เฉลยว่า

" คนสำคัญที่สุด ก็คือ คนที่อยู่เบื้องหน้าเรา
งานสำคัญที่สุด ก็คือ งานที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี ้
เวลาที่ดีที่สุด ก็คือ เวลาปัจจุบันขณะ"

ทำไม คนที่อยู่เบื้องหน้าเราจึงสำคัญที่สุด คำตอบก็คือ อาจเป็นไปได้ว่า ในชั่วชีวิต อันแสนสั้นนี้ เรากับเขาอาจมีโอกาสพบกันได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้น เรา จึงควรทำให้ การพบกันทุก ครั้ง เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองอันแสนวิเศษที่ต่างฝ่ายต่างควร สร้างความทรงจำแสนงามไว้ให้แก่กันและกันตลอดไป

เราต้องไม่ลืมว่า มนุษย์นั้น รู้เกลียดยาวนานกว่ารู้รัก
หาก การพบกันครั้งแรกนำมา ซึ่งความรัก และหากเป็นการพบกันเพียงครั้งเดียวของ ชีวิตในอนันตจักรวาล นั่นก็นับว่า เป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดแล้วสำหรับการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างคนสองคน

ทำไม งานที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ จึงเป็นงานสำคัญที่สุด คำตอบก็คือ เพราะทันทีที่คุณ ปล่อยให้งานหลุดจากมือคุณไป งานก็จะกลายเป็นของสาธารณ์ หากคุณทำงานดี มัน ก็คือ อนุสาวรีย์แห่งชีวิต และหากคุณทำงานไม่ดี มันก็คือ ความอัปรีย์แห่งชีวิต

ตอนแรกคุณเป็นผู้สร้างงาน แต่เมื่อปล่อยงานหลุดจากมือไปแล้ว

งานมันจะเป็น ผู้ย้อนกลับมาสร้างคุณ

ทำไม เวลาที่ดีที่สุด จึงควรเป็นปัจจุบันขณะ คำตอบก็คือ เพราะเวลาทุกวินาทีจะไหล ผ่านชีวิตเราเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าคุณจะหวงแหนเวลาขนาดไหน มีเงินมากเพียงไร ก็ไม่มีใครสามารถรื้อฟื้นเวลาที่ล่วงไปแล้วให้คืนกลับมาได้

ทุก ครั้งที่เวลาไหลผ่านเราไป หากเราไม่ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด ชีวิตของคุณ ก็พร่องไปแล้วจากปวงประโยชน์มากมายที่คุณควรได้จากห้วงเวลา

เวลาไม่มีตัวตน แต่หากเรามีปัญญา ก็สามารถสร้างคุณค่าที่เป็นรูปธรรมจากเวลาได้อเนกอนันต์

คน...แม้มีตัวตนเห็นกันอยู่ชัดๆ แต่หากปฏิบัติไม่ถูกต่อเวลา ถึงมีตัวตนเป็นคนอยู่แท้ๆ แต่ชีวิตก็อาจว่างเปล่ายิ่งกว่าเวลา

ทุก วันนี้ เราทุกคนกำลังสาวด้ายแห่งเวลาในชีวิตออกมาใช้กันอยู่ทุกขณะจิต เคยคิด กันบ้างหรือไม่ว่า เส้นดายแห่งเวลาในชีวิตของเรา เหลือกันอยู่สักกี่มากน้อย เราถนัด แต่สาวด้ายออกมาใช้ หรือว่าเราใช้เส้นดายแห่งเวลาอย่างมีคุณ ค่าที่สุดแล้ว ?

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Weloveking ตอนแผ่นดินของเรา

Weloveking ตอนคนล่าเมฆ

Weloveking ตอนเหรียญของพ่อ (Low Resolution)

Weloveking ตอนจากฟ้าสู่ดิน

Weloveking ตอนราชประชานุเคราะห์

Weloveking ตอนเรื่องเดียวกัน (Low Resolution)

Weloveking ตอนอาม่า

Simon & Garfunkel - The Sound of Silence - Madison Square Garden, NYC - ...

AVSEQ09.DAT

求知若飢 虛懷若愚﹣Steve Jobs

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตะลึง!...ชายคนแรกที่หายจากการติดเชื้อเอชไอวี

ตะลึง!...ชายคนแรกที่หายจากการติดเชื้อเอชไอวี
โดย ชัยรัตน์ ยิ่งกิจสถาวร




ชายคนนี้ชื่อ ทิโมธี เรย์ บราวน์ เป็นผู้โชคดีสุดๆ ในรอบศตวรรษ เพราะหายจาก

การติดเชื้อเอชไอวีได้ในที่สุด



หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากการรักษาตัวด้วยเคมีบำบัด การฉายรังสี และ การปลูกถ่ายไขกระดูกจากเซลล์ต้นกำเนิด อดีตอันแสนขมขื่นของเขาได้ปิดฉากลงอย่างมีความสุข เมื่อทีมแพทย์ที่ให้การรักษาเขามายาวนาน ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่าไม่พบอาการติดเชื้อเอชไอวีในตัวเขาอีกต่อไป หมายความว่าเจ้าเชื้อวายร้ายนี้ได้อันตรธานหายไปจากร่างกายของเขาจนหมดสิ้น
ทิโมธีถือว่าเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เฉียดตายแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เขาต้องทรมานจากการป่วยเป็นลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวนานแรมปี (โรคร้ายชนิดนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่อาจพบได้ในผู้ป่วยเอดส์) และเข้ารับการรักษาในเบอร์ลิน ในที่สุดการบำบัดอาการป่วยที่โหดร้ายและสิ้นเปลืองก็ลงเอยด้วยผลการรักษาที่ มหัศจรรย์ ด้วยความโชคดี ในระหว่างการรับการรักษา เขาได้รับบริจาคไขกระดูก (สเต็มเซลล์) กลุ่มหนึ่งจากผู้บริจาคที่ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งจีนในเซลต้นกำเนิดของผู้บริจาคนี้มีฤทธิ์ทรงพลัง สามารถต้านทานเชื้อเอชไอวีในร่างกายเขาได้ ทีมแพทย์จึงเดินหน้าให้การรักษาเขาอย่างเต็มที่ และเจ้าเซลล์ต้นกำเนิดตัวที่ว่าสามารถกำจัดเชื้อวายร้ายนี้ได้จนหมดสิ้น
ข่าวอันน่ายินดีปรีดานี้แสดงให้เราเห็นแน่ชัดว่า ความฝันในการกำจัดเจ้าเชื้อวายร้ายนั้นเป็นจริงได้ มิใช่ฝันกลางวันอีกต่อไป จากนี้ไปคงเกิดนิมิตหมายอันดีในวงการแพทย์ ซึ่งต่อไปนี้คงรุดหน้าศึกษาการบำบัดการติดเชื้อเอชไอวีด้วยเซลล์ต้นกำเนิด อย่างจริงจัง

หมั่นบริหารกล้ามเนื้อ ช่วยลดอาการปวดศีรษะ

ผู้เชี่ยวชาญแนะหนุ่มสาวออฟฟิศหมั่นบริหารกล้ามเนื้อ ช่วยลดอาการปวดศีรษะเรื้อรังอันเนื่องจากความเครียด





อาการปวดศีรษะ อันเนื่องมาจากภาวะความเครียดและความกดดันในการทำงานของคนเมืองในปัจจุบัน เริ่มกลายเป็นเรื่องปรกติสำหรับหนุ่มสาวในวัยทำงา โดยเฉพาะในกลุ่มที่ในแต่ละวันต้องใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ จะพบว่าพอตื่นเช้าขึ้นมามักจะเริ่มมีอาการมึนศรีษะ ไม่สดชื่น เมื่อเริ่มทำงานจะเริ่มรู้สึกปวดบริเวณ คอ บริเวณ ขมับทั้งสองข้าง หรือหน้าผาก บ้างก็มีอาการปวดตื้อ บางครั้งอาจจะตาพร่า และปวดบริเวณกระบอกตา และเมื่อเริ่มมีอาการหนักขึ้นจะมีอาการปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปวดศรีษะทุกวัน และเริ่มมีอาการปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

แพทย์อายุรเวท วิภาพร สายศรี จาก คลินิกรักษาโรคปวดศีรษะดอกเตอร์แคร์ กล่าวว่า อาการปวดศีรษะอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือาการปวดศีรษะแบบมีพยาธิ สภาพ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากเชื้อโรค หลอดเลือดในสมองอักเสบ เส้นประสาทอักเสบ เนื้องอกในสมอง ซึ่งพบได้เพียง 10% ของผู้ที่มีอาการปวดศีรษะซึ่งอาการปวดแบบนี้ สามารถรักษาได้ด้วยยา และการผ่าตัด


ส่วนอีกประเภท คือ อาการปวดศีรษะแบบไม่มีพยาธิสภาพ เช่น ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดไมเกรน ปวดกระบอกตา ซึ่งพบได้ถึงร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ โดย อาการปวดดังกล่าวเป็นอาการปวดที่เกิดจากการที่เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงบริเวณ ศีรษะได้อย่างเพียงพอ เนื่องจากมีการเกร็งและกดทับของกล้ามเนื้อการปวดศีรษะ แบบนี้พบได้บ่อยมากกับกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ อาทิ โปรแกรมเมอร์ นักบัญชี สถาปนิก และผู้ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ เนื่องจากพฤติกรรมการทำงานทำให้ กล้ามเนื้อบริเวณ บ่า ต้นคอ ต้องเกร็งต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ จนกระทั่งเกิดกล้ามเนื้อ หดตัวจนเป็นก้อนเล็กๆ ที่เรียกว่า Trigger Point เป็นจำนวนมาก ทำให้การกินยาแก้ปวด หรือ ยาคลายกล้ามเนื้อไม่มีผลต่อการรักษา


พฤติกรรมที่ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะเรื้อรังเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งกิจกรรม ที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอติดต่อกันเป็นเวลานานอย่างการใช้คอมพิวเตอร์จากการ ทำงานหรือเล่นเกมส์, การขับรถระยะไกล, ความเครียด ความวิตกกังวล หรือ แม้แต่การก้มหรือเงยหน้าเป็นเวลานาน ผู้เชี่ยวชาญด้านการปวดศีรษะกล่าว

ส่วนวิธีการป้องกันอาการปวดศีรษะเรื้อรังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้คอมพิวเตอร์ ติดต่อกันเกินกว่า 2 ชั่วโมง และควรยุติกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณบ่า และคอทันทีที่ รู้สึกเกร็ง ที่สำคัญควรบริหารกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ ด้วยการยืดกล้ามเนื้อหลังการ ใช้คอมพิวเตอร์ทุกครั้ง ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอลล์ ปิดท้ายด้วยการพักผ่อน และทำสมาธิ เมื่อมีความเครียด เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดย แพทย์อายุรเวท วิภาพร สายศรี จาก คลินิกรักษาโรคปวดศีรษะดอกเตอร์แคร์ ได้ให้เทคนิคการบริหารกล้ามเนื้อคอเพื่อคลายความตึงเครียดระหว่างการนั่งปฏิบัติงาน ด้วย 5 ท่าบริหารง่ายๆ สามารถทำได้บนเก้าอี้ทำงาน โดย เริ่มต้นท่าที่ 1 หันศีรษะไปทางด้านซ้ายช้า ๆ ใช้มือซ้ายช่วยดึงค้างไว้นับ 1-10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา , ท่าที่ 2 ก้มศีรษะพยายามให้คางชิดอกมากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที,ท่าที่ 3 เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ไปด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค้างไว้ 10 วินาที, ท่าที่ 4 เอียงศีรษะไปทางด้านขวา ใช้มือขวาช่วยดึง พยายามให้ศีรษะชิดไหล่มากที่สุด ค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านซ้าย และท่าที่ 5 หันศีรษะไปทางด้านซ้าย 45 องศา ใช้มือขวาช่วยดึงพร้อมก้มลงช้าๆให้มากที่สุดค้างไว้ 10 วินาที จากนั้นสลับทำด้านขวา



ปัจจุบันคลินิกรักษาโรคปวดศีรษะดอกเตอร์แคร์ ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับกลไก การทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบการทำงานของเลือด และ Trigger Point อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการปวดศีรษะ และได้พัฒนาเทคนิคการรักษาโรคปวดศีรษะและโรคไมเกรน ที่เรียกว่า DMT (Doctor Care Manipulation Technique) ซึ่งเป็นเทคนิคการรักษา ที่มุ่งขจัดสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการไหลเวียนของ เลือดและออกซิเจน ที่ขึ้นไปเลี้ยง บริเวณศีรษะและสมอง เมื่อการไหล เวียนของเลือดเป็นปกติ อาการปวดศีรษะทั้ง เฉียบพลันและเรื้อรังก็จะบรรเทาและดีขึ้นเป็นลำดับโดยไม่ต้องรับประทานยา โปรแกรมการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 2-6 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพกล้ามเนื้อและระยะ เวลาที่มีอาการของผู้ป่วย ผู้สนใจสามารถโทรนัดหมายเพื่อขอตรวจและปรึกษาอาการ ไมเกรนและปวดศีรษะเรื้อรัง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้ที่ 02 6777 552-3 หรือ ดูรายละเอียด การรักษาแบบ DMT ได้ที่ www.drcareclinic.com

Google Nexus One Vs. iPhone 3GS

Android 2.3 Official Video

วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เลขวันเกิดกับเทพคุ้มครอง

เลขวันเกิดกับเทพคุ้มครอง

บุคคลหมายเลข 1 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 1,10,19 และ 28

ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าแห่งความสดใส เป็นความรัก ที่ถูกกระตุ้นให้ร่าเริงอยู่เสมอ กระตือรือร้นที่จะรัก ชอบแสดงออก เมื่อรักแล้วจะเต็มไปด้วยพลังแห่งการสร้างสรรค์ เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา เป็นรักที่เปิดเผย มักจะบอกกล่าว

ให้คนรอบข้างและสาธารณชนได้รับรู้ ในมุมกลับกันถ้ารักเป็นพิษหรือไม่สมหวัง ก็พร้อมที่จะแผดเผาด้วยอารมณ์ที่รุนแรงได้เช่นกัน มุมมองด้านความรัก คือ ทะเยอทะยาน เร้าใจเหมือนรถแข่งที่พร้อมจะทะยานเข้าสู่เส้นชัย

บุคคลหมายเลข 2 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 2,11 ,20 หรือ 29

ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดวงจันทร์ หรือเทพีแห่งยามค่ำคืน เป็นความรักที่อ่อนโยน อบอุ่น โรแมนติค ครุ่นคิด ไตร่ตรอง ทบทวน แผ่วเบา ดำเนินไปอย่างช้า ๆ แต่ต่อเนื่องยาวนาน

ในมุมกลับกันมักจะครุ่นคิด จนวิตกกังวล หึงหวงเกินขอบเขต มุมมองด้านความรัก คือ ลึกซึ้ง อ่อนโยน เหมือนเรือที่วิ่งเข้าสู่ท่าเทียบเรืออย่างสงบ

บุคคลหมายเลข 3 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 3, 12,21 และ 30

ถูกควบคุมโดยพลังของดาวพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าของการเรียนการสอน รูปแบบ แห่งรักจึงมีการชี้นำ การอบรม เป็นห่วงเป็นใย แบบพ่อแม่ดูแลบุตร พี่ชายดูแลน้องสาว ครูบาอาจารย์ดูแลศิษย์ มีความเอื้ออาทรเป็นสายใย นี่คือแบบฉบับของรักที่เปี่ยมไปด้วยไมตรี

บางคู่ก็อาจเป็นรักที่เกิดจากคนต่างวัย แต่มีสายใยแห่งความเข้าใจเป็นสิ่งผูกมัด ในมุมกลับกันก็พร้อมที่จะเป็นรักในรูปแบบที่เย็นชา วุ่นวายเรื่องส่วนตัวเกินขอบเขต มุมมองด้านความรัก คือ การสนทนานำพาสติปัญญาให้งอกงาม

บุคคลหมายเลข 4 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 4,13,22 และ 31

ถูกควบคุมพลังแห่งรักโดยดาวมฤตยู หรือดาวยูเรนัส เทพเจ้าแห่งความคิดอิสระ มีการกระทำในมุมที่ผู้อื่นคาดการณ์ไม่ถึง ความรักบางครั้งก็ยากแก่การคาดการณ์ อาจเจอปุ๊บรักปั๊บ หรือไม่รักไม่หวง แต่คอยติดตามความคืบหน้าอยู่ตลอดเวลา

เป็นความรักที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มีการเตรียมพร้อม แต่พร้อมที่จะรัก ในมุมกลับกันก็พร้อมที่จะเย็นชา ไร้ความรู้สึก ไร้ความสนใจ เหมือนทุกอย่างคือความว่างเปล่า มุมมองด้านความรัก คือ สายลมที่นำพาทุกอย่างมาพร้อมกัน

บุคคลหมายเลข 5 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 5,14 และ 23

ถูกควบคุมโดยพลังแห่งดาวพุธ ซึ่งถือว่าเป็นดาวดวงเล็ก แต่มีฤทธิ์ค่อนข้างเกินตัว โดดเด่นทางด้านเดินทาง และมีวาทศิลป์ในการเจรจา สื่อถึงความรักที่โลดแล่นไปตามจังหวะชีวิต ขึ้นลง ตามภาวะเหตุการณ์ และการเจรจาพาที เป็นความรักที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น

และสื่อสารถึงกันตลอดเวลา แม้ว่าจะห่างกันคนละมุมโลก ความรักเหมือนปรอท เจอแล้วมักมีเหตุให้จากกันชั่วครู่ เมื่อทำภารกิจสำคัญสำเร็จแล้ว ถึงจะได้ย้อนกลับมาเจอกันอีก เรียกว่าจบลงด้วยดีในตอนปลาย ในมุมกลับกันมักเป็นประเภทรักง่าย หน่ายเร็ว มุมมองด้านความรัก คือ อกหักดีกว่ารักไม่เป็น

บุคคลหมายเลข 6 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 6,15 และ 24

ถูกควบคุมโดยเทพีวีนัส ซึ่งเปรียบเสมือนเทพีแห่งความรัก เต็มไปด้วยความรักที่มีเสน่ห์ล้นเหลือ เป็นรักที่ยั่วยวนชวนให้หลงใหล เต็มไปด้วยสีสันจินตนาการที่ไร้ขอบเขต

ในมุมกลับกันเป็นความรักที่ถูกครอบงำโดยการหลงใหล ประเภทรักไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่รู้จักเวลา ขอเพียงให้ได้รักหรือถูกรักก็พอใจ มุมมองด้านความรัก ความรักคือโอสถทิพย์

บุคคลหมายเลข 7 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 7,16 และ 25

ถูกควบคุมโดยดาวพระเกตุ (เนปจูน) เป็นความรักที่ค่อนข้างอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเอง เป็นรักที่มีจุดยืนชัดเจนว่าฉันเป็นของฉันอย่างนี้ คุณจะเป็นแบบไหนก็คือแบบฉบับของคุณ

ขอเพียงแค่เข้าใจในจุดร่วมก็สามารถรักกันได้ ในมุมกลับกันบางครั้งอิสระมากเกินไป จนดูว่าห่างเหินขาดการติดต่อ ไม่สม่ำเสมอ มุมมองด้านความรัก คือ ขอบฟ้าที่กว้างไกล คือสายใยแห่งความรัก

บุคคลหมายเลข 8 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 8,17 และ 26

ถูกควบคุมโดยดาวเสาร์ เป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งความสง่างาม ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ ยามสงบนิ่ง ในด้านของความรักมักจะก่อตัวอย่างเงียบ ๆ เปรียบเสมือนถ่านร้อนที่คุโชน

เป็นรักที่ไม่ค่อยชอบแสดงออก หรือเปิดเผยในการกระทำมากมาย แต่ก็ก่อตัวอย่างสงบ และหนักแน่นมั่นคง ในมุมกลับกันบางครั้งก็ดูเย็นชา จนขาดความตื่นเต้นเร้าใจ มุมมองด้านความรัก คือ หนักแน่นและมั่นคงดุจขุนเขา

บุคคลหมายเลข 9 หรือ ผู้ที่เกิดวันที่ 9,18 และ 27

ถูกควบคุมโดยดาวอังคาร ในแง่ของความรักแล้วถือว่า เป็นรักที่ต้องแข่งขันถึงจะเข้าเส้นชัย เป็นคู่รักที่ต้องใช้คว ามอดทน จนถึงขั้นทรหดในการประคองความรัก แต่ถ้าถึงที่หมายแล้วล่ะก็

เชื่อได้ว่าจะเป็นอมตะแห่งรักที่มั่นคงและอบอุ่น ในมุมกลับกันเป็น ความรักที่ก้าวร้าว เห็นแก่ตนเองเป็นสำคัญ มุมมองด้านความรัก คือ การแข่งขันย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จ


ขอบคุณเนื้อหาจาก : Narak.com

เวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต (นิมิตก่อนตาย)

เรื่อง: เวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต (นิมิตก่อนตาย)

.เวลาที่สำคัญที่สุดของนักเรียน นักศึกษา คือตอนสอบไล่
เวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิตคนเรา คือ อารมณ์จิตก่อนตาย
จะไปสวรรค์ พรหม พระนิพพาน หรือแดนอบายภูมิ
ก็อยู่ที่จิตก่อนตายของท่านจะผ่องใสหรือเศร้าหมอง

ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และพระคุณเจ้าที่เคารพ ที่กล่าวมาแล้ว กล่าวถึงความตาย ความจริงเรื่องความตายมีเรื่องเล่าสู่กันฟัง บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านบอกว่า " คนเราจะตาย จะเห็นนิมิตก่อน "

ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ แล้วก็คนโบราณ โบราณสมัยนี้ สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่าลอกมาจากตำรา ก็ไม่ทราบว่า ตำราเล่มไหนเหมือนกัน ท่านบอกว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต เรื่องนี้สำคัญบรรดาท่านพุทธบริษัท ประเดี๋ยวจะเล่าเรื่องสมัยพระพุทธเจ้า คนที่เห็นนิมิตสมัยนั้นมาเล่าสู่กันฟัง คุยกันตอนนี้เสียก่อน

คนจะตายต้องเห็นนิมิต คือ
๑. เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่า คนนั้นตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักของพระยายม
๒. ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
๓. ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
๔. ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล ของที่เคยให้ทานหรือวัดที่เคยทำบุญ พระที่เคยไหว้ จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม เป็นอันว่า สิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศล อย่างนี้ก็จะไปเกิดบนสวรรค์ ไปสู่สุคติ

ตามที่ท่านเขียนมาอย่างนี้ อาตมาก็ไม่ใช่ต้องการพิสูจน์ แต่ก็เข้าไปประสบโดยคาดไม่ถึง นั่นก็คือ มีอยู่ว่า มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง ชื่อ จวน นามสกุลว่าอย่างไรก็จำไม่ได้ อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

เมื่อเวลาสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก เป็นนายก ฯ เวลานั้นก็เกณฑ์คนไปทำงานที่เพชรบูรณ์ ตามลีลาที่เขาเล่ากันบอกว่า ตั้งใจจะต่อต้านญี่ปุ่น ว่าอย่างนั้นชาวบ้านพูด แต่ท่านจอมพลแปลกไม่ได้พูดให้ฟัง แต่ท่านมาแถลงการณ์ทางวิทยุทีหลัง ก็คล้ายคลึงแบบนี้ ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น จะเอานักเรียนนายร้อยไปไว้ที่นั่น เป็นผู้บังคับหมวด อย่างนี้เป็นต้น

ก็เป็นอันว่า เมื่อเลิกสงคราม เธอเลิกงานมาแล้ว ก็ปรากฎว่าเป็นโรค เป็นไข้ ต่อมาก็เป็นวัณโรค คือ เป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด
วันหนึ่ง เป็นวันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ก็พอดีกลับมา เขาบอกว่า จวนป่วยหนัก เป็นเวลาเย็น ประมาณสัก ๔ โมงเย็น ก็นิมนต์พระไปเป็นเพื่อน ๔ องค์ อาตมาด้วย ๑ องค์ เป็น ๕ องค์

ที่ไปเป็นเพื่อนไม่ใช่คิดว่ากลัวใครจะทำร้าย ที่นำไปแบบนั้นก็คิดว่าคนป่วยหนัก ถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้ เพราะว่าตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเป็นสิ่งที่เป็นกุศล คนนั้นจะไปสวรรค์

พอไปถึงเข้าจริง ๆ จวน ก็อาการหนักจริง ๆ หายใจเบา หายใจช้า ๆ แล้วก็เบาลง ๆ แต่ว่าอาตมาไปนั่งข้าง ๆ ก็เรียกชื่อ " จวน จำฉันได้ไหม ? "
เธอเหลียวหน้ามา ก็พยักหน้าตอบว่า " จำได้ " เสียงเบามาก

ก็ถามเธอว่า " เวลานี้เห็นอะไรไหม ? ไม่ใช่เห็นฉัน มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง ? "
เธอก็ตอบว่า " เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า " เธอก็แสดงอาการหวาดกลัวมาก กลัวไฟ

เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่า ท่าจะไม่ได้การแล้ว นิมิตตามที่ท่านเขียนไว้ปรากฏ นึกในใจ ไม่พูด คิดว่า นิมิตอย่างนี้ ถ้าเห็นไปนรกทันที ก็คิดอะไรไม่ถูก ถามว่า " จวน ภาวนา พุทโธ ไหม ? "
เธอส่ายหน้าบอกว่า " คิดไม่ออก "

จึงหันไปหาภรรยาเขา อาตมาก็จำชื่อภรรยาไม่ได้ ลืมเสียแล้ว ถามว่า " มีสตางค์ไหม ? "
เธอก็บอกว่า " มี "

ก็เลยบอกว่า " ถ้ามีละก็ ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม ? "

เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาท มาให้ อาตมาก็ไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือ บอกว่า

" จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตายหรือไม่ตายนั้น ไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกัน ๔ องค์ ขอจวน ตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ คิดว่าของต่าง ๆ ในวัดทั้งหลาย ที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือว่าเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ตาม หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท "

เธอก็พูดเบา ๆ ตาม แล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระท่านบอกว่า " คุณทั้งหลาย ถ้าเห็นชอบ ให้ สาธุ พร้อมกันนะ "

พระทั้งหลายก็ " สาธุ " พร้อมกัน พอพระสงฆ์ สาธุ พร้อมกัน รู้สึกว่า จิตใจของเธอสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า " จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร ไฟหายไปแล้วหรือยัง "
เธอก็ตอบ " ไฟหายไปแล้ว "

ถามว่า " เธอเห็นภาพอะไร "
เธอบอก " เห็นภาพพระประธานในอุโบสถวัดบางนมโค " เพราะว่าเธอบวชวัดนั้น เธอก็ไปทำวัตรเป็นประจำ

ถามว่า " เห็นชัดไหม "
เธอก็บอก " เห็นชัด อยู่ใกล้มาก "

ก็บอก " จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ "
แทนที่เธอจะนึกในใจ เธอก็ออกเสียงว่า " พุทโธ ๆ ๆ ๆ " เบา ๆ เธอว่าไปสัก ๓ - ๔ ครั้ง รู้สึกว่าหายใจเบาลง แต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย

ถามว่า " จวน เวลานี้เห็นพระไหม "
เธอตอบว่า " เห็นพระ "

ถามว่า " ชัดขึ้นไหม "
เธอก็ตอบว่า " ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างมาก ใหญ่กว่าเดิมมาก "

บอก " ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็น คือ ภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์ "
เธอยิ้มนิดหนึ่ง เธอตอบว่า พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า พระก็ชี้ แสดงว่า วิมานนี้เป็นของเธอ "

จึงถามเธอว่า " เวลานี้ ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน "
เธอก็ตอบเบา ๆ ว่า " ต้องการวิมานครับ "

ก็ไม่ต้องการรบกวนให้เหนื่อยต่อไป ก็บอกว่า " ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่า พุทโธ "
เธอก็ภาวนาเบา ๆ ว่า " พุทโธ ๆ ๆ ๆ "

ในที่สุดก็เงีบบไปพร้อมกับคำภาวนา และลมหายใจเข้า - ออก รวมความว่า เธอตายคู่กับพุทโธ

เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท มีจริง อาตมาผ่านแบบนี้มาหลายสิบราย ที่พบมาเองนะ ไม่ใช่หลายราย หลายสิบราย และวิธีแก้ของอาตมาก็มีวิธีเดียววิธีนี้ เพราะว่าอย่างอื่นเวลานั้น มันแก้กันไม่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญไม่เป็นหนี้สงฆ์ ก็เป็นสังฆทานและวิหารทาน รวมความว่า เป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ นี่เป็นอันว่า มนุษย์เราที่ตายนี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน แต่ว่านิมิตที่ดี และก็ถูกตัดเพราะกฎของกรรม




โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

Christmas Food Court Flash Mob, Hallelujah Chorus - Must See!

แหล่งบริจาคสิ่งของ ...(ส่งต่อเพื่อทำบุญ)

แหล่งบริจาคสิ่งของ ...(ส่งต่อเพื่อทำบุญ)

ผ้าปูที่นอนเก่าแลกผ้าปูที่ นอนใหม่
ชุดเครื่องนอนโตโต้ จัดกิจกรรมผ้าปูที่นอนเก่า (ยี่ห้อใดก็ได้) แลกซื้อผ้าปูที่นอนใหม่รุ่น
ไร้รอยต่อยี่ห้อโตโต้ขนาด 3.5 ฟุตได้ในราคา 200 บาท และขนาด 5-6 ฟุตในราคา
300 บาท ตั้งแต่วันนี้หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
ทางบริษัทจะนำผ้าปูที่นอนเก่าทั้งหมดไปบริจาคให้แก่
สถานพยาบาลผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ ณ วัดพระบาทน้ำพุ
ดาวโหลดแบบฟอร์มแลกซื้อได้ที่ หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 08-6311-7659

คอมนี้พี่ซ่อมให้
โครงการ “ คอมนี้พี่ซ่อมให้ ” ต้องการรับบริจาคคอมพิวเตอร์มือสองจำนวนมาก เพื่อนำไป
เพิ่มศักยภาพในการศึกษา และเปิดโลกกว้างให้น้องๆ ตามโรงเรียนในชนบทที่ยังขาดแคลน
นอกจากนี้ ทางโครงการยังต้องการอาสาสมัครที่มีความรู้ ความสามารถในการ
ซ่อมคอมพิวเตอร์ มาร่วมงานทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 -14.00 น.
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โครงการคอมพิวเตอร์เพื่อน้อง มูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 41 อาคารเลิศปัญญา ห้อง 907 ชั้น 9 แขวงพญาไท เขตราชเทวี กทม. 10400 โทรศัพท์ 02-642- 7991 ต่อ 17

มอบไออุ่น สู่พี่น้องบนดอยสูง

โครงการ “ มอบไออุ่น จากอุ่นไอรัก สู่พี่น้องบนดอยสูง" ขอเชิญผู้ใจดีร่วมกันแบ่งปันน้ำใจ
บริจาคผ้าห่ม จำนวน 2,000 ผืน และ เสื้อกันหนาวสำหรับเด็ก จำนวน 1,000 ตัว สำหรับ
พี่น้องชาวไทยชาวภูเขาผู้ประสบภัยหนาว ในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง
เชิญร่วมบริจาคได้ที่ โครงการกองทุนเสื้อผ้ามือสอง มูลนิธิกระจกเงา 106 หมู่ 1 บ้านห้วยขม
ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 57100 หรือ โทรศัพท์ 053-737412 ถึง 3 ต่อ 113

ความดีต้องเพียงพอ ชีวิตต้องพอเพียง
ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ ความรู้
(องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี ขอเชิญเยาวชนร่วม ประกวดเรียงความ
“ ชีวิตดีเพราะมีวินัย ... แรงบันดาลใจจากคำพ่อสอน ” ทำความดี และดำรงชีวิตตาม
แนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทุนการศึกษา 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณอภิดล โทรศัพท์ 0-2940-9946 หรือ 081-810-250 เว็บไซต์
www.8kondee.com


สานฝันเด็กป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง “Wishing well” ก่อตั้งโดยมีวัตถุประสงค์ที่ จะต่อเติมความฝัน
ของเด็กซึ่งเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และไม่สามารถรักษาได้ ให้มีโอกาสเลือกแนวทางการรักษา
เพื่อจะได้ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายให้มีคุณภาพและมีคุณค่าทางจิตใจ โดยการทำฝันครั้งสุดท้า
ให้เป็นความจริง ร่วมสบทบทุนเข้ามูลนิธิ สายธารแห่งความหวัง ได้ที่
บัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพานิชย์ สาขาสภากาชาดไทย
เลขที่บัญชี 045-2-95999-4
หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง 25 สาทรใต้
ตึกกรุงเทพประกันภัย ชั้น 9 ถนนสาทร กรุงเทพ 10120 โทรศัพท์ 0-2677-4117 เว็บไซต์

คุณครูริมคลอง
กลุ่มอาสาอิสระและกลุ่ม ซ.โซ่อาสา ขอชวนหนุ่มสาวชาวกรุงร่วมแบ่งปันความรู้สู่น้องๆ
ผู้ยากไร้กับ ครูอาสาใจกลางเมือง โครงการดีๆ ที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ขอเพียงมีใจที่
จะร่วมแบ่งปันก็พอ พร้อมเปิดการเรียนการสอนแล้วทุกเสาร์-อาทิตย์ที่ชุมชนตึกแดง บางซื่อ
(เสาร์ 09.00-12.00 น.) , ครูริมคลองข้างโรงแรมรัตน โกสิ นทร์ (อาทิตย์ 09.00-12.00 น.)
และครูใต้สะพานอรุณอมรินทร์ (อาทิตย์ 14.00-16.30 น.) สอบถามโทร 081-515-8564
ด่วน! รับจำนวนไม่จำกัด

กล่องของพี่ เพื่อสมุดของน้อง

“ กล่อง ” ใครว่าไม่สำคัญ เพราะนอกจากจะมีไว้บรรจุของแล้ว กล่องยังสามารถนำกลับมาใช้
ประโยชน์ได้อีกครั้งกับ โครงการกล่องของพี่ เพื่อสมุดของน้อง ที่เชิญชวนผู้มีน้ำใจร่วม
บริจาคกล่องเครื่องดื่มประเภทกล่องนม กล่องน้ำผลไม้ และกล่องชาเขียวต่าง ๆ เพื่อนำมา
รีไซเคิลเป็นสมุดเรียนส่งตรงยังน้องๆ ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน
ส่วนวิธีการร่วมบริจาคก็ไม่ยาก แค่ดื่มน้ำให้หมด แกะมุมกล่อง พับให้แบน แล้วส่งใส่ตู้รับบริจาคที่ห้าง สรรพสินค้า รวมทั้งร้านค้าสะดวกซื้อที่เข้าร่วมโครงการฯ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น , คาร์ฟูร์ , โรบินสัน , สยามพารากอน ฯลฯ ข้อมูลเพิ่มเติม

ธรรมะ Mobile
ธรรมะไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว. วชิรเมธี) ได้
เปิดตัวสื่อธรรมะนวั ตกรรมใหม่ “ ธรรมะ Mobile ” เพื่อเป็นอีกทางเลือกให้คนที่ ไม่มีเวลา
เข้าวัดฟังธรรม ได้เสพธรรมะสั้นๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือในรูปแบบ SMS ทุกวัน 3 เวลาหลัง
อาหาร ในอัตราค่าสมาชิกเพียงเดือนละ 29 บาท ทั้งนี้ก็เพื่อลดทุกข์ สร้างสุข และสร้าง
รอยยิ้มให้เกิดขึ้นในใจของทุกคนอย่างไร้ขีดจำกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-502-0428

Reuse me, please.
ของเหลือใช้สำหรับบางคน อาจเป็นของมีค่าที่สุดสำหรับอีกคนหนึ่งก็ได้ ใครที่กำลังจะโละของ
เหลือใช้ทิ้งลงถังขยะ ทางมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.) ขอรับบริจาคของเหล่านั้น เพื่อนำมาสร้างใหม่เป็นสื่ อการสอนสำหรับน้องในถิ่นทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นปฎิทินเก่า แก้ว เสื้อผ้า
ต่างหู เข็มกลัด เศษกระดาษ กระดุม ลูกปัด ฯลฯ ก็สามารถนำมาบริจาคเ ป็นสื่อการสอน
อัดแน่นด้วยสาระได้
นอกจากจะบริจาคของแล้ว หากใครมีเวลาว่างยังสามารถมาร่วมออกแรงสร้างสื่อการสอน
ให้น้องๆ ที่มูลนิธิฯได้อีกด้วย สนใจติดต่อ 02-691-0437-9 ( ก่อนเวลา 18.00 น.)

เพียง 1 บาทก็ช่วยงานอา
เชื่อหรือไม่ว่า “ เงิน 1 บาท ” สามารถช่วยเหลือผู้คนนับร้อยนับพันได้ ด้วยการบริจาคเงินสมทบทุน “ กองทุน V Fund” เพียงอาทิตย์ละ 1 บาท ตลอด 1 ปี ผ่านบัญชี มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย เพื่อกองทุนจิตอาสา ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาถนนเพชรบุรีตัดใหม่ บัญชีเลขที่ 043-2-66606-6 จากนั้นกองทุนจะรวมเงินส่งต่อให้กับมูลนิธิต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการจิตอาสาคลองใส โครงการศิลปะในสวน การจัดทำแผนที่ทำดีออนไลน์ ฯลฯ
เพียงแค่ 1 บาทก็สามารถสร้างสรรค์สังคมให้ ดีงามได้ สนใจสอบถามที่โทร 02-319-5017

สมทบทุนสร้างพระอุโบสถธรรมชาติ
วัดป่าสันติธรรม ประเทศออสเตรเลีย ขอชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมอนุโมทนาบุญสมทบทุนสร้างพระ
อุโบสถธรรมชาติแห่งแรกในออสเตรเลีย ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสงบในถ้ ำของเขตอุทยาน Morton National Park ซึ่งพระอุโบสถแห่งนี้จะใช้เป็นสถานที่ในการอุปสมบทภิกษุ ภิกษุณี
รวมทั้งบรรยายธรรม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.santiforestmonastery.com

หนูหิว-หนูอยากเรียน
เชื่อหรือไม่ว่า ร้อยละ 35 ของเด็กในพม่าเรียนจบไม่เกินชั้น ป. 5 แถมจำนวนทหารเด็กในพม่า
ยังสูงที่สุดในโลกถึง 70,000 คน! ไม่นับรวมปัญหาความยากจน ภาวะทุโภชนาการและเด็กกำพร้า
ปัจจุบันพม่ามีโรงเรียนวัดที่ช่วยโอบอุ้มเด็กเหล่านี้ให ้ได้เรียนและไม่อดอยากถึง 1,400 แห่ง แต่ด้วยสภาพสังคมปิดและเศรษฐกิจถดถอยโดยเฉพาะหลังเกิด ไซโคลนนาร์กิส ทำให้โรงเรียนวัดเหล่านี้ ขาดแคลนเงินทุนสำหรับอุปกรณ์ การเรียน อาหาร และจ้างครู อย่างหนัก
เครือข่ายพุทธิกา และองค์กรด้านเด็กของไทยรวม 18 องค์กร รวมทั้งภาคีอื่นๆ จึงจัดทำ ผ้าป่าเพื่อการศึกษาของเด็กยากไร้ในพม่า เพื่อนำเงินบริจาคทั้งหมดมอบให้ โรงเรียนวัดในพม่าแห่งละ 50,000 บาท หลังทอดผ้าป่าเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมานี้สามารถรวบรวมปัจจั ยได้ถึง 2.4 ล้านบาท แต่เนื่องจากโรงเรียนวัดในพม่ ามีจำนวนมากดังกล่าวแล้ว การบริจาคสมทบทุนจึงยังคงทำได้ ต่อไปผ่านทาง มูลนิธิเด็ก 3 ช่องทาง คือ ทางธนาณัติ สั่งจ่าย ปณ . กระทุ่มล้ม 73220, ทางตั๋วแลกเงิน สั่งจ่าย มูลนิธิเด็ก หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนาม มูลนิธิเด็ก ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเพชรเกษม ซอย 114 เลขที่บัญชี 115-2-14733-0 ( กรณีโอนเงิน ให้ส่งสำเนาใบโอนทางโทรสารหรื อแฟ็กซ์ 0-2814-0369 หรือโทร. 0-2814-1481-7)
คนไทยเรามีน้ำใจต่อผู้ทุกข์ ยากและเดือดร้อนเสมอไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ เครือข่ายพุทธิกา โทร. 0-2883-0592, 0-2886-9881 หรือ
www.budnet.info หรือ bnetmail@gmail.com


สมทบทุนสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม 84 พรรษาราชนครินทร์
Secret ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริ จาคเงินสมทบทุนสร้างศูนย์ปฏิบั ติธรรม 84 พรรษาราชนครินทร์ จังหวัดจันทบุรี โดยการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางยี่ขัน ชื่อบัญชี “ การกุศล ” เลขที่บัญชี 047-2-26347-3 สอบถามเพิ่มเติมที่ 081-8112027

เติมชีวิตด้วยการให้
มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาช่วยเด็กไทยที่ยากจนและด้อย
โอกาสผ่าน “ โครงการอุปการะเด็ก ” โดยจะบริจาคตามเจตจำนงหรือเพียงเดือนละ 450
บาทอย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยให้เด็ก ๆ มีหลักประกันด้านสุขอนามัยและการศึกษาในระยะยาว
นอกจากนี้ครอบครัวและชุมชนที่ เด็กอาศัยอยู่ก็จะได้รับการส่งเสริมทักษะอาชีพจนพึ่งพา
ตนเองได้ในที่สุด โทร. 02-381-8863-5 www.worldvision.or.th


ครูอาสากลางกรุง

กลุ่มอาสาอิสระและกลุ่มอาสา Teacher4Sunday ร่วมกับ ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า เขตดุสิต
ชักชวนคนใจดีทุกเพศทุกวัยมาช่วยกันสอนหนังสือ และเสริมสร้างคุณธรรมให้กับน้อง ๆ ในระดับ
อนุบาลถึง ประถม 6 ทุกวันอาทิตย์ 9.00-12.00 น. ที่ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า
สนใจต ิดต่อคุณจิระพงษ์ รอดภาษา โทร. 02-515-8564 อีเมล์
Rodpasa@hotmail.com
“ ร่วมหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความดีกลางกรุง ดอกไม้แห่งความสุขจะบานกลางใจ ”

พ่อของเด็กกว่า 400
ชีวิต
ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาช่วยเหลือ พระครูวุฒิธรรมาทร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์วรดิตถ์ อ. ป่าโมก จ.
อ่างทอง ผู้เป็น “ พ่อ ” ของเด็กกำพร้ากว่า 400 ชีวิตที่ทางวัดอุปการะไว้ตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน
ซึ่งปัจจุบันกำลังประสบปัญหาค่าใช้จ่ายทั้งด้านอาหาร เสื้อผ้า และอุปกรณ์การเรียน
ร่วมบริจาคสิ่งของได้ที่วัดโบสถ์วรดิตถ์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ในนาม
วัดโบสถ์วรดิตถ์ โดยพระครูวุฒิธรรมาทร ธนาคารกสิกรไทย สาขาป่าโมก เลขที่บัญชี
182-2-11-364-4
" ของเหลือจากคนเมืองอันมีจะกิ นเป็นสิ่งมีค่าเหลือหลายสำหรับเด็กที่ไม่เคยได้ใช้
‘ เงิน ’ แม้แต่บาทเดียว . . ."

กล้าคิดกล้าทำ
Youth Venture เปิดโอกาสให้เยาวชนอายุ 14-24 ปี รวมกลุ่มกันคิดโครงการและลงมือทำ
กิจกรรมที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสั งคมของตนเอง โดยองค์กรจะสนับสนุนเงิน
ทุนตั้งต้น คำแนะนำและเครื่องมือคิดโครงการ พี่เลี้ยงที่ปรึกษา และการเชื่อมต่อกับเยาวชน
ทั่วโลกที่เข้าร่วม เปิดรับสมัครตลอดปี! ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์ โหลดใบสมัครได้ที่ www.thailand.youthventure.org

สานต่อการศึกษาไทย
เพื่อเป็นการสานต่อโอกาสทางการศึกษา โรงเรียนเตรียมสามเณรวัดครึ่งใต้ ตำบลครึ่งใต้
อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ขอเชิญผู้มิจิตศรัทธาร่วมบริ จาคเงินสมทบทุน “ กองทุน
อาหารกลางวัน และทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร ” เพื่อให้พระภิกษุ สามเณร และ
เยาวชนลุ่มแม่น้ำโขงที่อยู่ ในพื้นที่ทุรกันดารริมตะเข็บชายแดนไทย-ลาว ได้รับโอกาสทาง
การศึกษาอย่างทั่วถึง โดยสามารถบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี
“ กองทุนธรรมทาน ” บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช
เลขที่บัญชี 016-4-16300-9
หรือติดต่อร่วมบริจาคที่ สถาบันวิมุตตยาลัย
โทรศัพท์ 02-422-9123, 081-8890-010, 084-9117-235

อาสาทำดี 1
วัน
จิตใจแห่งอาสาสมัครนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และเพื่อเป็นการฝึกให้กิจกรรมอาสากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โครงการ Volunteer one day trip จึงขอชวนทุกคนมาร่วมอาสาทำดี ภายใน 1 วัน โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมอาสาด้านใด เริ่มต้นที่ปลูกปะการังชายฝั่ง จังหวัดชลบุรี , ปลูกปะการังที่เกาะ จังหวัดชลบุรี , ปลูกป่าชายเลน จังหวัดชลบุรี , สร้างกุฏิดิน จังหวัดราชบุรี และสร้างฝายชะลอน้ำ จังหวัดราชบุรี ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามที่ หมายเลขโทรศัพท์ 086-770-2233 ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อ่านสร้างชาติ

จริงอยู่ที่ว่าการอ่านคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ แต่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าปัจจุบันเด็กไทยอ่านหนังสือเพียงวันละไม่เกิน 7 บรรทัด ยิ่งเป็นเด็กที่อยู่ในชนบทที่ห่าง ไกลด้วยแล้ว การได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่มถือได้ว่าเป็นโอกาสอันน้อยนิดของพวกเขา ดังนั้นเพื่อให้เยาวชนในถิ่นทุรกันดารได้มีโอกาสเปิดโลกทัศน์ อันกว้างไกล โครงการอ่าน ... สร้างชาติ จึงขอชวนคนไทยร่วมบริจาคหนังสือดี (มือสอง) โดยส่งมาได้ที่มูลนิธิกระจกเงา เลขที่ 41 อาคาร เลิศปัญญา ชั้น 9 ห้อง 907 พญาไท ราชเทวี กรุงทพฯ 10400 โทรศัพท์ 02-642-7991 ต่อ 16
บริจาคเพียงคนละ 1 เล่ม ก็สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้แล้ว

ห้องสมุดธรรมะออนไลน์

ใครว่าหนังสือธรรมะต้องอยู่คู่ วัดอย่างเดียว ล่าสุดทางเว็บไซด์ www.jarun.org ได้จัดทำห้องสมุดธรรมะออนไลน์ ให้พุทธศาสนิกชนได้ดาวน์โหลดหนั งสือสวดมนต์ วิธี การทำกรรมฐานตามแนวทางหลวงพ่อจรัญ รวมทั้งคำสอนต่างๆในรูปแบบที่ทันสมัย ทั้งวีดีโอ E-book และไฟล์เสียงต่างๆ สนใจคลิกเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://www.jarun.org/v6/th/ digitallibraly-book.html หรือ jarun.multiply.com

McDonald Vision Care Mobile

เปิดตัวไปแล้วสำหรับ Ronald McDonald Vision Care Mobile หน่วยบริการตรวจสายตาและสุขภาพเคลื่อนที่คันแรกของเอเชียและคันที่ 33 ของโลก โดย มูลนิธิ โรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ประเทศไทย ซึ่งรถคันนี้นอกจากจะเปิดให้บริการตรวจสายตาฟรีแก่เยาวชนในชุมชนที่ขาดแคลนทั่วทุกภูมิ ภาคของไทยแล้ว ทางแมคโดนัลด์ยังใจดีมอบแว่น ตาสายตาให้น้องๆ อีกกว่า 30,000 อัน
สอบถามเพิ่มเติมคลิก www.rmhc.or.th พร้อมทั้งสามารถร่วมบริจาคเงินสมทบทุนได้ที่กล่องรับบริ จาคในร้านแมคโดนัลด์ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือทางบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สำนัก งานใหญ่ ชื่อบัญชี มูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ หมายเลขบัญชี 101-755155-5

ตลาดนัดการกุศล

สมาคมสโมสรพนักงานการบินไทยขอเชิญชวนมูลนิธิการกุศลต่างๆ ร่วมลงทะเบียนเพื่อออกบู๊ธรับ บริจาคและจำหน่ายสินค้าในตลาดนัดสโมสรฯ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวันพุธ-ศุกร์ สิ้นเดือน บริเวณทางเชื่อมด้านหลังบริษัทการบินไทย สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต และบริเวณทางเชื่อมอาคาร A1 และ A2 อาคารศูนย์ปฏิบัติการ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-545-2535-6, 02-545-3336-8

ผ่าตัดต้อ-ฟอกไตฟรี!

ผู้ป่วยต้อกระจก-ต้อเนื้อ และโรคไต เข้ารับการผ่าตัดและฟอกไตได้ฟรี โดยทีมผู้เชี่ยวจากโรงพยาบาล
บ้านแพ้ว ( องค์การมหาชน) ผู้ป่วย จะตรวจรักษาที่ โรงพยาบาลหรือติดต่อรถผ่าตัดต้อเคลื่อนที่ในนามชุมชนก็ได้
ผู้สนใจโปรดเตรียมสำเนาบัตรประชาชนและบัตรทองอย่างละ 2 ใบ ติดต่อ บริษัททาสของแผ่นดิน จำกัด เลขที่ 99/359-360 ซอยสุขุมวิท 24( เกษม) ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 โทรแจ้งล่วงหน้าที่ 02-262-9454-5 และ 02-261-8213-7

บ้านดอกไม้ป่า

ปัญหาหญิงสาวตั้งครรภ์เมื่อไม่ พร้อมหรือถูกฝ่ายชายทอดทิ้งให้ ต้องหาเลี้ยงลูกน้อยตามลำพังถือเป็นเรื่องเรื้อรังในสังคมไทย มูลนิธิบ้านดอกไม้ป่า จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงกายใจให้กับแม่ลูกอ่อนผู้ เคราะห์ร้าย แต่เนื่องจากงบประมาณในการก่อสร้างบ้านพักและซื้อหาปัจจัยให้กับสมาชิกมูลนิธิรวมทั้งลู กน้อยหลายสิบคนมีไม่เพียงพอ จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตเมตตาร่วมบริจาคทรัพย์หรือวัสดุอุปกรณ์ ก่อสร้างเพื่อสมทบทุน โดยท่านสามารถโอนเงินเข้า บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุง เทพ ในนาม มูลนิธิบ้านดอกไม้ป่า เลขที่บัญชี 532-0-25140-7 สอบถามข้อมูล โทร . 089-632-8847 หรือ 053-386-568 www.wildflowerhome.net

ฟรี! วีลแชร์และสามล้อโยก
ผู้ที่ต้องการวีลแชร์หรือรถสามล้อโยก เพียงเตรียมสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน สมุดประจำตัวคนพิการพร้อมเซ็นรับรองสำเนาและรูปถ่ายเต็มตัว ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ แล้วส่งไปที่ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ( สพท.) 73/7-8 ซอยติวานนท์ 8 ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี 11000 โทร. 02-9510445 และ 02-5843993 หรือสมาคมคนพิการทางการเคลื่ อนไหว (ส.พ.ค.) 802/410 ม. 12 หมู่บ้านวังทองริเวอร์ปาร์ค ซอย 10/4 ตำบลคูคด อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 12130 โทร. 081-735-2316 หรือ 081-372-4201

บ้านนกขมิ้น

เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้าและเด็กถูกทอดทิ้งซึ่งอยู่ในความดูแลของ มูลนิธิบ้านนกขมิ้น กำลังโหยหาความรักความอบอุ่น ปัจจัยในการดำเนินชีวิตและทุน การศึกษา คุณสามารถช่วยได้ง่าย ๆ ด้วยการ ตั้งกล่องบริจาคของมูลนิธิ หรือโอนเงินสนับสนุนเข้า บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาลาดพร้าว ในนามมูลนิธิบ้านนกขมิ้น เลขที่บัญชี 129-4-88776-3 ข้อมูลเพิ่มเติม โทร . 02-375-6497 หรือ 081-889-1501 www.baannokkhamin.in.th

ชีวิตที่มีค่า คือการทำชีวิตผู้อื่นให้มีค่า
หลายคนคงคุ้นเคยกับเรื่องราวของแม่ต้อยผู้เจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อช่วย เด็กเร่ร่อน ในหนังโฆษณาของ ไทยประกันชีวิต ห นังโฆษณาเรื่องนี้ทำจากเรื่องจริงของ แม่ติ๋ว หรือ ครูติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ แห่งบ้านโฮมฮัก จังหวัดยโสธร เธอได้ทุ่มเทความรักรับเลี้ยงดู แลเด็กด้อยโอกาสและเด็กที่ ประสบปัญหาวิกฤติต่างๆ รวมกว่า 100 ชีวิต เป็นเวลาถึง 20 ปี
หากท่านประทับใจเรื่องราวของแม่ ต้อยและมีจิตเมตตาเด็กๆเหล่านี้ สามารถส่งสิ่งของเพื่อช่วยเหลือ ไปได้ที่ มูลนิธิสุธาสินี น้อย
อินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน เลขที่ 3 หมู่ 12 บ้านประชาสรรค์ ตำบลตาดทอง อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร 35000 โทร. 0-4572-2241 หรือ บริจาคเงินผ่านทางธนาคารไทยพาณิ ชย์ สาขา ยโสธร ชื่อบัญชี มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน เลขที่บัญชี 561-2-2 1187-7

ซีดีเก่าช่วยช้างป่า

ในยุคดิจิตอลอย่างนี้ “ แผ่นซีดี ” กำลังกลายเป็นขยะที่สร้างปัญหาให้แก่โลกใบนี้อย่างหนักหน่วง ไหนจะปัญหาในการกำจัด ไหนจะเรื่องมลภาวะจากสารเคลือบต่างๆ ดังนั้นทางหนึ่งที่เราจะช่วยโลกนี้ได้ก็คือการนำซีดีเก่ากลับมาใช้ใหม่ เช่นเดียวกับ สโมสรโรตารีบางรัก ที่กำลังรวบรวมแผ่นซีดีใช้แล้ว มาสร้างรั้วเพื่อไม่ให้ช้างป่าในอำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกมาบุกรุกแหล่งทำกินของชาวบ้านวิธีนี้นอกจากจะช่วยไม่ให้ช้างถูกชาวบ้านทำร้ายแล้ว การนำซีดีมาใช้ใหม่ยังเป็นอีกวิธีที่ประหยัด แถมช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
ร่วมส่งซีดีเก่าไปช่วยช้างป่าได้ที่ สโมสรโรตารีบางรัก ถนนสุรวงศ์ บางรัก กรุงเทพฯ 10500 โทรศัพท์ 0-2268-0857 ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2553

ฮอตไลน์ส ายบุญ

ด่วน! สำหรับใครที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ทางวัดพระบาทน้ำพุได้เปิดฮอตไลน์สายบุญ เพียงกดโทรศัพท์ไปที่หมายเลข 1900-222-000 จากนั้นกด 1 เพียงเท่านี้คุณก็สามารถบริจาคเงิน 9 บาทเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่วัดพระบาทน้ำพุได้ แล้ว

ฟรี! ซีดีธรรมะ

เว็บไซต์ www.manodham.com แจกฟรีแผ่นซีดีธรรมะหลากหลายหั วข้อไม่ว่าจะเป็นเสียงธรรมจากสวนโมกข์ , ธรรมะสำหรับผู้สูงวัย , ธรรมะสำหรับผู้ป่วย , ปาฐกถาธรรมจากท่านปัญญานันทภิ กขุ ฯลฯ ผู้ที่สนใจสามารถขอรับซีดีได้ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่ส่งซองเปล่า ขนาด 5-1/4 x 7-1/4 นิ้ว ( 133 x 184 มม.) หรือขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยติดแสตมป์ 5 บาท จ่าหน้าซองถึงตัวท่านเองให้ชั ดเจน พร้อมทั้งระบุหมายเลขรหัสและชื่ อชุดซีดีที่ท่านต้องการบริเวณมุ มซองด้านล่าง แล้วส่งมาที่ เว็บมาสเตอร์ www.manodham.com
15 ซอยพระยาพิเรนทร์ ถนนเชื้อเพลิง แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
หากฟังเสร็จแล้วทางเว็บไซต์อนุ ญาตให้จัดทำสำเนาแจกจ่ายให้กั บกัลยานธรรมคนอื่นๆ ได้โดยไม่จำกัดจำนวน แต่ห้ามจำหน่ายเพียงอย่างเดียว

ร่วมอุปการะม้ากำพร้า

ใช่แต่หมาหรือแมวที่ถูกทิ้งอยู่ ตามท้องถนน ม้า ก็เป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่ถูกทอดทิ้งให้หิวโหย และเพื่อเป็นการช่วยเหลือม้าที่ ถูกทอดทิ้ง ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้านอำเภอสิรินธร จึงขอชวนผู้ที่ใจดีทุกท่านร่วมสมทบทุนอาหารม้ากำพร้าซึ่งทางชมรมรับเลี้ยงไว้ 27 ตัว ผ่านคอล เล็คชั่นเสื้อม้าที่มี ให้เลือกด้วยกัน 4 สี ในราคาตัวละ 150 บาท
ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อผ่านบัญชี ออมทรัพย์ ชมรมอนุรักษ์ม้าพันธุ์พื้นบ้าน เลขที่บัญชี 338-0-00640-8 ธนาคารกรุงไทย สาขาโขงเจียม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ หมายเลขโทรศัพท์ 089-616-1818 , 089-945 -4525 , 081-955-8369

สร้างการศึกษาแด่คนตาบอด
การศึกษาถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ ทุกคนควรจะได้รับ โดยเฉพาะผู้พิการด้วยแล้ว การศึกษาดูเหมือนจะเป็นโอกาสอันน้อยนิดของพวกเขา และเพื่อให้คนพิการมี โอกาสทางการศึกษามากขึ้น มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทยในพระบรมราชนูปถัมภ์ ขอเชิญทุกท่านร่วมบริจาคเงินสมทบทุนสร้างอาคาร โรงเรียน การศึกษาวิทยาศาสตร์คนตาบอด จังหวัดเพชรบุรี
โดยสามารถโอนเงินเข้าบัญชี มูลนิธิธรรมิกชนเพื่ อคนตาบอดในประเทศไทยในพระบรมราช ูปถัมภ์
บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาพระนครคีรี เลขที่บัญช ี 731-0-11222-9
สอบถามเพิ่มเติมที่หมายเลขโทรศั พท์ 0-3242-6691, 08-1753-3389

คุณค่าแห่งการรู้คุณค่า...บทความดีๆเรื่อง Story of Appreciation

คุณค่าแห่งการรู้คุณค่า...บทความดีๆเรื่อง Story of Appreciation
หนุ่มน้อยเพิ่งจบการศึกษาด้วยผลการเรียนดีเยี่ยมไปสมัครงานใน
ตำแหน่งผู้จัดการในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
หลังจากผ่านการสอบสัมภาษณ์ครั้งแรกไปแล้ว
ผู้อำนวยการได้เรียกเขาไปสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนตัดสินใจ
ผู้อำนวยการเห็นข้อมูลในประวัติของเด็กหนุ่มคนนี้ว่ามีผลการเรียนเป็นเลิศในทุกวิชาตลอดมา
นับตั้งแต่อุดมศึกษาจนจบมหาวิทยาลัย ไม่ปรากฏว่าเขาทำคะแนนตกเลย


ผู้อำนวยการเริ่มคำถามว่า " เธอเคยได้รับทุนการศึกษาอะไรหรือเปล่า ?"
เด็กหนุ่มตอบว่า " ไม่เคยครับ "
ผู้อำนวยการถามต่อว่า " คุณพ่อของเธอเป็นคนจ่ายค่าเล่าเรียนให้ใช่ไหม? "
เด็กหนุ่มตอบว่า " คุณพ่อของผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้ขวบเดียวครับ
เป็นคุณแม่ที่จ่ายค่าเล่าเรียนให้ผม
"
ผู้อำนวยการถามต่อว่า " คุณแม่ของเธอทำงานที่ไหน? "
เด็กหนุ่มตอบว่า " คุณแม่ทำงานซักรีด "

ผู้อำนวยการขอดูมือของเขา
เด็กหนุ่มยื่นมือที่เรียบลื่นไม่มีที่ติให้ผู้อำนวยการดู
ผู้อำนวยการถามต่อว่า " เธอเคยช่วยคุณแม่ของเธอทำงานบ้างหรือเปล่า ?"
เขาตอบว่า " ไม่เคยครับ คุณแม่ต้องการให้ผมเรียนแล้วก็อ่านหนังสือเยอะๆ
คุณแม่ซักผ้าได้เร็วกว่าผมด้วยครับ "
ผู้อำนวยการบอกว่า " ฉันมีเรื่องให้เธอช่วยทำอย่างหนึ่งนะ
วันนี้เธอกลับไปที่บ้าน ช่วยล้างมือของคุณแม่ของเธอแล้วกลับมาพบฉันอีกทีพรุ่งนี้เช้า "



ด้วยความมั่นใจว่าโอกาสที่จะได้งานทำมีอยู่สูงมาก
เมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขาจึงรู้สึกเต็มใจที่จะล้างมือให้แม่ของเขา
ฝ่ายแม่รู้สึกประหลาดใจระคนหวั่นใจ เธอส่งมือให้ลูก
หนุ่มน้อยค่อยๆ ล้างมือให้แม่ แล้วน้ำตาไหลก็ออกมา
เขาเพิ่งรู้สึกว่ามือของแม่นั้นช่างเหี่ยวย่นและเต็มไปด้วยริ้วรอยขูดข่วน
ซึ่งบางแผลพอโดนล้างน้ำก็ทำให้แม่เจ็บจนตัวสั่นระริก

นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มตระหนักรู้ว่า
มือคู่นี้เองที่ซักผ้าทุกวันเพื่อหารายได้มาส่งเีสียให้เขาได้เล่าเรียน
รอยแผลเหล่านี้คือราคาทีแม่ต้องจ่ายไปเพื่อความสำเร็จในการศึกษาของเขา
เพื่อผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมของเขาและอาจจะเพื่ออนาคตของเขาด้วย
คืนนั้นสองแม่ลูกได้คุยกันอยู่นาน

เช้าวันต่อมา เด็กหนุ่มก็เดินทางไปที่ออฟฟิศของผู้อำนวยการ
ผู้อำนวยการสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของเขา จึงถามขึ้นว่า
" ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าเมื่อคืนที่บ้าน เธอทำอะไรบ้าง แล้วได้บทเรียนอะไร "
เด็กหนุ่มตอบว่า " ผมล้างมือให้แม่ครับ แล้วก็เลยช่วยแม่ซักผ้าที่เหลือจนเสร็จ "
ผู้อำนวยการบอกว่า " ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยว่า เธอรู้สึกยังไง "


เด็กหนุ่มตอบ
"ข้อที่หนึ่ง ผมได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สำนึกในบุญคุณ
ถ้าไม่มีแม่ก็คงไม่มีความสำเร็จของผมด้วย
ข้อที่สอง จากการช่วยแม่ทำงานว่า
ผมได้รู้ว่ามันลำบากยากเย็นยังไงกว่าจะทำอะไรออกมาสักอย่างหนึ่ง
ข้อที่สาม ผมได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความผูกพันในครอบครัว "

ผู้อำนวยการจึงบอกว่า " นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ
ฉันอยากได้คนที่รู้ค่าของการได้รับความช่วยเหลือ
อยากได้คนที่เข้าใจถึงความลำบากของใครสักคนในการจะทำอะไรได้มาสักอย่าง
และอยากได้คนที่ไม่ได้ตั้งเงินเป็นเป้าหมายในชีวิตแต่เพียงอย่างเดียว
มาเป็นผู้จัดการให้ฉัน เป็นอันตกลงว่าฉันรับเธอไว้ทำงาน "

ในเวลาต่อมา เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้ทำงานอย่างหนักและได้รับความนับถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา
ลูกจ้างทุกคนทำงานเป็นทีมอย่างขยันขันแข็ง กิจการของบริษัทก็เจริญก้าวหน้าเป็นอย่างดี


เด็กที่ถูกตามใจจนเป็นนิสัยได้รับทุกอย่างที่ต้องการ
จะสร้างนิสัยเอาแต่ใจตัวเองและเห็นแก่ตัวเองเป็นอันดับแรก
เขาจะไม่สนใจความเหนื่อยยากของพ่อแม่
เมื่อถึงวัยทำงานเขาก็จะคาดหวังว่า ใครๆจะต้องเชื่อฟังเขา
เมื่อเขาเป็นผู้จัดการ เขาจึงไม่มีวันรู้ว่าบรรดาลูกจ้างนั้นลำบากอย่างไร
และมักจะโทษคนอื่น
คนลักษณะนี้เขาอาจจะทำงานได้ อาจจะประสบความสำเร็จช่วงหนึ่ง
แต่ในที่สุดแล้ว เขาจะไม่สำเหนียกคุณค่าของความสำเร็จ
หากยังคงคร่ำครวญ เคียดขึ้ง และไม่มีวันรู้สึกเพียงพอ


ถ้าเราเป็นพ่อแม่ประเภทที่ปกป้องลูกแบบนี้ จงถามตัวเราว่า
เรากำลังให้ความรักกับลูกหรือ กำลังทำลายเขากันแน่ ?
เราให้ลูกๆ มีบ้านใหญ่ๆ อยู่ กินอาหารดีๆ เรียนเปียโน ดูทีวีจอใหญ่
แต่เวลาที่เราตัดหญ้า ลองให้ลูกได้ทำด้วย
หลังอาหาร ให้เขาล้างถ้วยชามของตัวเองพร้อมๆกับพี่ๆน ้องๆ
ไม่ใช่ว่าเราไม่มีปัญญาจ้างคนรับใช้
แต่เพราะเราอยากจะให้ความรักกับพวกเขาอย่างถูกวิธี
เราอยากให้เขาเข้าใจว่า ไม่ว่าพ่อแม่จะจนหรือจะรวย
วันหนึ่งก็จะต้องผมขาวแก่เฒ่าลงไป เหมือนกับแม่ของเด็กหนุ่มคนนี้

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกของเราจะได้เรียนรู้ คือ รู้คุณค่าของความพยายาม
ได้รู้จักว่า ความยากลำบากมันเป็นยังไงและได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่นให้เป็น

ลองดู

ค้นหา