วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วิธีดื่มน้ำ อ่านเถอะดี

วิธีดื่มน้ำ อ่านเถอะดี



ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกต้อง

คนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ
ตัวเองหรือยังครับ

ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน

ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่
ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว
(แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ

ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้
แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว

ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด
ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด เข้าเส้นเลือด
เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ
---ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร
---ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
และ
---อย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไรกักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำเพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ
ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า เลิกเบียร์กันไป
แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ

นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น
ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น
มีสองเหตุผลครับ
หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม
สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน

มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม
เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ
เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง

อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ

ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น
ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ
หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง
เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว
ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ

ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก

หนทางเลี่ยงมะเร็ง

หนทางเลี่ยงมะเร็ง

สารเคมีที่เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ถ้าถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ ส่วนมากจะถูกส่งไปสู่อวัยวะสำคัญของร่างกายที่มีความสามารถในการทำลายสิ่งมี พิษ อวัยวะเหล่านี้ได้แก่ ปอด ตับ ไต และลำไส้เล็ก สารเคมีในปริมาณที่ไม่มากเกินไปร่างกายจะทำลายหรือขับออกจากร่างกายได้อย่าง รวดเร็ว มีข้อแม้อยู่เพียงว่าร่างกายนั้นจะต้องแข็งแรงมีสภาวะโภชนาการดี

สำหรับการบริโภคที่อาจจะช่วยเลี่ยงการเป็นมะเร็งนั้น ใน ปัจจุบันนี้มีการศึกษาค้นคว้ากันจนเป็นที่ยอมรับแล้วว่า อาหารการกินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งมีผู้ศึกษากันอย่างมาก เพราะว่าการรักษาโรคมะเร็งนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ลำบาก การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงจึงดูว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด ลดปริมาณอาหารที่มีไขมันสูงในแต่ละมื้อ

ชาวอเมริกันเป็นชนที่มีการกินดีอยู่ดีเกินไป ปริมาณไขมันเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ของพลังงานแล้ว มากเกินกว่าสามสิบเปอร์เซนต์ จึงทำให้เกิดการสะสมไขมัน เกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ นอกจากนี้อาหารมีไขมันสูงยังทำให้เกิดการเสี่ยงต่อการได้ รับสารก่อมะเร็งเป็นอย่างยิ่ง จึงมีการเสนอแนะที่จะให้คนอเมริกันลดปริมาณอาหารไขมันลงเหลือร้อยละ 25 ของพลังงานอาหารแต่ละมื้อ ไม่ว่าจะเป็นกรดไขมันอิ่มตัวหรือกรดไขมันไม่อิ่มตัว

กรด ไขมันชนิดอิ่มตัวพบได้ในอาหารพวกเนื้อ นม ไข่ ส่วนชนิดไม่อิ่มตัวพบมากในน้ำมันพืช และน้ำมันหมูที่ได้รับการเลี้ยงด้วยอาหารมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวระดับสูง เช่น ใช้ข้าวโพด รำข้าว เป็นต้น ถ้าเป็นน้ำมันหมูที่ได้จากหมูที่เลี้ยงโดยหยวกกล้วย ผักตบชวา ก็จะเป็นน้ำมันที่มีแต่กรดไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนใหญ่

การแนะนำให้ลดปริมาณไขมันลงเหลือร้อยละ 25 ของพลังงานนั้น เนื่องจากการทดลองในสัตว์พบว่าสัตว์เลือดอุ่นเช่น หนูขาว ถ้าได้รับอาหารมีไขมันที่เทียบเป็นพลังงานเป็นปริมาณสูงกว่าร้อยละ 30 มีอัตราการเกิดโรคมะเร็งต่อมน้ำนม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมากสูง ต่อมาเมื่อมีการศึกษาทางระบาดวิทยาพบว่า ในกลุ่มคนที่มีอัตราการเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งดังกล่าว บริโภคไขมันในปริมาณสูงคิดเป็นพลังงานเกิน 30% ของพลังงานรวม จึงได้มีการพยายามหาเหตุผลของการที่ไขมันไปเพิ่มอัตราการเป็นมะเร็ง

มีการตั้งสมติฐานว่าในมนุษย์หรือสัตว์ทดลองที่กินอาหารที่มีไขมันสูง จะขับสารพวกสเตรียรอยด์ ออกมามากกว่าคนที่กินไขมันต่ำ สารสเตรียรอยด์หลายชนิดเป็นสารจำเป็น เพราะทำหน้าที่เป็นฮอร์โมนในระบบการดำรงอยู่ของร่างกาย มีผู้พบว่าในคนไข้ที่เป็นโรคลำไส้ใหญ่และที่ต่อมหมวกไต มีการขับสารพวกสเตรียรอยด์ออกมาในอุจจาระเป็นปริมาณสูงเช่นกัน

สมมุติฐานที่ตั้งขึ้นกล่าวว่าอาจเป็นคุณสมบัติทางเคมีของกรดไขมันไม่อิ่มตัว เอง ไขมันประเภทนี้เกิดการแตกตัวออกเป็นสารเคมีขนาดเล็กลง โดยเกิดปฏิกิริยาทางเคมีจากออกซิเจนในอากาศเกิดเป็นสารใหม่ บางชนิดมีขนาดเล็กจึงระเหยได้ ทำให้ไขมันหรือน้ำมันที่เก็บไว้นานเกิดกลิ่นหืน นอกจากนี้ในกระบวนการเกิดสารที่เป็นต้นเหตุของกลิ่นหืนนั้น อาจเกิดสารจำพวกอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารที่มีความไวในการรวมตัวกันกับสารอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับตัวกับหน่วยพันธุกรรมในเซลล์ของร่างกายคือดีเอ็นเอ การที่ดีเอ็นเอสารอื่นไปจับตัวนั้นมักจะทำให้การถอดรหัสข้อมูลในเซลล์เกิด ความผิดพลาดได้ ความผิดพลาดนี้บางกรณีอาจส่งผลถึงการเกิดมะเร็ง

ดังนั้นถ้าร่างกายได้รับอาหารมีไขมันที่เหม็นหืน ซึ่งเกิดได้ง่ายจากไขมันไม่อิ่มตัว อาจทำให้เกิดเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ง่ายขึ้น ด้วย เหตุนี้การลดการบริโภคอาหารไขมันทั้งไขมันอิ่มตัวและไขมันไม่อิ่มตัว จึงเป็นสิ่งควรกระทำสำหรับคนที่นิยมบริโภคอาหารไขมันสูง ข้อควรระวังคือ การกินอาหารมีไขมันต่ำกว่าที่ร่างกายควรได้รับ โดยความรู้เท่าไม่ถึงการนั้นส่งผลเสียได้เช่นกัน เพราะไขมันนั้นนอกจากจะเป็นแหล่งของพลังงานที่สำคัญแล้ว ไขมันหลายชนิดในรางกายเรายังเป็นสารตั้งต้นของชีวโมเลกุลที่สำคัญเช่น ฮอร์โมนต่างๆ

นอกจากนี้ในกระบวนการการดูดซึมไวตามินที่ละลายในไขมันได้แก่ ไวตามิน เอ ดี อี เค จำเป็นต้องอาศัยไขมันเป็นตัวทำละลายในการดูดซึมผ่านผนังลำไส้ ด้วยการไปลดปริมาณไขมันโดยไม่จำเป็นหรือไม่ถูกสัดส่วน อาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีได้เช่นกัน

ลดการบริโภคอาหารปิ้งย่างรมควัน และอาหารเนื้อหมัก

นอกจากโอกาสของการเกิดสารก่อมะเร็งเนื่องจากแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่แล้ว สาร ก่อมะเร็งหลายประเภทอาจเกิดได้ในอาหารมีไขมันสูง ในระหว่างปรุงอาหาร เช่น การปิ้ง ย่าง อาหารเนื้อที่มีไขมันอยู่มากจะเกิดสาร กลุ่มโพลีไซคลิกอะโรเมติคไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic aromatic hydrocarbons) สถาบันวิจัยโภชนาการได้ทำการศึกษาอาหารไทยที่ ปิ้ง ย่าง รมควันแล้วพบว่า อาหารที่มีควันดำเกาะมากมีสารพิษในปริมาณสูง ตัวอย่างเช่น ปลารมควัน หมูปิ้ง ไก่ปิ้ง เป็นต้น

การเกิดสารพิษนี้ได้ตั้งสมมุติฐานว่ามีกระบวนการดังนี้ คือ ถ่านไม้ที่ใช้ปิ้งอาหารนั้นเมื่อร้อนแดงจะมีความร้อนราว 400 องศาเซลเซียส เมื่อเอาอาหารที่มีไขมันขึ้นย่าง ความร้อนจะทำให้ไขมันหลอมตัวหยดลงไปบนถ่าน ในช่วงแรกความร้อนของถ่านจะทำให้ไขมันซึ่งเป็นสารไฮโดรคาร์บอนถูกสันดาปแบบ สมบูรณ์ เพราะออกซิเจนรอบบริเวณนั้นมีพอ ต่อมาความร้อนของถ่านลดลงและออกซิเจนในบริเวณที่มีการเผาไหม้มีไม่เพียงพอ ไขมันที่หยดในช่วงหลังจึงถูกเผาในลักษณะที่เรียกว่า ไพโรไลซิส (Pyrrolysis) ได้สารพวกพีเอเอช พร้อมกับสารเคมีอื่นที่ให้กลิ่นรสของการรมควันลอยขึ้น ในลักษณะของเขม่าไปเกาะอาหารที่ปิ้ง ย่าง อาหารรมควัน ปิ้ง ย่าง ไฟแรง เป็นอาหารที่นิยมกันมากในเอเชียและยุโรปหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีการจับปลาเป็นอุตสาหกรรม ซึ่งนิยมใช้การรมควันเป็นการถนอมรักษาปลา เพราะสารเคมีบางชนิดในควันที่รมเป็นสารกลุ่มฟีนอล ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียได้ดี

นอกจากสารพวกพีเอเอชแล้ว ยังมีสารพวกไนโตรซามีนซึ่งบางชนิดเป็นสารก่อมะเร็งตับ บางชนิดเป็นสารก่อมะเร็งกระเพาะอาหาร

การบริโภคอาหารที่ปิ้งย่างจนไหม้นั้นดูโดยผิวเผินอาจเข้าใจผิดว่าร่างกายได้ สารอาหารสำคัญครบถ้วน ทั้งนี้เพราะอาหารพวกนี้มักเป็นอาหารพวกเนื้อสัตว์ แต่ความเป็นจริงแล้วความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหารนั้น ได้ทำลายสารอาหารที่มีคุณค่าพวกไวตามิน และยังอาจทำให้คุณสมบัติในการถูกย่อยของโปรตีนลดต่ำลงได้ ดังนั้นร่างกายอาจเกิดการขาดสารอาหารจำเป็นขึ้น

กรณีของการหมักดองนั้น โดยทั่วไปคนไทยอาจมีความเข้าใจว่าอาหารหมักดองคือ อาหารที่มีความเปรี้ยวเช่น ผักกาดดอง ผลไม้ดอง เป็นต้น แต่ความเป็นจริงแล้วตามหลักของวิทยาศาสตร์ทางอาหารนั้น อาหารหมักดองหมายถึง อาหารที่มีการแปรรูปโดยการใช้จุลชีพ ทั้งจากธรรมชาติหรือที่เพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ ตัวอย่างการหมักดองที่อาจก่อให้เกิดปัญหาเนื่องจากสารพิษที่เกิดขึ้นระหว่าง การหมักดอง คือไส้กรอกหมูชนิดต่างๆ หมูแหนม ปลาร้า ปลาเจ่า เพราะอาหารเหล่านี้อาจมีการใส่เกลือดินปะสิวลงไปเพื่อจำกัดการเจริญของ แบคทีเรียที่สร้างสารพิษคือ คลอสตริเดียมบอททูลินัม (Clostridium botulinum) ซึ่งสร้างสารพิษชื่อ บอททูลิน (botulin) สารพิษนี้มีความร้ายแรงมาก จากการคำนวณพบว่า ปริมาณเท่าหนึ่งหัวเข็มหมุดสามารถฆ่าหนูถีบจักรได้ถึงหนึ่งล้านตัว

การเติมเกลือดินประสิวลงไปในเนื้อที่หมัก เป็นปัจจัยส่งเสริมให้เกิดการรวมตัว ของเกลือดินประสิวกับสารเอมีนในเนื้อสัตว์ เกิดเป็นสารพิษพวกไนโตรซามีนได้ อีกทั้งปริมาณของไนไตร์ตที่มากเกินพอที่ใช้ป้องกันคลอสตริเดียมบอททูลินัม สามารถรวมกับองค์ประกอบของอาหารหลายชนิดด้วยปฏิกิริยาไนโตรเซชั่น ระหว่างการย่อยในกระเพราะอาหารได้สารก่อกลายพันธุ์ ดังนั้นจึงไม่ควรบริโภคอาหารหมักดอง และอาหารปิ้งย่างไฟแรงติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะร่างกายทำลายสารพิษไม่ทัน เกิดการสะสมเป็นสารพิษได้ นอกจากนี้ไม่พึงบริโภคอาหารเหล่านี้เป็นกับแกล้มเหล้า เนื่องจากอัลกอฮอล์ในเหล้าสามารถส่งเสริมความเป็นพิษให้ร้ายแรงยิ่งขึ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดมะเร็งกับภูมิต้านทาน

นอก จากนี้ยังมีการทดลองในสัตว์ใหญ่ เช่น วัว พบว่าการชักนำให้ระบบภูมิต้านทานสูงขึ้นนั้น จะทำให้ร่างกายสามารถสู้กับโรคมะเร็งได้ โดยมีการทดลองฉีดสารก่อมะเร็งจนวัวเป็นมะเร็งที่ตา จากนั้นผู้ทดลองก็ฉีดสารเคมีที่สกัดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่าบีซีจี ซึ่งทางการแพทย์ปัจจุบันใช้ฉีดเข้าร่างกายมนุษย์ เพื่อให้เกิดภูมิต้านทานโรควัณโรค สารบีซีจีนี้เมื่อถูกฉีดเข้าที่บริเวณตาวัวก็จะเข้าสลายไปจนตาเป็นปกติ การทดลองนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเสริมหรือกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกาย อาจเป็นวิธีกำจัดมะเร็งที่ได้ผล

ในทางตรงกันข้ามถ้าร่างกายมีระบบภูมิต้านทางอ่อนแอลง โอกาสเป็นมะเร็งจะเพิ่มขึ้นมากมาย ซึ่งอาจอธิบายได้ว่าทำไมจำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งจึงมักเป็นในผู้สูงอายุ ซึ่งระบบภูมิต้านทานเริ่มจะอ่อนแอ ส่วนในคนหนุ่มสาวหรือเด็กที่เป็นมะเร็งอาจเกิดได้หลายกรณีเช่น เพราะระบบภูมิต้านทานผิดปกติมาแต่กำเนิด หรือระบบภูมิต้านทานถูกทำลายไปเนื่องจากได้รับสารพิษบางชนิด

สาเหตุหนึ่งที่สำคัญและน่าสนใจก็คือ ระบบการกินอยู่ของคนไทยในรูปของพฤติกรรมการกิน กำลังประสบปัญหาในกลุ่มชนบางกลุ่มเช่น คนที่มีรายได้ต่ำมีการกินที่ไม่สมบูรณ์พอ หรือบางครั้งเลือกซื้ออาหารกินไม่เป็นทำให้การขาดสารโปรตีนจำเป็นและสาร พลังงานไปด้วยกัน ระบบภูมิต้านทานจะทำงานได้ดีเมื่อสารโปรตีนจำเป็นเพียงพอ โปรตีนนั้นเปรียบเป็นดินประสิวที่ใช้สร้างลูกกระสุนปืน และระบบภูมิต้านทานเปรียบเสมือนปืนที่ใช้ยิงข้าศึกในกรณีที่ขาดกระสุนคือ โปรตีน ระบบภูมิต้านทานก็จะอ่อนแอลง ดังนั้นปริมาณและคุณภาพของโปรตีนที่เรากินเข้าไปจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อระบบ ภูมิต้านทาน

ดังนั้นจึงมีการเสนอแนะว่า ควรพยายามหมุนเวียนวิธีการประกอบอาหารเช่น ควรมีการต้ม ปิ้ง ตุ๋น สลับกันไป หรือแม้ในกรณีที่ซื้ออาหารรับประทาน จากร้านตามวิสัยคนเมืองหลวง ก็ควรมีการหมุนเวียนชนิดของอาหารเช่นกัน เพื่อเปิดโอกาสให้ร่างกายเราได้เวลาขับ หรือทำลายสารพิษที่เรากินเข้าไปออกได้ทัน

การบริโภคผักและผลไม้เป็นประจำ

ข้อแนะนำอีกประการก็คือ การเพิ่มปริมาณการกินผักและผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินต่างๆ สูงเช่น วิตามินซี ซึ่งมีมากในส้ม ผักคะน้า มะเขือเทศ (ผักผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวไม่ได้หมายความว่ามีไวตามินซีสูงเสมอไป) วิตามินเอเป็นไวตามินที่สำคัญมีความเข้าใจกันว่า เป็นสารที่ช่วยในการต้านมะเร็งบางชนิดได้ พืชผักและผลไม้มีวิตามินเอที่อยู่ในรูปของเบต้าแคโรตีน ซึ่งพบได้ใน มะละกอ หัวผักกาดแดง ผักใบเหลืองและเขียวอื่นๆ การยับยั้งการเกิดมะเร็งอาจเป็นทั้งทางตรงและทางอ้อม เข้าใจกันว่าเป็นทางตรงนั้น วิตามินเอสามารถรวมตัวกับสารพิษโดยตรงป้องกันไม่ให้สารพิษไปจับตัวกับหน่วย พันธุกรรมได้ ในทางอ้อมนั้นมีผู้เข้าใจว่าวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินเอไปช่วยยืดอายุการทำงาน ของระบบทำลายสารพิษของร่างกาย ทำงานได้ในประสิทธิภาพที่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะการทำลายสารพิษในร่างกาย วิตามินทำหน้าที่คล้ายเป็นน้ำมันหล่อลื่นของเครื่องยนต์
มีการศึกษาพบว่า แอลกอฮอล์ มีผลทางอ้อมกับระบบภูมิต้านทานของร่างกาย โดย ไปทำลายเซลล์ ตับ เซลล์ตับนั้นเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่สำคัญ ในการสร้างโปรตีนบางชนิด ที่มีบทบาทสำคัญของระบบภูมิต้านทาน ดังนั้นถ้าดื่มสุรามากขึ้นปริมาณเซลล์ที่ถูกทำลายก็จะเพิ่มมากขึ้น ระบบภูมิต้านทานซึ่งตับมีส่วนร่วมด้วยก็จะอ่อนแอ

สำหรับควันบุหรี่นั้น จะ ประกอบไปด้วยสารพิษนานาชนิดที่สำคัญคือ พีเอเอชและไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารพิษที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งในปอด ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ดื่มสุราและติดบุหรี่จึงมีโอกาสจะเป็นมะเร็งที่อวัยวะ ต่างๆ สูงกว่าคนอื่นมาก

การพักผ่อนและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

มีปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายห่างจากการเป็นมะเร็ง คือ การ พยายามทำจิตใจให้เบิกบาน อยู่ใกล้ธรรมชาติที่สุด หลีกเลี่ยงความเครียดที่ไม่จำเป็นพยายามพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้ร่างกายมีระบบต้านทานการเป็นมะเร็งที่ดี การรับประทานอาหารในปริมาณพอเหมาะ ไม่อ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป ได้รับการพิสูจน์แล้วในสัตว์ทดลองว่า การทำให้สัตว์ทดลองมีรูปร่างดี ไม่มีไขมันตามลำตัว จะมีอายุยืนกว่าสัตว์ทดลองผอมแห้งหรืออ้วนเสียอีก

กล่าว โดยสรุป จะเห็นว่าอาหาร โภชนาการและมะเร็ง เป็นเรื่องใกล้ตัว การเลือกบริโภคอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ สามารถช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ หลักที่ควรปฏิบัติ มีดังนี้


1.
บริโภคอาหารในแต่ละวันให้ครบ 5 หมู่

2.
ลดการบริโภคอาหารประเภทไขมันให้น้อยลง โดยเฉพาะไขมันประเภทอิ่มตัวควรน้อยกว่า 10% ของพลังงานที่ได้รับทั้งหมด

3.
บริโภคผักและผลไม้สดมากๆ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีปริมาณไนเตรตสูง

4.
บริโภคเนื้อปลาและเนื้อไก่ แทนเนื้อสัตว์ที่มีสีแดง เช่น เนื้อวัว

5.
บริโภคอาหารที่มีเส้นใยสูง ควรได้รับเส้นใยวันละ 20-30 กรัม

6.
ควบคุมน้ำหนักตัว อย่าให้อ้วน

7.
ลดการบริโภคอาหารเค็ม อาหารหมักดอง อาหารรมควัน ปิ้ง ย่าง เผา หรือทอดจนไหม้เกรียม

8.
ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้ว และลดการดื่มแอลกอฮอล์

9.
งดการสูบบุหรี่

10.
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ


แหล่งข้อมูล : ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยด้านอาหาร - กระทรวงสาธารณสุข

เตือนสติ ก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์

เตือนสติ ก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์

ขอเตือนสติ สำหรับผู้ทำงาน ในตึกสูงๆ ดูดีๆ ก่อนก้าวเข้าไปในลิฟต์

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (2 มิถุนายน 2552) ได้ไปกินขนมจีน แถวๆบางลำพู ขนะที่กำลังตักขนมจีนเข้าปาก ก็ได้ยินเสียง หวอ ของรถมูลนิธิ และรถพยาบาลวิ่งมาจอดข้างๆ ห้างแห่งหนึ่งแถวๆบางลำพู ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอทานหนมจีนเสร็จก็เข้าไปช็อปปิ้งนิดหน่อย ก็เห็นคนกำลังมุง และ จนท ได้นำศพชายวัยรุ่น ออกมาจากลิฟต์ คาดว่าเสียชีวิตแล้ว

เรื่องมีอยู่ว่า... ชายดังกล่าวเป็นพนักงานของห้าง นั่งทานข้าวกับแฟนสาว พอทานข้าวเสร็จก็จะไปทำงานต่อ หลังจากล่ำลากับแฟนสาว ก็เดินไปกดลิฟท์เพื่อลงมาจากชั้น 8 ของห้าง ในขณะที่แฟนสาวยืนมองดู

ประตูลิฟต์ได้เปิดทันที หลังจากที่เขากดสวิทต์ ด้วยความเคยชิน เขาก้าว เข้าไปในลิฟต์ ขณะที่แฟนสาวยืนมองอยู่ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นจากชั้น 8 ร่างกระแทกพื้นเสียชีวิตทันที ท่ามกลางความตกตลึง และช๊อก ของแฟนสาว

ความผิดพลาดของประตูลิฟต์ คือ ประตูลิฟต์เปิด แต่ตัวลิฟต์ไม่เลื่อนลงมาตรงตำแหน่งชั้น ซึ่งอาจจะเป็นความผิดพลาดของระบบไฟฟ้า อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ได้ลงข่าว นสพ หรือสื่อใดๆ

ใครก็ตามที่ใช้ลิฟต์เป็นประจำ โดยเฉพาะอาคารที่มีลิฟต์ เก่าๆ ควรหยุดดูซักนิดว่า ลิฟต์ลงมาตรงกับประตูที่เปิดหรือเปล่า... หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คงไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก กับใครก็ตาม ไม่อยากให้ใครสูญเสียครับ



เรื่องนี้เกิดขึ้นขณะที่ป่าป๊าของแก้วไปใช้บริการลิฟท์ของรถไฟฟ้าใต้ดิน (เนื่องจากป่าป๊านั่งรถเข็นนะคะ) มีเจ้าหน้าที่ของรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นคนเรียกลิฟท์มาให้ พอประตูลิฟท์เปิด เขาก็เดินเข้าไปเลย ปรากฏว่าห้องลิฟท์ไม่ได้ขึ้นมาด้วย ทำให้เจ้าหน้าที่ท่านนั้นตกลงไปในช่องลิฟท์ โชคยังดีที่ว่าจำนวนชั้นไม่สูงมาก แต่ก็ทำให้บาดเจ็บพอสมควรเลยหละค่ะ และที่สำคัญที่เค้าไม่เข็นรถของป่าป๊าแก้วเข้าไปด้วย ไม่อย่างนั้นคงแย่มาก ๆ เลย คิดแล้วยังเสียวอยู่เลยค่ะ

ฝากเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีลูก ๆ หลาน ๆ ถ้าเด็กยังเล็กอยู่อาจจะต้องอุ้มเอาไว้ เพราะเด็กซนมากก็จะวิ่งเข้าไปเลยเช่นเดียวกัน สำหรับเด็กโตก็คงต้องบอกเค้าให้รอดูก่อน ว่าห้องลิฟท์ตามมาด้วยหรือเปล่า จึงจะก้าวเท้าเข้าไปนะคะ

มะเร็ง เอดส์ต้องดูคลิปนี้คุณมีโอกาสหาย ตอนจบ

สมุนไพรต้านมะเร็ง 01 09 2010 TV3

หมอเทวดา นายแพทย์สมหมาย ทองประเสริฐ@002 1

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กลอนด่าเขมร - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์

( น่าแปลเป็นภาษาเขมร.... )

กลอนด่าเขมร - ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อปี ๒๕๐๒

"สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน
กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป
อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด
เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน
หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น?
ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา?
เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง
ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง
เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา พราะทรงพระกรุณาประทานไป
มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้
สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย...

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์
๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๒

ทฤษฎีลิง 3 ตัว ของขงจื้อ


ทฤษฎีลิง 3 ตัว ของขงจื้อ

สาระสำคัญ ทฤษฎีลิง 3 ตัวนี้เป็นทฤษฎีของนักปราชญ์ชาวจีน โดยมีความเชื่อว่าการเป็นผู้บริหารที่ดีนั้น ต้องรู้จักควบคุมการฟัง ควบคุมการมอง และควบคุมการพูด ซึ่งเปรียบเทียบได้กับสัญลักษณ์ของลิงทั้ง 3 ตัวนี้มีลักษณะแตกต่างกัน ก็เปรียบเสมือนกับคนเราย่อมแตกต่างกัน ลิงตัวเดียวไม่สามารถปิดหู ปิดตา ปิดปากได้ในเวลาเดียวกัน เพราะมีมือเพียงสองมือเท่านั้น มนุษย์ก็เช่นกันไม่สามารถทำอะไรในเวลาเดียวกันได้ทุก อย่าง เพราะฉะนั้นผู้บริหารควรจะเลือกนำมาใช้ว่าสถานการณ์ใ ดควรใช้แบบใด

ทฤษฎีลิง 3 ตัว มีรายละเอียด ดังนี้

ลิงตัวที่ 1 นั่งปิดหูหนึ่งหู ก็หมายความว่า คนเราควรจะรู้จักควบคุมว่าอะไรที่ควรฟังหรือไม่ควรฟั ง ต้องแยกแยะในสิ่งที่ฟังมา ต้องฟังหูไว้หู แล้วนำสิ่งที่ฟังมาวิเคราะห์ว่ามันเป็นอย่างไร โดยใช้หลักการและเหตุผลมาประกอบเข้าด้วยกัน อย่าเชื่อในสิ่งที่เราฟังทั้งหมด เพราะมันอาจจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ได้

ลิงตัวที่ 2 นั่ง ปิดตาหนึ่งตา ก็หมายความว่า รู้จักควบคุมการมองว่าอะไรควรมองหรือไม่ควรมอง อย่างเชื่อในสิ่งที่เรามองเห็นทั้งหมด เพราะบางครั้งสิ่งที่เรามองเห็นก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั ้งหมด มองแล้วพิจารณาไตร่ตรอง อย่าตัดสินคนทันทีที่เห็น

ลิงตัวที่ 3 นั่ง ปิดปากครึ่งปาก ก็หมายความว่า รู้จักควบคุมการพูดว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูดอย่างไ ร การเป็นผู้บริหารหรือผู้ปฏิบัติงานก็ตาม ควรจะไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา เพราะบางครั้งคำพูดของเราอาจจะไปกระทบกับบุคคลอื่นโด ยไม่รู้ตัว หรืออาจจะนำความเสียหายมาสู่องค์กรได้ เพราะฉะนั้นการที่เราจะทำอะไรก็ควรจะคิด และพิจารณาให้ดีก่อนที่จะพูดออกไป ....

中央电视台2011年春节联欢晚会【14】魔术《年年有鱼》傅琰东、董卿

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ส่งต่อให้มากๆนะ ช่วยได้จริงครับ CONFIRM

ส่งต่อให้มากๆนะ ช่วยได้จริงครับ CONFIRM


ไฟฟ้าช๊อต ตายช่วยได้ครับ.....
ก่อน อื่นผมขอออกตัวนะครับทุกท่าน ว่าไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้เลิศเลอ มากมาย เพียงแต่อยากจะนำความรู้ที่พอมี และประสบการณ์มาแบ่งปันกันบ้างในฐานะที่เราอยู่ใต้ร่มโพธิ์ อาศัยพระบารมีของพระองค์ท่าน ไฟฟ้าเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมาตลอด มีคุณอนันต์ แต่มีโทษมหันต์ครับ ผมไปเรียนซ่อม วิทยุโทรทัศน์ เครื่องขยายเสียงและ..ฯ กับคุณครู ถาวร คำมณีจันทร์ คนขอนแก่น ท่านเป็นช่างยุคแรก ๆ ของเมืองไทย เคยอยู่ โรงเรียนแสงทองวิทยุโทรทัศน์ ,อิเล็กทรอนิคส์กรุงเทพ-รังสิต สุดท้ายกลับบ้านสร้างโรงเรียนสอนซ่อมโทรทัศน์ที่ อ.ชุมแพ ขอนแก่นโน่น

ท่านแนะนำเกี่ยวกับคนที่โดนไฟฟ้าช็อตตาย ตายนะครับ
อย่าปล่อยไว้นานเกิน 1 ชั่วโมง และอย่าเพิ่งรีบส่งโรงพยาบาล ให้หาทางคลายประจุไฟฟ้าในตัวคนตายก่อน
โดยหาแผ่นเหล็ก หรือสังกะสีมาวางคนที่โดนไฟฟ้าช็อตบนนั้น
แล้วเทน้ำรา ด(อย่าให้น้ำเข้าจมูกนะครับ กระแสไฟที่อยู่ในตัวจะถูกคลายประจุลงดินครับ..
เขาจะค่อย ๆ รู้สึกตัว หรือร้องลั่น ก็แล้วแต่ ฟื้นแล้วค่อยส่งโรงพยาบาล

ผม เคยเจอมากับตัวเองครับ ฟื้นครับ สิบราย ฟื้นทั้งสิบครับ สมัยก่อน นะครับ คนที่ถูกฟ้าลงข้าง ๆ ตัว (ไม่ถึง กะตัวไหม้เกรียมนะครับ)เขาใช้ น้ำเหล้าขาวที่ดื่มกันมาเป่า ก็ ยังฟื้นได้นับประสาอะไรกับน้ำเป็นครุถัง

แต่ ถ้านำไปโรงพยาบาลทันที โดนปั๊มหัวใจทันที ตับแตกตายแน่นอนครับท่าน สาเหตุเพราะว่ากระแสไฟฟ้าชาร์ทประจุอยู่เต็มตัว ฉะนั้นจึงให้คลายประจุก่อน จึงค่อยส่งโรงพยาบาล

และ ขอแนะนำว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดให้ทำการต่อสายดินเอาที่เส้นโต ๆ หน่อยหาเหล็กแท่งมาตอกลงดินเทน้ำให้ชื้น ๆ คนใช้ ก็ จะปลอดภัยครับส่วนสาเหตุที่ เมื่อต่อสายดินแล้วทำไมไฟฟ้าไม่ช็อตนั้นตามหลักการแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่าน ตัวนำที่เป็นสื่อทุกชนิด มากน้อยแล้วแต่ความต้านทานของสื่อไฟฟ้าครับ ความต้านทานน้อย กระแสไฟฟ้าจะไหลผ ่านมาก ความต้านทานมากกระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านได้น้อย ขอให้ท่านสังเกตุดูนะครับว่าเสาไฟฟ้าแรงต่ำจะมีสายต่อลงดินเป็นระยะ ๆ ไป นั่นก็เป็นการป้องกันในระดับหนึ่งครับ เรื่องของสายล่อฟ้าก็เช่นเดียวกันไม่ใช่ไม่ให้ฟ้าลงนะครับ แต่เป็นการล่อให้มันลงมา ลงมาทีละน้อย ๆ ไง. มันจึงไม่ผ่าเพราะประจุไฟฟ้าไม่มากพอ ถ้าท่านไม่เชื่อ ในขณะครื้มฟ้าครื้มฝนลองไปยืนใกล้ ๆสายล่อฟ้าดูนะครับ จะมีกระแสไฟฟ้าทำให้เราขนลุกได้แต่ไม่มีอันตราย ......ขอจบตรงนี้นะครับ

ความดี นี้ขอมอบแด่คุณครู ถาวร คำมณีจันทร์ ผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ครับ...

สุดยอดอาหารลดหุ่น

สุดยอดอาหารลดหุ่น



จาก นิตยสาร Slimming โดย ดร. กิลเลียน แมคคีธ นักโภชนาการอาหาร นักเขียน และ

พิธีกร รายการ You are what you eat มาเผยอาหารลดหุ่นที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนัก



1.อาหารเช้าตัวกระตุ้นชั้นยอด และผู้ชนะคือโอ๊ต
2.เครื่องปรุงสมูธตี้ชั้นยอด และผู้ชนะคือ บลูเบอร์รี่
3.ผักดิบของดีสุด และผู้ชนะคือ ถั่วงอก
4.ผักใบเขียว และผู้ชนะคือ ผักขม
5.อาหารไขมันเพียบดีที่สุด และผู้ชนะคือ อโวคาโด
6.อาหารปลามื้อค่ำดีที่สุด และผู้ชนะคือ ปลาแซลมอนธรรมชาติ
7.ดีที่สุดในการกระตุ้นพลังงาน และผู้ชนะคือมันเทศ
8.อาหารพิเศษดีที่สุด และผู้ชนะคือ สาหร่าย
9.อาหารซื้อตอบรีบที่ดีที่สุด และผู้ชนะคือ อัลมอนด์
10.ของหวานดีที่สุด และผู้ชนะคือ สตรอว์เบอร์รี่

1.อาหารเช้าตัวกระตุ้นชั้นยอด และผู้ชนะคือ ข้าวโอ๊ต
ข้าวโอ๊ตจัดเป็นอาหารเช้าที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักค่ะ เพราะมีกากใยสูง แคลอรีต่ำ

แถมกากใยนี้ทำหน้าที่ประดุจฟองน้ำ ที่ซึมรับน้ำตอนผ่านลงไปในท้อง ช่วยให้รู้สึกอิ่ม

มากขึ้นค่ะ แล้วเมื่ออยู่ในลำไส้ ข้าวโอ๊ตที่ดูดซึมกากใย ได้ก่อตัวเป็นเจล

แล้วค่อยๆซึมซับคาร์โบไฮเดรต รักษาระดับน้ำตาลในเลือกให้คงที่ ทำให้ไม่ค่อยหิว

และ มีโปรตีนที่กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน มีไขมันปกป้องหัวใจ วิตามินอี สังกะสี

แคลเซียม และแมกนีเซียมด้วยค่ะ และยังเหมาะกับคนที่มีอาการท้องผูก อาการซึมเศร้า

และเบาหวาน


ลอง: ผสมในโยเกิร์ต ซีเรียล ขนมปัง

2. บลูเบอร์รี่ สุดยอดเครื่องปรุงสมูธตี้ชั้นยอด
บลูเบอร์รี่มิใช่แค่มีแคลอรี่ และไขมันต่ำเท่านั้นนะคะ (ไขมัน 0.3 กรัมต่อ 100 กรัม)

แต่ยังมีรสอร่อย ช่วยชะลอขบวนการที่ทำให้เหี่ยวย่นด้วยค่ะ

และยังปกป้องโรคหัวใจ กับโรคมะเร็งได้ด้วยค่ะ เพราะมีสารต้านอนุมุลอิสระ เป็นแหล่ง

วิตามินซี บี 1 เบต้าแคโรทีน และโปตัสเซียมด้วยหรือจะใช้ญาติของบลูเบอร์รี่ ที่ชื่อ

แครนเบอร์รี่ แทนก็ได้ลอง: ใส่ในฟรุตสลัดหรือใส่ในสมูธตี้เป็นอาหารเช้า

แค่ใส่บลูเบอร์รี 100 กรัม กล้วยลูกเล็กในเครื่องปั่นให้เข้ากัน ดื่มรวดเดียว

ดื่มสมูธตี้บลูเบอร์รี่กับกล้วยแทนลาเต้นาน 2 สัปดาห์ น้ำหนักจะลดลงไปได้ครึ่งปอนด์

3. ถั่วงอก ผักดิบที่ดีที่สุด
เอนไซม์เป็นสิ่งสำหคัญในการรักษาการทำงานของร่างกายเอาไว้ กิจกรรมที่เอนไซม์ต่ำ

อาจทำให้สาวๆ น้ำหนักเพิ่มได้

ถั่วงอกเป็นแหล่งอกหารเอนไซม์ชั้นยอด และอุดมไปด้วยโภชนาการที่ช่วยกระตุ้นการ

ลดน้ำหนักได้ มีโปรตีน วิตามินบีคอมเพล็กซ์ วิตามินซี และวิตามินอี โภชนาการที่

ผสมกันช่วยปกป้องโรคมะเร็ง ความอ่อนล้า และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน (แต่ก็ต้องระวังเรื่อง

ถั่วงอกฟอกขาว)

ลอง:ผัดผักถั่วงอก เวลาทานสลัดถั่วงอก ให้ลองผสมน้ำส้มสายชูบัลซามิค แทนมายองเนส

หรือน้ำสลัดแบบครีม จะช่วยลดน้ำหนักได้ครึ่งปอนด์ใน1คืน

4 . ผักใบเขียว ผักที่ชนะเลิศคือ ผักขม
ผักขมที่ไร้แคลอรี่และไขมัน แต่มีโฟเลต และแร่ธาตุกับวิตามินอื่นๆ มากมายค่ะ อย่าง

วิตามินบีและโฟเลตเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการใช้งาน เพื่อช่วยในการเผาผลาญน้ำตาล

ถ้าคุณมีโฟเลตต่ำอาจเกิดโรคโลหิตจาง ทำให้อ่อนล้าได้ปกติเราควรบริโภคโฟเลต

วันละ 200 ไมโครกรัม (400 ไมโครกรัม สำหรับสาวที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังเตรียมตัวเป็นคุณแม่)

ผักขมสด 100 กรัมให้โฟเลต 3 ส่วนของปริมาณที่ต้องการประจำวันค่ะ

ลอง: ต้มเป็นเครื่องเคียงกับแซลมอน หรือใส่ในผัดผัก เปลี่ยนจากซุปไก่เป็นซุปผักขม

สามารถลดน้ำหนักได้ครึ่งปอนด์ในสองสัปดาห์

5.. อาหารอุดมไปด้วยไขมันที่ดีที่สุด คือ อโวคาโด
หลายคนอาจคิดว่าอโวคาโดเป็นของอ้วน แต่ที่จริงแล้วเพียบไปด้วยคุณประโยชน์จากกรด

ไขมันจำเป็น ซึ่งช่วยในการกระจายน้ำหนักของเรา รวมถึงการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย

จึงจัดเป็นสิ่งจำเป็นต่อการจัดการกับน้ำหนัก ต่อความสมดุลของฮอร์โมน คุณภาพเส้นผม

ผิวและเล็บ อโวคาโดมีแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยชะลอความแก่ วิตามินบีในอโวคาโดช่วย

ให้คุณรับมือกับความเครียดได้เช่นกัน และเนื่องจากมีวิตามินบี 6 ซึ่งดีต่อการบรรเทา

อาการก่อนมีประจำเดือนด้วย

ลอง:ทำซุปอโวคาโดกับซุปแตงกวา เลิกทานมันฝรั่งทอด หรือ tortilla chips

(ขนมที่เป็นแป้งข้าวโพดทอดกรอบ)

หันมาจิ้มแครอทที่หั่นเป็นแท่งกับกวาคาโมล* จะลดน้ำหนักได้สองปอนด์ครึ่งในหนึ่งคืน
* guacamole คือเครื่องจิ้มชนิดหนึ่งทำจากเนื้อ อโวคาโด น้ำมะนาว เกลือ และหัวหอม

นำมาบดรวมกัน

6. อาหารปลามื้อค่ำที่ดีที่สุด คือ แซลมอน
เป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ และมีกรดไขมันจำเป็นและโอเมก้า-3 อีกทั้งยังมีโปรตีน ดีกับ

สุขภาพผิวของสาวๆ ด้วย กรดไขมันจำเป็นทำให้เลือดข้นน้อยลง และไหลเวียนไปทั่ว

ร่างกายได้อย่างราบรื่น จึงทำให้ไม่มีการอุดตันอันเป็นสาเหตุของหลายๆโรค

เช่นโรคหัวใจ จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่าการกินปลาที่มีโอเมก้า-3 สูง

สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยปรับปรุงสุขภาพสมองและร่างกายได้

ลอง:แซลมอนกับสลัดผักเขียว หรือแซลมอนอบ ทานแซลมอนสเต๊ก แทนไส้กรอกหรือหมูย่าง จะอำลาน้ำหนักส่วนเกินไปได้ครึ่งปอนด์ในสองสัปดาห์

7. ดีที่สุดในการกระตุ้นพลังงาน คือ มันเทศ
มันเทศเป็นแหล่งวิตามินบี 6 ที่ดีซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน บี 6

ยังช่วยร่างกายผลิตพลังงานจากอาหารได้มากขึ้น และเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการลดน้ำหนัก

มันเทศเป็นคอมเพล็กซ์คาร์โบไฮเดรตซึ่งปล่อยพลังงานช้า มีกากใยมาก ทำให้อิ่มท้องอยู่

ได้โดยไม่เพิ่งเอวหรือสะโพก ผักลักษณะหัวจะมีโภชนาการอาหารที่ทำให้ตับอ่อนคุณแข็งแรง

ซึ่งช่วยให้จัดการกับน้ำหนักได้ดีขึ้น ลอง: เติมมันเทศในสตูหรือกับผักอบ อบมันเทศ ยี่หร่า

หอมใหญ่ และเห็ดผสมกัน เติมมันเทศในสตู หรือกับผักอบ อบมันเทศ ยี่หร่า หอมใหญ่

และเห็ดผสมกัน

8. สาหร่าย อาหารพิเศษดีที่สุด
สาหร่ายมีไอโอดีนสูง แต่ไขมัและแคลอรี่ต่ำ ซึ่งไอโอดีนนี้ร่างกายนำไปใช้สร้าง

ฮอร์โมนไธรอยด์ ซึ่งต่อมไธรอยด์กระจายการเผาผลาญพลังงานของคุณ

นอกจากนี้ยังมีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี โฟเลต กรดแพนโทธีนิค และ

ไรโบฟลาวินอีกด้วย ลอง: เข้าร้านอาหารญี่ปุ่น

9 . อาหารซ์อตอนรีบที่ดีที่สุด คือ อัลมอนด์
คุณสมบัติที่ในนิตยสารกล่าวถึงก็คือ ไขมันกากใย และโปรตีน เพื่อรักษาระดับน้ำตาล

ให้คงที่อัลมอนด์มีกรดโอเลอิค ซึ่งเชื่อว่าปกป้องโรคหัวใจได้ และยังมีแร่ธาตุมากมาย

แมกนีเซียม โปตัสเซียม ฟอสฟอรัส และมีแคลเซียมสูง

(เจ้าอัลมอนด์สิ่งที่มีคุณสมบัติ anti-aging อยู่ค่ะ เพราะอุดมด้วย วิตามินอี (vitamin E)

((ที่ชื่อเสียงร่ำลืออยู่ตามส่วนผสมของครีมบำรุงผิวทั้งหลาย ประเภทช่วยลดริ้วรอย นั่นหล่ะค่ะ))

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี fatty acids ที่ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งและนุ่มนวลค่ะ และยังมี ซิลิเนียม

(selenium) ที่ช่วยแอนตี้ ออกซิแดนท์ (Antioxidant) หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ค่ะ

เพราะฉะนั้นยามบ่ายๆ เวลาสาวๆหิวขึ้นมา หยิบอัลมอนด์มาทานเล่นเป็นของว่าง แทน

พวกขนมขบเคี้ยวที่ทำให้อ้วนทั้งหลายค่ะ แต่ขอเน้นย้ำนิดนึงค่ะว่า ทานแต่พอประมาณนะคะ

วันละไม่เกิน 1 กำมือก็พอเพียงค่ะ เพราะอัลมอนด์เนี่ยมีแคลอรี่เยอะพอสมควรค่ะ

ถ้าทานมากๆ เดี๋ยวพลังงานจะเยอะเกินความจำเป็น แล้วสั่งสมให้อ้วนได้เช่นกันค่ะ แฮ่ๆ )

10. สตรอว์เบอร์รี่ คือของหวานที่ดีที่สุด
สตอร์เบอร์รี่ มีดัชนีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นน้ำตาลธรรมชาติ ถูกปล่อยออกมาในเลือดอย่างช้าๆ

ทำให้คุณมีพลังงานสม่ำเสมอ และมีความรู้สึกอิ่มนาน และยังมีเปคตินละลายน้ำได้ที่

ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดและสารพิษและยังมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์อีก

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

·
จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่ใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา

Variety Club Youth Choir Flash Mob 'I am Australian'

ผลไม้ทายนิสัย.....

ผลไม้ทายนิสัย.....



ผลไม้ อาหารของทุกเพศทุกวัย ใครๆ ก็ชื่นชอบ เชื่อว่าแต่ละคนต้องมีผลไม้สุดโปรดเป็น

ของตัวเองแน่ๆ มาดูกันดีกว่าว่าผลไม้จะทายนิสัยของคุณได้แม่นแค่ไหน อย่างไร

> กระท้อน คนชอบกินกระท้อน จะมีลักษณะแข็งนอกอ่อนใน ดูภายนอกเหมือนคนก้าวร้าวแต่จริง ๆ จิตใจดี อ่อนไหวง่าย

ไม่ชอบความรุนแรง รักสงบ



> กล้วย สำหรับคนที่ชอบทานกล้วย ภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึม แต่นิสัยจริง ๆ คืออ่อนไหวง่าย ถ้าถูกใครพูดกระทบกระแทกหน่อยก็จะเก็บเอาไปคิดเสียใจ เป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเหตุผล รอบคอบ มองการณ์ไกล ชอบวางแผน อนาคตให้ตัวเองและคนที่อยู่รอบข้างเสมอ เป็นคนนิสัยรักสันโดษ เป็นคนที่มีจิตเป็นกุศล ชอบทำบุญแก่คนทุกข์ยาก



> เงาะ สำหรับสาว ๆ ที่ชอบกินเงาะจะเป็นคนค่อนข้างขี้เล่น สามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้ ถึงคุณจะขี้โม้ไปบ้างแต่เพื่อน ๆ ก็ชอบในความร่าเริงสนุกสนานของคุณ



> ชมพู่ สำหรับคนขี้เกรงใจ จะชอบกินชมพู่มากเป็นพิเศษ มีความอดทนสูง ยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ แต่เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและคิดมาก แต่ไม่ชอบที่จะทำร้ายจิตใจใครจริง ๆ ดังนั้นถ้าหนุ่มคนไหน ชอบกินชมพู่เป็นพิเศษหล่ะ ก็ควรจะเอาใจเค้าให้มาก เพราะเค้าจะคิดอะไรๆ ไปในทางลบเสมอ



> แตงโม เป็นของว่างจานโปรดสำหรับสาวใจกว้าง อ่อนโยน มีน้ำใจกับมิตรสหาย ซื่อสัตย์ไม่คิดคดทรยศเป็นคนง่าย ๆ มองโลกในแง่ดี จะไม่ค่อยโวยวายหรือคิดมาก ตั้งอกตั้งใจทำงานดี แต่มักแพ้ภัยแก่เพศตรงข้าม และคนที่ชอบกินแตงโมจะเป็นคนที่รักใคร่เอ็นดูของเพื่อนฝูงอีกด้วย



> ฝรั่ง สาว ๆ ที่ชอบฝรั่งมักเป็นคนรักอิสระ ชอบที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ชอบทำอะไรซ้ำซากจำเจ



> มะพร้าว เพื่อน ๆ ที่ชอบมะพร้าวมักเป็นคนใจบุญ มีจิตเป็นกุศล มองโลกในแง่ดี วาจาคมคาย พูดจาเหน็บคนให้

เจ็บด้วยใบหน้าที่ใสซื่อเก่งนักแหละ



> มะละกอ ผลไม้โปรดของคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูง มีความคิดลุ่มลึก คิดเป็นเหตุเป็นผล วางแผนแยบยล โอบอ้อมอารีย์



> มังคุด เหมาะสำหรับคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว ช่างฝันและมีอารมณ์โรแมนติก อ่อนไหวง่าย รักใครได้ง่าย ๆ และเก็บเอา

ไปนึกคิดคนเดียว แต่ไม่นานก็ลืมเอาดื้อ ๆ แล้วก็ไปหลงคนอื่นต่อไปเรื่อยเปื่อย พูดง่าย ๆ คือเป็นผลไม้สำหรับคนเจ้าชู้ไงจ๊ะ



> ลองกอง พวกที่ยึดเอาลองกองเป็นอาหารหลัก เป็นคนรักสันโดษ ชอบเดินทาง ชอบการผจญภัยในที่ที่ตนเองไม่เคยไป อนุรักษ์นิยม



> ลางสาด สำหรับเพื่อน ๆ ที่เลือกลางสาดเป็นผลไม้หลัก จะเป็นคนอนุรักษ์นิยม ยึดมั่นในแนวความคิดเก่า ๆ ชอบวิถีทางที่เคยทำมาแต่ก่อน แต่เป็นคนมีเหตุผล



> ลิ้นจี่ ผลไม้สำหรับคนชอบทำงานเบา ๆ ไม่ต้องใช้กำลังแรงงานมาก ๆ คนชอบทานลิ้นจี่กลัวเพื่อน ๆ จะลำบากน้อยกว่า เลยให้เพื่อน ๆ เอางานไปช่วยทำซะหมด ตัวเองคอยชักใยอยู่เบื้องหลังสบาย ๆ นี่เอง



> ลำไย คนชอบทานผลไม้เม็ดเล็กชนิดนี้มักเป็นคนปากหวาน ชอบประจบประแจง ใช้คำพูดยกยอคนให้หลงปลื้ม แต่มักเป็นคนชอบนินทาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง

> สตรอเบอร์รี่ ถ้าชอบทานส

ตรอเบอร์รี่ บอกได้เลยว่าคุณเป็นสาวคุยสนุก มีอารมณ์ขัน ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ตลอดเวลา เป็นที่ต้องการของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และเมื่อจะพูดคุยหรือทำอะไรก็ต้องมีคนดู คนฟัง และค่อนข้างมีรสนิยมทีเดียว



> สาลี่ ผลไม้คุณหนู ผู้ที่ชอบทานมักจะมีนิสัยอ่อนหวาน สุภาพ อ่อนโยน ไม่ชอบขัดใจใคร มองโลกในแง่ดี ไม่นินทาว่า

ร้ายใคร นอกจากนี้ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี



> ส้มเขียวหวาน เห็นชอบส้มอย่างนี้เป็นคนทันสมัย หัวก้าวหน้า แต่มักมีนิสัยหึงหวงเพศตรงข้ามอยู่เนืองๆ มัธยัสถ์ รู้จักใช้จ่าย



> ส้มโอ คนที่ชอบส้มโอจะเป็นคนที่รักความสบาย ความหรูหรา โอ่อ่า ใจอ่อนง่าย ถ้ามีใครๆ มาตื๊อก็คงยอมให้กัน

ทุกอย่างแบบเทกระเป๋าไปเลย



> สัปปะรด ผู้ที่ชอบกินเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไป มัวแต่ไปเอาใจคนอื่นเกินไป ทำให้เพื่อนๆ มักจะรำคาญและเบื่อหน่ายอยู่เสมอ



> องุ่น ผลไม้ยอดฮิตของคนสวยมีเสน่ห์ เพื่อนๆ ที่ชอบทาน มักเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย นิสัยร่าเริง

มีความคิดความอ่านสุขุมรอบคอบ ปากกับใจไม่ค่อยตรงกันนัก ไม่ค่อยชอบบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครรู้ง่าย ๆ



> แอ๊ปเปิ้ล ผลไม้ของคนขี้เหงา ขาดเพื่อนไม่ได้ เป็นคนไม่ค่อยแคร์เรื่องความรัก คือนึกจะรักใครก็รัก นึกจะเลิกก็เลิก

ถ้า U เพลีย เหนื่อย

ถ้า U เพลีย เหนื่อย

โคตรเบื่อ เซ็งเป็ด
และท้อใจ

ขอให้ก้มลงมอง
Keyboard

แล้ว
U จะเห็นว่า I อยู่ข้างๆ U เสมอนะจ๊ะ

^ O ^ ^ O ^

Parkour and FreeRunning

ตำรายาสมุนไพรรักษาโรค...

ตำรายาสมุนไพรรักษาโรค...


จากท่านพระอาจารย์ประเสริฐ สิทธิญาโน วัดบัวหลวง อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก 65160

โรคไตและม้าม โรคเบาหวาน โรคความดันต่ำ เิ่มเม็ดเลือด เสริมกระดูกให้แข็งแรง ( ไตทำหน้าที่เกี่ยวกับกระดูก ถ้าไตแข็งแรง ก็จะไปเสริมกระดูก ): สับปะรด 1 ลูก ปอกเปลือกและตัดตาให้เรียบร้อย พร้อมกับใบโหระพา 1 กำมือ ปั่นรวมกันให้ระเอียด กรองเอาแต่น้ำใช้ดื่มวันละ 1 เวลาหลังอาหารเย็นทันที ประมาณ 1 ถ้วยกาแฟ หากเหลือให้เก็บไว้ในตู้เย็นไว้รับประทานวันต่อไปได้

ไตวาย สับปะรดทั้งเปลือก 1 ลูก กับสารส้ม(บดแล้ว) ประมาณ ครึ่งช้อนกาแฟ ต้มสารส้มกับสับปะรดโดยใส่น้ำเปล่าให้ท่วมสับปะรด
ต้มจนสับปะรดเปื่อยแล้วกรองเอาแต่น้ำมาดื่ม ประมาณวันละ 1 ถ้วยกาแฟ วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น ( หากอยู่ในระหว่างแพทย์คุม ปริมาณน้ำ ให้ดื่มน้ำยาในปริมาณที่แพทย์อนุญาต )

โรคเบาหวาน ดีบัวแห้ง(บดแล้ว) 1 ช้อนกาแฟใส่น้ำร้อน 1 แก้ว ชงดื่มก่อนนอน ห้ามเพิ่มปริมาณดีบัวเด็ดขาด ทั้งนี้ต้องคุมอาหารประกอบ ะวังอาหารเค็มและมีมันมาก

โรคเบาหวาน ใบมะยม( ในกรณีที่หาดีบัวแห้งไม่ได้ ) ใช้ใบมะยมครั้งละ 8 ก้าน และใบฝรั่งครั้งละ 5 - 7 ใบ หากมีลูกฝรั่งให้หั่นใส่ไปด้วย โดยไม่ต้องเอาเม็ดออก ต้มใบมะยมทั้งก้านกับฝรั่งและน้ำประมาณ 2แก้ว น้ำขนาดปกติ ใช้ดื่มต่างน้ำ

โรคกระดูกพรุน โรคอัลไวเมอร์ และการบำรุงสายตา เซาะแคลเซี่ยมส่วนเกิน แก้อาการข้อ ( เก๊าท์) แก้ภูมิแพ้ มีฤทธิ์ต้านมะเร็งใช้งาดำคั่วบด ทานครั้งละ 1 - 3 ช้อนโต๊ะ จะใช้คลุกข้าวรับประทานก็ได้ รับประทานเวลาใหนก็ได้

โรคซิสด์ เนื้องอก เซลล์มะเร็ง เห็ดหูหนูขาว เห็ดหูหนูดำ และเห็ดอะไรก็ได้อีก 1 ชนิด ปั่นรวมกันใส่น้ำต้มและทำเป็นซุบ ทานไปเรื่อยสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง

ตัวจี๊ด นำมะระขี้นก จำนวน 5 ลูก หากให้ได้ผลดีให้ใช้ใบ ต้น ราก เม็ด ( ยกมาทั้งต้น ) ประมาณ 5ต้น นำมาต้มน้ำดื่มวันละ 2 แก้ว เช้า - เย็น หากมีลูกกระเจี๊ยบดิบให้รับประทานร่วมด้วยครั้งละ 2 ลูก

โรคไวรัสบี ใช้มะระขี้นก 2 ลูก ต่อน้ำ 1 แก้ว ปั่นเป็นเครื่องดื่มสด ดื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า - เย็น

โรคกระเพาะ ฟอกปอด และต้านโรคมะเร็ง นำใบมะรุมมาลวกเพื่อรับประทาน หรือรับประทานทั้งดิบๆก็ได้ ประมาณ 4 - 5ยอด วัันละครั้งพร้อมอาหารเย็น

โรคซิสด์ เนื้องอก เซลล์มะเร็ง นำต้นหนอนตายยากปริมาณ 1 กำมือล้างน้ำให้สะอาด ทุบให้ช้ำแล้วใส่น้ำประมาณ 2 แก้ว ต้มให้เหลือ 1 แก้วใช้ดื่มต่างน้ำ ( อาจทำให้ปัสสาวะบ่อย)

โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งเม็ดเลือด ใช้ลูกใต้ใบทั้งต้น จำนวน 6 ต้น ใส่สารส้ม (บดแล้ว ) ครึ่งว้อมกาแฟ เติมน้ำ 1 ลิตร ต้มให้ตัวยาออก ดื่ื่มครั้งละ 1 แก้ว เช้า - เย็น ก่อนอาหาร

โรคความดันโลหิตสูง ใช้หัวไชเท้า ขูดหรือซอยให้ได้ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แช่น้ำส้มสายชู 20 นาที แล้วล้างน้ำให้สะอาด รับประทานหลังอาหารเย็นก่อนนอน ( สามารถทำปริมาณมากๆ )เก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อรับประทานได้
โรคความดันโลหิตสูงดื่มน้ำผึ้งแท้ ใช้น้ำผึ้ง 1 - 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำโซดา วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน

โรคครอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูง ให้นำน้ำแอปเปิล 1 ผล ปั่นกับน้ำโซดา 1 แก้ว ดื่มก่อนนอน ั้งนี้ให้ระวังพืชท่ีมีครอเรสเตอรรอลสูง เช่น กระถิน มะเขือยาว ชะอม

โรคกระเพราะ ปวดท้อง ลมในกระเพาะมาก รับประทานขมิ้นชัน ทานปรฺมาณ 1นิ้วชี้ วันละ 1 ครั้ง หากเป้นขมิ้นชันให้รับประทาฯปริมาณ นิ้วก้อย และถ้าเป้นขมิ้นชันแคปซูลให้รับประทาน ประมาณ 3 แคปซูล หลังอาหารเย็น

โรคไขมันในลำใส้ กระเพาะไม่ย่อย ถุงน้ำดีไม่ทำงาน ใช้กระชาย ครึ้่งกิโลกรัม ใบกระเพรา 1 กำมือ ปั่นรวมกัน ใส่น้ำครึ่งลิตร กรองแล้วใส่น้ำผึ้งเล็กน้อย ประมาณ 1 ช้อนกาแฟ ดื่มวันละ 1 แก้ว เวลาใหนก็ได้

โรคไมเกรน ใช้พริกไทยดำ 7 เม็ด เคี้ยวพริกไทยในปากข้างที่ปวดศรีษะทีละ 1 เม็ดก็ได้ พริกไทยจะละลายข้างกระพุ้งแก้วทำอย่างนี้จนหมด 7เม็ด พยายามไม่ดื่มน้ำตาม ( ให้กลืนไปเลย ) ให้รับประทานตอนก่อนแปรงฟันตอนเช้า ประมาณ 3 - 4 สัปดาห์จะเห็นผล

โรคปวดท้องเประจำเดือน ใช้เกลือ 1 ช้อนกาแฟ น้ำตาลทราย 2 ช้อนกาแฟ + น้ำร้อน 1 แก้ว ให้ดื่มวันละ 2 - 3แก้ว ก่อนนอน และตลอดเวลาที่มีรอบเดือน ไม่ควรรับประมานของเย็น

โรคริดสีดวงทวาร กล้วยหอม 1 ใบ ไม่ต้องปลอกเปลือก นำไปต้มน้ำจนสุก รับประทานกล้วยที่ต้มแล้วทั้งเปลือกก่อนนอนเพราะเปลือกมีกำมะถันระษาโรคแล้วดื่มน้ำอุ่นตาม

ซิสด์หน้าอก ให้ใช้หวีพลาดติกหวีที่หน้อกระหว่างอาบน้ำ 5 - 6 ครั้ง ( โดยให้หวีลง )

ต่อมลูกหมาก ใช้ทับทิม 1 ผล ปั่นกับน้ำโซดา 1 แก้ว กรองแล้้วดื่มน้ำนั้น ก่อนนอนหากกลั้นปัสสาวะนานๆก็มีอาการปวดท้องได้เช่นกัน

โรคกระเพราะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะเป็นเลือด ให้นำแตงร้านหรือแตงกวา 1 ลูก มาสับแล้วต้มน้ำใส่สารส้ม ครึ่งช้อนกาแฟ ดื่มหลัง อาหารเช้า - เย็น มื้อละ 1 ลูก

ถูกสารพิษ ภูมิแพ้ เมาค้าง นำใบรางจืดประมาณ 30 ใบ ต่อน้ำ 1 ลิตร ต้มดื่มต่างน้ำ

โรคหัวใจ นำหัวใจหมูสด ผ่าครึ่ง ล้างน้ำให้สะอาด นำทองคำเปลว 3 แผ่น ติดข้างในหัวใจหมู นำหัวใจมาประกบ ใช้เข็มกับด้ายเย็บติดกันใหม่ใช้ 3 หัวใจ นำไปต้ม หรือตุ๋น โดยใส่น้ำให้ท่วมหัวใจเมื่อต้มเปื่อยแล้วให้นำน้ำต้มหัวใจมาดื่ม ครั้งละประมาณ 1 ถ้วยกาแฟ วันละ 1 ถ้วย มื่อดื่มน้ำหมดแล้ว ให้น้เนื้อหัวใจนั้นมาหั่นรับประทานด้วยก็ดี ใช้จิ้มกับน้ำจิ้มอะไรก็ได้

ยาบำรุงหัวใจ ให้รับประทานเม็ดบัวต้มเป็นของหวาน ผลไม้อื่นที่ช่วยบำรุงหัวใจ คือ เชอร์รี่ดำ และมังคุด ส่วนผู้ที่เป็นโรคหัวใจโต ไม่ควรรับประทาน

สุดยอด

ดูเอาเอง

การเปิดไวท์

ดูไว้ เผื่อจะเอาไปทำมั๊ง

Sapporo Beer Commercial - Legendary Biru

วิธีการแก้ปัญหาของผู้หญิง

วิธีการตรวจกระเป๋าเดินทาง

มาดูความสามารถของลิง

โครตเก่งเลย

เข้มแข็งไว้นะท ี่รัก

OH ! No



นักโทษคนหนึ่งหนีออกจากคุกซึ่งติดมาเป็นเวลา 15 ปี

เขาหนีเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อจะหาเงินและปืน แต่กลับพบกับสามี ภรรยาคู่หนึ่งอยู่บนเตียง

เขาสั่งให้ผู้ชายออกจากเตียงและมัดไว้กับ เก้าอี้

ขณะที่เขามัดผู้หญิงไว้กับเตียง และจูบที่คอ

จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อน ..

..ขณะนั้นเองสามีก็กล่าวกับภรรยาว่า :

"ฟังนะที่รัก.. ชายคนนั้นเป็นนักโทษหนีคุก ดูที่เสื้อเขาซิ! เขาอยู่ในคุกหลายปีและไม่เคยเจอผู้หญิงเลย

ผมเห็นเค้าจูบที่คอคุณ ถ้าเค้าต้องการเซ็กส์ อย่าขัดขืน หรือบ่นอะไร ทำอย่างที่เค้าบอก

ชายคนนี้อันตรายมาก ถ้าทำให้เค้าโกรธ เราอาจจะถูกฆ่า เข้มแข็งไว้นะที่รัก ผมรักคุณ" .. ..



ภรรยากลับตอบว่า :

"เขาไม่ได้จูบที่คอฉันหรอกที่รัก เขาแค่กระซิบกับฉันว่าเขาเป็นเกย์ บอกว่าคุณน่ารัก และถามว่าเรามีวาสลีนมั้ย? ฉันก็ตอบเขาไปว่า อยู่ในห้องน้ำ เข้มแข็งไว้นะที่รัก ฉันก็รักคุณเหมือนกัน"

เสียเวลาอ่านสักนิด อะไร อะไรจะได้ดีขึ้น

> เสียเวลาอ่านสักนิด อะไร อะไรจะได้ดีขึ้น
> > > หากคุณเห็นด้วย.. รบกวนช่วยส่งต่อกันเยอะๆ เพื่อส่วนรวม
>
> > > ใครดูรายการของคุณสัญา คุนากร
> > > ได้คุยเรื่องน้ำมันในประเทศไทย ฟังเเล้วช๊อคจริงๆครับเพื่อนๆ
> > > ทางคุณสัญาได้เชิญอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงพลังงานมาเล่าให้ฟัง
> > > ซึ่งผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพลังงานในสมัยพลเอกเปรม
> > >
> > > ได้ฟังท่านเล่าเเล้วผมขนลุก...ครับ
> > > ผมเข้าใจผิดมาตลอดว่าเมืองไทยไม่สามารถผลิตนำมันได้เองต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
> > > ซึ่งท่านบอกว่าเมืองไทยมีกำลังผลิตได้ 1,000,000 บาร์เรล/วัน(ปตท.)
> > > เเละเมืองไทยใช้น้ำมันวันละ 700,000 บาเรล/วัน
> > > เเละเมืองไทยส่งออกน้ำมันประมาณ 100,000 บาเรล/วัน
> > >
> > > ฟังเเล้วเพื่อนคิดยังงัยครับ
> > > เเละที่เเย่กว่านั้น..น้ำมันที่ส่งออกไปขายในต่างประเทศราคาถูกกว่าที่ขายในเมืองไทยหลายบาทถ้าเทียบต่อลิตร
> > > ตอนนี้มาเลเซียใช้น้ำมันเบนซินเเละดีเซลประมาณลิตรละ 20 บาทต้นๆ
> > > ท่านบอกว่าสาเหตุที่ทำให้น้ำมันราคาเเพง เพราะว่าอธิบดีหรือผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงพลังงานถือหุ้นบริษัทโรงกลั่น
> > > ทำให้ไม่มีการเข้ามาจัดการเเละดูเเล
> > > ราคาที่ปรับขึ้นทีละ .50 บาทเป็นการขึ้นจากโรงกลั่นซึ่งราคาที่ปรับขึ้นไม่ได้มาจาก cost ต้นทุน
> > > เเต่ป็นราคาที่ตั้งขึ้นมาลอยๆ โดยอ้างอิงจากตลาดที่ผันผวนมากที่สุด
> > > ในที่นี้ท่านยกตัวอย่างตลาดสิงคโปร์ เเต่จริงๆเราซื้อจากตะวันออกกลาง
> > >
> > > เเละอีกอย่างที่น่าตกใจ ท่านบอกว่าในประเทศไทยมี stock น้ำมัน 2 เดือนเเละหมุนเวียนอย่างนี้เรื่อยๆ
> > > พอเวลากระทรวงปรับน้ำขึ้นพวกพ่อค้าเอาน้ำมันใน stock มาปรับขึ้นด้วย
> > > คิดดูเอาเองว่าเป็นเงินเท่าไหร่
> > > ไทยใช้ 700,000 บาเรล/วัน ( 1 บาเรล = 159 ลิตร )
> > > 2 เดือนกี่ลิตร ลิตรละ .50 บาท ลองคูณดู
> > >
> > > บริษัทที่ได้กำไรเยอะมากคือ ปตท เพราะมีโรงกลั่น 5 โรง อีก 2 โรงเป็นของเอกชน
> > > รวมในประเทศไทยมีโรงกลั่น 7 โรง เป็นของ ปตท 5 โรง
> > > เเล้วท่านสรุปกำไรของปตทในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ประมาณปี 2540-2544 ปตท กำไรปีละ 22,000 ล้านบาทครับ
> > > ฟังเเล้วเป็นงัยครับพี่น้อง...
> > > กำไรเท่ากับงบประมาณ 1 กรมเลยทีเดียว
> > >
> > > เเละที่สุดยอดกว่านั้น ปี 2545-2550 ปตทกำไรเพิ่มเป็น 50,000ล้านบาท/ปี
> > > เเละที่สุดๆ คือ ในปี 2548 กำไร 195,000 ล้านบาท
> > > ฟังเเล้วอยากให้ลูกทำงานบริษัท ปตท มั้ยครับเพื่อนๆ
> > > กำไรดังกล่าวมาจากอะไรลองคิดดูครับ
> > > ประชาชนตาดำๆอย่างเราเสียค่าน้ำมันลิตรละ 36 บาท
> > > ถ้าเป็นรัฐบาลก่อนๆ น้ำมันขึ้น 3 บาท รัฐมนตรี นายก ต้องก้นร้อนเเล้ว
> > > เเล้วรัฐบาลน ี้ล่ะ..ตอนนี้ขึ้นไปกี่บาทเเล้ว เพื่อนๆลองคิดดูเเล้วกัน
> > >
> > > ถ้า ปตท ลดกำไรลงเท่ากับ 20,000 ล้านบาท/ปี
> > > เเค่นี้เราก็ใช้นำมันลิตร 20 บาทเเล้วครับ
> > > (นี่เเหละเหตุผลที่ไม่อยากให้เเปรรูปอุตสาหกรรมพวกนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน)
> > >
> > > นี่คือเหตุผลว่าทำไมพนักงานการไฟฟ้าถึงได้ประท้วงเวลามีการเเปรรูป
> > > เพราะมันจะเป็นเหมือนน้ำมัน ซึ่งพอเข้าตลาดหุ้นจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนตามมา
> > > อธิบดี รัฐมนตรี เมียอธิบดี เมียรัฐมนตรี ถือหุ้นโรงกลั่น
> > > ทำให้ไอ้พวกนี้ไม่เข้าไปดูเเลเเละจัดการอย่างจริงจัง
> > > ทำให้น้ำมันเเตะลิตรละ 40 บาทเเล้ว ณ ปัจจุบัน
> > >
> > >
> > > มาร่วมมือกันดีไหม...
>
>
> ด้วยการเติม esso, shell
> และถ้าจะให้ดีกว่านี้..เราต้องร่วมมือกันไม่ซื้อมากกว่าที่จำเป็นต้องใช้
> ถ้าทุกครั้งเราเคยเติม 1000 บาทหรือเต็มถ้ง.. คราวนี้เราจะไม่เติมมากกว่าที่เราจำเป็นต้องใช้
> > >
> ตัวอย่างเช่น วันนี้จะวิ่ง 30 กม. เราก็เติม 4.5 ลิตรหรือ 200 บาท
> จะวิ่งอีก 70 กม. เราก็เติม 10 ลิตรหรือ 400 บาท
> จะวิ่งอีก 100 กม. เราก็เติม 14 ลิตรหรือ 500 บาท
> > >
> อย่าเติมเยอะ...
> ไม่ต้องไปตุนเพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะขึ้นราคา
> > >
> คราวนี้สต็อกน้ำมันในคลังก็จะล้น
> เพราะปริมาณที่เคยขายทุกวันก็จะถูกเลื่อนให้ต้องเก็บไปขายในอนาคต
> ถ้ามันยังอยากขายก็ต้องลดราคาลงมา ให้มันรู้ว่าไผเป็นไผ
> เคยมีคนศึกษากรณีไข่ไก่แพง และได้ลองทำล้กษณะนี้ได้ผลมาแล้ว
> > >
> สั่งสอนให้บทเรียนมันหน่อย เริ่มลงมือปฏิบัติการได้เลย
> ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย ขอเพียงช่วยกันกระจายข่าวไปให้มากที่สุด
> > >
> สามัคคีคือพลัง...
> ส่งมาให้อ่านกันเพราะอยากให้ราคาน้ำมันลดลงจริงๆ
> พวกเราโดนโอเปครวมหัวขึ้นราคาอย่างไม่เป็นธรรม ก็น่าจะมีมาตรการที่จะต่อสู้ ตอบโต้กลับไปบ้าง
> ข้อเสนอนี ้ก็น่าจะเป็นข้อเสนอหนึ่งที่ถ้าร่วมกันทำจริงๆ ก็น่าจะแสดงอะไรออกมาได้บ้าง
>
>
>
>
>

วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป

ข้อคิดดี ๆ จากชายที่จากไป
แง่คิดดีๆ จากชายชราผู้จากไป
โดย พิษณุ นิลกลัด

สัปดาห์สุดท้ายของปี 2548
ผมไปงานสวดและงานเผาศพผู้ชายวัย 81 ปีที่ผมรู้จักเขามายาวนาน 30 ปี
ไม่ใช่ญาติ แต่ สนิทกันรักใคร่เสมือนญาติ

ก่อนเสียชีวิตไม่กี่วันเขาสั่งลูกและภรรยาแบบคนไม่ครั่นคร้ามความตายว่า
สวดสามวันแล้วเผา ไม่ต้องบอกใครให้วุ่นวาย
อย่าเศร้า อย่าร้องไห้ ทุกคนต้องมีวันนี้
เพียงแต่เขาอยู่หัวแถวเลยต้องไปก่อน

แล้วลูกเมียก็ทำตามคำสั่ง สวดสามวันเผา
งานสวด 3 คืน มีคนฟังพระสวดคืนละ 14 คน
คือเมีย ลูก หลาน เขย สะใภ้ และผม ซึ่งเป็นคนนอก

เป็นงานศพที่มีคนไปร่วมงานน้อยที่สุดเท่าที่ผมเคยไปฟังสวด

วันเผามีเพิ่มเป็น 17 คน
สามคนที่เพิ่ม เป็นเพื่อนบ้านที่เคยคุยด้วยเกือบทุกเย็น
คนหนึ่งเป็นแม่ค้าล็อตเตอรี่ที่เคยยืมเงินแล้วไม่มีสตังค์จ่าย
เลยเอาล็อตเตอรี่ทยอยผ่อนใช้หนี้แทนเงิน งวดละสองใบคนหนึ่ง
และคนสุดท้ายเป็นหญิงที่ผู้ตายเคยผูกปิ่นโตทุกมื้อเย็น
ทั้งสามคนบอกว่า เกือบมาไม่ทันเผา
เคราะห์ดีที่แวะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกว่าเสียชีวิตไปแล้ว 3 วัน

หลังฌาปนกิจ พระกระซิบถามเจ้าหน้าที่วัด
ว่าเจ้าของงานจ่ายเงินค่าศาลาสวดพระอภิธรรมแล้วหรือยัง
พระท่านคงไม่เคยเห็นงานศพที่มีคนน้อยแบบที่ผมก็รู้สึกตั้งแต่สวดคืนแรก

จริงๆ แล้วผู้ตายเป็นคนค่อนข้างมีสตังค์
ทำงานธนาคารแห่งประเทศไทยจนเกษียณอายุที่ ตำแหน่งหัวหน้าหน่วย
แต่ด้วยความที่รักและศรัทธาอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการแบงค์ชาติ
จึงดำเนินชีวิตแบบไม่ปรารถนาให้ใครเดือนร้อน
แม้กระทั่งวันตาย

ผมสนิทกับเขาเพราะเขามีความฝันในวัยเด็กอยากเป็นนักประพันธ์แบบไม้เมืองเดิม
ที่เขาเคยนั่งเหลาดินสอและวิ่งซื้อโอเลี้ยงให้
เมื่อตัวเองเป็นนักเขียนไม่ได้ พอมาเจอะผมที่เป็นนักข่าวก็เลยถูกชะตา
และให้ความเมตตา
การมีโอกาสได้พูดได้คุยกับเขาตามวาระโอกาสตลอด 30 ปี
ทำให้ได้แง่คิดดีๆ มาใช้ในการดำรงชีวิต

วันหนึ่งเขารู้ว่า ขโมย ยกชุดกอล์ฟของผมไป สองชุดราคา 4 แสนกว่าบาท
เขาปลอบใจผมว่า
'ของที่หายเป็นของฟุ่มเฟือยของเรา
แต่มันอาจเป็นของจำเป็นสำหรับลูกเมีย ครอบครัวเขา
คิดซะว่าได้ทำบุญ จะได้ไม่ทุกข์'

เขามีวิธีคิด 'เท่ๆ'
แบบผมคิดไม่ได้มากมาย เป็นต้นว่า
สุขและทุกข์อยู่รอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหยิบเลือกคว้าอะไร

คงเป็นเพราะเขาเลือกคว้าแต่ความสุข
ช่วงปีสุดท้ายของชีวิต เขาต่อสู้กับโรคชรา เบาหวาน หัวใจ
ความดัน เกาต์ และไตทำงานเพียง 5% โดยไม่ปริปากบ่น
แถมยังสามารถให้ลูกชายขับรถพาเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์
โดยที่ตัวเองต้อง หิ้วถุงปัสสาวะไปด้วยตลอดเวลา
เนื่องจากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเองไม่ได้
6 เดือน สุดท้ายของชีวิตต้องนอนโรงพยาบาลสามวัน นอนบ้านสี่วันสลับกันไป
เวลาลูกหลาน หรือเพื่อนของลูกรวมทั้งผมด้วยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล
เขามีแรงพูดติดต่อกันไม่เกิน 10 นาที
แต่ 10 นาที ที่พูด มีแต่เรื่องสนุกสนาน
เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนไป เยี่ยมไข้
ทุกคน พูดตรงกันว่า
'คุณตาไม่เห็นเหมือนคนป่วยเลย
ตลกเหมือนเดิม'

พอแขกกลับ
ลูกหลานถามว่าทำไมคุยแต่เรื่องตลก
เขาตอบว่า

'ถ้าคุยแต่เรื่องเจ็บป่วย
วันหลังใครเขาจะอยากมาเยี่ยมอีก'

เขาเป็นคนชอบคุยกับผู้คนไม่ว่าจะอยู่บนเตียงคนไข้หรืออยู่บนรถแท็กซี่
บ่อยครั้งที่นั่งรถถึงหน้าบ้านแล้ว
แต่สั่งให้โชเฟอร์ขับวนรอบหมู่บ้าน เพราะยังคุยไม่จบเรื่อง
แล้วจ่ายเงินตามมิเตอร์!

4 เดือน สุดท้ายของชีวิตแพทย์ที่รักษาโรคไตมาตั้งแต่สมัยเป็นแพทย์อินเทิร์น
จนกระทั่งเป็นหัวหน้าแผนก แนะนำให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลให้แข็งแรง

แล้วค่อยกลับบ้าน

แต่ อยู่ได้ 4 วันเขาวิงวอนหมอว่า ขอกลับบ้าน
หมอซึ่งรักษากันมา 16 ปีไม่ยอม
เขาพูดกับหมอด้วยความสุภาพว่า

'ขอให้ผมกลับบ้านเถอะ ผมอยากฟังเสียงนกร้อง'
คุณหมอไม่รู้หรอก ว่าคนคิดถึงบ้านมันเป็นอย่างไร
เพราะพอเสร็จงานหมอก็กลับบ้าน'
หมอได้ฟังแล้วหมดทางสู้ ยอมให้คนไข้กลับบ้าน
แต่กำชับให้มาตรวจตรงตามเวลานัดทุกครั้ง

1 เดือน ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
เขาสูญเสียการควบคุมอวัยวะของร่างกายเกือบทั้งหมด
เคลื่อนไหวได้อย่างเดียวคือกะพริบตา
แต่แพทย์บอกว่าสมองของเขายังดีมาก
เวลา ลูก เมียพูดคุยด้วย ต้องบอกว่า
'ถ้าได้ยินพ่อกะพริบตาสองที'

เขา กะพริบตาสองทีทุกครั้ง!
เห็นแล้วทั้งดีใจและใจหาย

เขา ยังรับรู้
แต่ พูดไม่ได้
นี่กระมังที่เรียกว่าถูกขังในร่างของตนเอง

สิบวันก่อนพลัดพราก ภรรยากระซิบข้างหูว่า
' พ่อสู้นะ '
เขา ไม่กะพริบตาซะแล้ว
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้สองเดือนเคยตอบว่า
' สู้ '

เขาสู้กับสารพัดโรคด้วยความเข้าใจโรค
สู้ ชนิดที่หมอออกปากว่า
' คุณลุงแกสู้จริงๆ '

ตอนที่วางดอกไม้จันทน์
ผมนึกถึงประโยคที่แกพูดกับลูกเมื่อสี่เดือนก่อนว่า
'โรคภัย มันเอาร่างกายของพ่อไปแล้ว
อย่าให้มันเอาใจของเราไปด้วย'

'แง่คิดดีๆ จากชายชราที่จากไป '
สอนให้เรารู้ว่า...
เราเกิดมาพร้อมกับจิตใจบริสุทธิ์
และมันสมองมหัศจรรย์ ที่จะสามารถเรียนรู้
แยกแยะเรื่องดีๆ และสิ่งร้ายๆ ในชีวิต
จงใช้โอกาสดีๆ ที่ร่างกายและจิตใจของเรา
ยังทำอะไรๆ ได้อย่างที่สมองสั่ง

จงเรียนรู้
และสร้างประโยชน์สุข
ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างพอเพียง
และดำรงชีวิตอย่างพอเพียงทางเศรษฐกิจ

หากทุกๆ ครั้งที่เรียนรู้
เราล้ม เราพลาด

อาจจะรู้สึกท้อบ้างในบางที
แม้ไม่มีกำลังกายที่จะลุกในทันที..แต่ข้อให้มีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
ถ้าเราเรียนรู้...ก็จะทำให้เราพบว่า

การล้มหรือพลาดครั้งต่อไป
เราจะไม่เจ็บเท่าเดิม

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เรื่อง ตำราไม่ล้างไต

เรื่อง ตำราไม่ล้างไต

ถ้าข้าพเจ้าได้รับตำรานี้เมื่อ 25 ปีก่อน ลูก ๆ คงไม่ต้องมาร้องเพลงชื่อ
“ คนอื่นมีแม่ ฉันไม่มี ”

การที่จะ เอาเมล็ดลิ้นจี่มาทำยา นั้นง่ายมากสำหรับข้าพเจ้าเพราะที่บ้าน
ปลูกต้นลิ้นจี่กว่า 50 ปีแล้ว แต่ไม่รู้ว่า มันคือยาวิเศษในการรักษาโรคไต
คู่ชีวิตของข้าพเจ้าต้องทรมานเสียเวลา 14 ปีในการฟอกไตและในที่สุด
ก็ต้องจากไป

ในไต้หวันมีผู้คนป่วยเป็นโรคไตจำนวนมากที่ต้องทำการฟอกไต
การที่ต้องไปฟอกไตเพราะไตเสื่อมลง จนไม่มาสามารถขัยถ่าย
ของเสียออก บางทีญาติหรือเพื่อนของท่านบางคนกำลังฟอกไตอยู่
จึงอยากให้ท่านช่วยเผยแพร่ตำราวิเศษออกไปให้ทั่ว จะเป็นบุญกุศลยิ่ง

คนที่นำไปทดลองใช้จะมีแต่ได้ ไม่มีเสียอย่างแน่นอน ช่วยได้ 1 คน
เท่ากับช่วยทั้งครอบครัว

ข้าพเจ้าเป็นโรคไตเพราะเป็นโรคเบาหวานนาน 20 ปี ความเป็นทุกข์
ทรมานนี้ ทำให้ข้าพเจ้าเบื่อต่อชีวิต และคิดจะจบชีวิตตนเองหลายครั้ ง
แต่มาคิดได้ว่า ถ้าเราพ้นทุกข์แล้วทำให้หลายคนต้องรับทุกข์ต่อ ลูก
หลานหลายคนยังเรียนไม่จบ ยังตั้งตัวไม่ได้ เลยรับกรรมไปฟอกไตต่อ

มีคนเสนอตำราลับ ตำราวิเศษห้ แต่ไม่เคยเชื่อ ข้าพเจ้าเชื่อแต่แพทย์
แผนปัจจุบัน จึงเดินเข้าห้องฟอกไต ขอสู้กับมัจจุราชต่อไป

ข้าพเจ้าเกิดนึกถึงคำพังเพยจีนว่า “ ม้าตายแล้ว ให้นึกว่ารักษาม้าเป็น ”
บางทีชีวิตนี้อาจมีความหวัง จึงขอทดลอง หลังฟอกไตครั้งที่ 2 แล้ว
คุณน้ามาเยี่ยมถามว่าอยากลองตำราวิเศษไหม รับรองไม่ต้องฟอกไต
อีกต่อไป ข้าพเจ้าก็ตกลงทันที

ตอนบ่ายคุณน้านำซุปเส้งจี้มา 1 หม้อแบ่งดื่ม 2 ครั้ง
วันที่ 2 นำมาอีก 1 หม้อ (ราว ชามครึ่ง) พร้อมให้กินเส้งจี้อีก ครึ่งลูก

ในวันนั้น ปรากฏว่าการถ่ายปัสสวะดีขึ้น พอวันที่ 3 ซึ่งจะต้องฟอกไต
แต่หมอตรวจแล้วว่าวันนี้ยังไม่ต้องฟอกก่อน

ข้าพเจ้าได้ดื่มซุปเส้งจี๊ประมาณ 1 อาทิตย์ ไปตรวจอีก
คราวนี้หมอประหลาดใจมาก แจ้งว่าไตปกติแล้ว ไม่ต้องฟอกแล้ว

ตำราวิเศษมีดังนี้.--

เมล็ดลิ้นจี่สด 7 เม็ด ทุบให้แตกแล้วใช้ผ้าขาวอย่างบาง ๆ ห่อไว้

ซื้อเส้งจี๊หมู 1 ลูก หั่นเป็นแผ่นบางล้างให้สะอาดตัดเอาเอ็นสีขาวออก

เอาน้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 จำนวน 2 ชาม นำเข้าใส่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้า

ทำการนึ้งเป็นเวลา 30 นาที เสร็จแล้วให้ดื่มหมดครั้งเดียวก็จะได้ผล

ข้าพเจ้าได้พ้นจากฟอกไตเพราะตำรานี้ จึงขอความกรุณาทุกท่าน

ช่วยเผยแพร่ตำรานี่แก่ผู้ป่วยเป็นโรคไต ให้พ้นทุกข์จากการฟอกไตด้วย

จะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่ง

วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Galaxy S2

Galaxy Tab2

HTC Flyer

HTC Flyer

Iran - Tehran 14 Feb.2011 Tear-gas attack and chant: "Death to dictator"

HTC Pro 2 ROM Manila 2.5 WWE by Fab985 CM-XOR Team

HTC Smart Hands-On at Mobile World Congress

TC Bank- Dream Rangers

มีไปทำไม? โดย ว.วชิรเมธี

มีไปทำไม?
โดย ว.วชิรเมธี


* มีเงินนับแสนล้านบาท แต่ใช้จริงวันละไม่ถึง 100 บาท ***มีไปทำไม?

* มีบ้านใหญ่โตเหมือนกับวัง แต่อยู่กันแค่ 4 คน พ่อแม่ลูก***มีไปทำไม?

* มีรถนับสิบคัน แต่ใช้งานจริงแค่คันเดียว***มีไปทำไม?

* มีเตียงใหญ่โตมโหฬาร แต่นอนเพียงแค่เต็มแผ่นหลัง***มีไปทำไม?

* มีนาฬิกาแสนแพง แต่ไม่เคยทำอะไรตรงเวลา***มีไปทำไม?

* มีเวลาอยู่ในโลกไม่ถึงร้อยปี แต่กลับแบ่งเวลาไปริษยาคนอื่น***ทำไปทำไม?

* มีกฏหมายนับพันมาตรา แต่มีอาชญากรอยู่เต็มเมือง***มีไปทำไม?

* มี ส.ส. อยู่เต็มสภา แต่มาประชุมไม่เคยครบเลย***มีไปทำไม?

* มีพ่อแม่อยู่ที่บ้าน แต่ไม่เคยปรนนิบัตรท่านเลย***มีไปทำไม?

* มีอำนาจอยู่เต็มมือ แต่ไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเลย***มีไปทำไม?

* มีภรรยาที่แสนดี แต่ไม่เคยแบ่งเวลาให้เธอเลย***มีไปทำไม?

* มีลูกแสนน่ารัก แต่ไม่เคยโอบกอดลูกเลย***มีไปทำไม?

* มีพระไตรปิฎกอยู่เต็มตู้ แต่ไม่เคยเปิดออกมาศึกษาเลย***มีไปทำไม?

* มีวัดอยู่แทบทุกหมู่บ้าน แต่ศีลธรรมของสังคมแย่ลงทุกวัน***มีไปทำไม?

* มีรองเท้าเป็นพันคู่ แต่ใส่จริงแค่วันละคู่***มีไปทำไม?

* มีพี่น้องนับสิบคน แต่แตกสามัคคีกันทุกคน***มีไปทำไม?

* มีมือมีเท้าสมบูรณ์ แต่ไม่เคยลงแรงทำอะไรเลย***มีไปทำไม?

* มีหูอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยฟังธรรมเลย***มีไปทำไม?

* มีตาอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยมองหาสิ่งที่ดีเลย***มีไปทำไม?

* มีเท้าอยู่สองข้าง แต่ไม่เคยเดินเข้าหาโอกาสเลย***มีไปทำไม?

* มีปัญญาอยู่กับตัว แต่กลับใช้อารมณ์เป็นส่วนใหญ่***มีไปทำไม?

กด 1137 บริการซ่อมรถฟรี 24 ชม

ผู้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว
จะไปบอกต่อกันก็ ได้
ช่วยกันบอกต่อๆ ไป
รถเสีย กด 1137

ชาวกรุงซึ้งน้ำใจรถเสียช่วยฟรี 24 ชม.
รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรี
ตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและ
ภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง

คนยังเรียกใช้น้อย
เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน
ขณะที่ ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง
และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น

แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากนัก
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือ
คนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
อย่างกลุ่มคนในโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง '
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ
' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง ' กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ ว่า

เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลา
กลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาโดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์ รวมไป ถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจรแล้ว น่าเป็นห่วง
นอกจากนี้จากการสำรวจดู ยังพบว่า
มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้าน
และไม่มีใครดูแล
จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร. เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนมี
ที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดี
อยู่อีกจำนวนมาก

บทสรุปที่ได้ คือ
ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ
จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ
โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริ
มาร่วมด้วยช่วยกัน ปรากฏว่า
เจ้า ของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความ
เชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดให้
เจ้าหน้าที่ ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร
ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก ' บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี ถึงขณะนี้ การช่วยเหลือยังน้อยอยู่
เดือนหนึ่งประมาณ 50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตก
จะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย '

ผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวและยอมรับว่า โครงการ ' ปันน้ำใจช่วย เหลือรถจอดเสียกลางทาง ' ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ยังไม่ทราบว่า
มีโครงการนี้ หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้ และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น

' ถ้าผู้ใช้รถ ไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่า
มีโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชน
ส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือ
จริงหรือเปล่า หวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้นเราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือ ออกไป

เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น '
นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137

เล่าประสบการณ์ร้อนๆ (เกือบ)โดนมิจฉาชีำพหลอกโอนเงินผ่านตู้ ATM..สดๆ‏

เพิ่งส่ง Clip เสียงให้ฟังเมื่อวาน วันนี้โทรมาเลยครับ สดๆร้อนๆ 10 โมงเช้าวันนี้...
เริ่มต้นเลย..
มีสายโทรศัพท์ต่อเข้ามาไม่โชว์เบอร์
คุณดวงพร สำนักงานใหญ่ ธ.กสิกร
ดวงพร ----> แจ้งว่าเรามีการรูดบัตรเครดิตซื้อของไปจำนวนเงิน 6,900 บาท
เรา -----> ก็แจ้งไปว่าเราไม่เคยมีบัตรเครดิตของกสิกร
ดวงพร -----> ขอชื่อกับเลขที่บัตรประชาชนด้วยค่ะ เพื่อทำการตรวจสอบ
เรา -----> ก็แกล้งบอกชื่อ-สกุล ปลอมๆ พร้อมเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก ไปก็ปลอมๆอีกนั่นแหละ
ดวงพร -----> บัตรเครดิตนี้ถูกออกที่สาขาเดอะมอลล์ บางกระปิ ค่ะ วงเงิน 20,000 บาท
เรา -----> ตรวจสอบให้หน่อยครับว่าชื่อผมกับเลขที่บัตรประชาชนตรงกับเลขที่ในบัตรเครดิตหรือเปล่า??
ดวงพร -----> ตรงค่ะ เป็นเลขที่เดียวกันเลยค่ะ
เรา -----> (นึกในใจ ตรูบอกเลขมั่วๆยังว่าตรง มิจฉาชีพชัวร์ ได้เล่นเกมส์กันสักตั้ง) แล้วผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ (น้ำเสียงวิตก)
ผมขอเลขที่บัตรเครดิตนั้นหน่อยครับ
ดวงพร ------> เลขที่บัตรเครดิตนะค่ะ 5231843292388341 ค่ะ
ดวงพร -----> คุณน่าจะโดนแอบปลอมแปลงบัตร หรือข้อมูลส่วนตัวแล้วหล่ะค่ะ ขอให้ยืนยันว่าไม่ใช่บัตรเราและเราไม่ได้ใช้บัตรดังกล่าว
เรา -----> ยันยันครับ แล้วผมต้องทำอย่างไรครับ
ดวงพร ------> เดี๋ยวทางเราจะทำเรื่องอายัดบัตรก่อนค่ะแล้วจะ Fax เรื่องไปยัง DSI เพื่อสืบสวนต่อโดยด่วนค่ะ แล้วจะมี จนท.ติดต่อกลับ
เรา -----> เดินไป ธนาคารกสิกรเลย ให้เจ้าหน้าที่เค้าเช็ดดูว่ามีบัตรเครดิตเลขที่นี้หรือไม่ ปรากฎว่า " ไม่มีบัตรเลขที่นี้เลย!!"
.....หายไปประมาณ 10 นาที
ร.ต.ท. ไกรสรณ์ คุ้มเจริญ โทรเข้ามา เป็นเบอร์ +6628319888
ผู้หมวด(ปลอมๆ) ----> ผม ร.ต.ท. ไกรสรณ์ คุ้มเจริญ เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก DSI ได้รับเรื่องของคุณเกี่ยวกับการโจรกรรมปลอมแปลงข้อมูลบัตรเครดิต
ถามว่าเราอยู่พื้นที่ไหน ทำอาชีพอะไรอยู่
เรา -----> อยู่แถวปากช่องครับ ทำฟาร์มโคนมอยู่
ผู้หมวด(ปลอมๆ) ----> แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ
เรา -----> วันนี้ผมมาทำธุระแถวๆปทุนธานีครับ
ผู้หมวด(ปลอมๆ) ----> ขอให้ยืนยันนะครับว่าคุณไม่ได้ใช้บัตรดังกล่าวจริง
เรา -----> ยืนยันครับ แล้วผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ คุณตำรวจต้องช่วยผมนะครับ(น้ำเสียงวิตกมาก)
ผู้หมวด(ปลอมๆ) ----> ครับเดี๋ยวทางเราจะเร่งตรวจสอบและรายงานให้ผู้กำกับทราบโดยเร็ว และต้องทำเรื่องไปธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย
เมื่อผมรายงานผู้กำกับแล้ว ทางท่านจะติดต่อกลับไปนะครับ อ้อ..พอดีผู้กำกับอยู่พอดีเลย คุณใช้เบอร์นี้อยู่นะครับ
เรา -----> ครับๆ (นึกในใจ ก็พวกเมิงนั่งอยู่ด้วยกัน ทำงานกันเป็นทีมอ่ะดิไม่ว่า)
.....หายไปประมาณ 5 นาที
พ.ต.อ. พินิจ โทรเข้ามา เป็นเบอร์ +6628319888 (สังเกตุเบอร์นะครับ)
พ.ต.อ. พินิจ -----> ผมได้รับรายงานจากร้อยเวรเกี่ยวกับเรื่องการโจรกรรมข้อมูลและการปลอมแปลงบัตรเครดิตของคุณ เดี๋ยวนี้มีการโจรกรรม
และมิจฉาชีพเยอะซึ่งทางเราก็กำลังติดตามอยู่ ทำความเสียหายปีนึงไม่รู้กี่ล้าน
เรา ------> (นึกในใจว่าเมิงเป็นมิจฉาชีพอยู่แล้วยังอ้างซะทำให้ตังเองดูดี เนียนเชียวนะ)
พ.ต.อ. พินิจ -----> ไม่ทราบว่าทางคุณได้ใช้คนอื่นหรือนำเอกสารไปทำธุรการทางการเงินโดยที่ตัวเองไม่ได้ทำเองหรือไม่ครับ
เรา -----> ไม่มีนะครับ ผมทำด้วยตัวเองหมดเลย และผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกบัครเครดิตสักเท่าไหร่ (ทำมึนๆ..มันเนียนมาเราเนียนไป)
พ.ต.อ. พินิจ -----> แล้วคุณถือบัตรเครดิตของธนาคารใดอยู่บ้างตอนนี้
เรา ------> ผมถือบัรอยู่บัตรนึงครับ ไม่แน่ใจว่าเป็นบัตรอะไรที่บัตรมีตัวหนังสือ VISA อยู่ ธนาคารกรุงเทพเค้าทำไว้ให้น่ะครับ ( แกล้งทำลูกเซ่อ)
พ.ต.อ. พินิจ -----> อ๋อครับ แล้วมีการใช้บัตรนี้บ่อยหรือไม่ครับ ทำอะไรบ้าง
เรา ------> เออ..ก็ใช้เดือนละสักครั้ง 2 ครั้ง จ่ายค่ายาค่าอาหารสัตว์อ่ะครับ
พ.ต.อ. พินิจ -----> ไม่ทราบว่าตอนนี้มียอดเงินอยู่ในบัตรเท่าไหร่ครับ
เรา ------> ก็ไม่แน่ใจครับ จำได้คร่าวๆน่าจะสัก หนึ่งแสนแปดหมื่นบาท ครับ (แกล้งบอกจำนวนเงินให้ ผู้กำกับ(ปลอมๆ) ตาโต..กระหาย!!!)
พ.ต.อ. พินิจ -----> งั้นทางเราจะต้องรีบอายัดและล๊อคบัตรเพื่อรักษายอดเงินทั้งหมดของคุณไว้ก่อนที่มิจฉาชีพจะนำไปใช้อีก โดยจะต้องมีการ
ล๊อคแถบแม่เหล็กด้านหลังบัตร โดยจะต้องทำงานผ่านตู้ ATM ครับ ไม่ทราบว่าคุณอยู่แถวไหนครับ เดี๋ยวทางผมจะให้เจ้าหน้าที่
ตรวจสอบ GPS ว่าอยู่ตำแหน่งไหนเพื่อทำการล็อคระบบ ไม่ทราบว่ามีตู้ ATM อยู่ใกล้แถวนั้นมั๊ยครับ
เรา ------> อ๋อ..ผมอยู่แถวๆ Future Park รังสิตครับตอนนี้ เพิ่งเดินผ่านประตูเข้ามา รู้สึกว่าว่าจะมีตู้ ATM อยู่แถวๆประตูครับเห็นแว้บๆ( จริงๆตรูอยู่ห้อง EDP นี่หล่ะ)
พ.ต.อ. พินิจ -----> งั้นเดี๋ยวผมจะให้ร้อยเวรซึ่งเป็นโปรแกรมเมอร์ส่งสัญญาณ GPS เพื่อตรวจสอบคุณอย่าพึ่งวางสายนะครับ ให้คุณเดินไปที่ตู้ ATM ที่ผู้คนไม่พลุกพล่านนะ ครับเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
เรา ------> ครับๆ งั้นผมจะรีบเดินไปนะครับ (เราก็เดินไปตู้ ATM จริงๆ ดูซิว่ามันจาทำไงต่อ ซึ่งจริงๆเรารู้แล้วหล่ะว่ามันจะหลอกให้เราโอนเงินให้มันแน่ๆ)
พอไปถึงเราก็ยกหูฮัลโหลไปเพราะมันยังไม่วางสายอ้างว่าต่อสัญญาณ GPS กับโทรศัพท์ของเราอยู่ แม่งเนียนจิงๆ
ฮัลโหลๆยังอยู่มั๊ยครับ
พ.ต.อ. พินิจ -----> ครับๆ ผมได้ยินแล้วครับ ทราบตำแหน่งของคุณแล้วเดี๋ยวผมให้โปรแกรมเมอร์คุยต่อนะครับ
โปรแกรมมั่ว -----> ฮัลโหลๆครับ โอเคตอนนี้คุณอยู่หน้าตู้หรือยังครับ มีคนพลุกพล่านหรือเปล่าครับ
เรา --------> ตอนนี้ผมอยู่หน้าตู้แล้วครับ โชคดีจังไม่มีคนเลยครับ (555)
โปรแกรมมั่ว -----> หลังบัตรคุณมีลอยขีดข่วนมากมั๊ยครับ
เรา ------> อ๋อ ไม่ค่อยมีครับ
โปรแกรมมั่ว -----> เดี๋ยวต่อไปผมจะอธิบายหน้าจอและปุ่มกดก่อนนะครับ เห็นมั๊ยครับหน้าจอทั้ง 2 ข้างจะมีปุ่มอยู่ 2 ฝั่ง
ต่อไปผมจะเรียกว่าฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ปุ่มเรียงลงมาก็จะเรียกว่าปุ่มที่ 1 ที่ 2 ไปเรื่อยๆนะครับ
เรา ------> ครับๆ
โปรแกรมมั่ว -----> งั้นสอดบัตรเลยครับ ใส่รหัสให้เรียบร้อย รออยู่หน้าจอแรกนะครับ พยายามทำตามเร็วๆนะครับเกรงว่าเดี๋ยวไม่ทันแล้ว
สัญญาณจะหลุดไป
เรา -----> ครับๆตอนนี้ผมใส่รหัสเรียบร้อยแล้วอยู่ที่หน้าจอแรกแล้วครับ ( หน้าจอเลือกภาษา)
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่มที่ 2 ทางขวาครับ
เรา ------> กดแล้วครับ (มันเป็นปุ่มเปลี่ยนภาษาเป็น English) หน้าจอต่อไปผมอ่านไม่ออกแล้วครับ (ตีลูกเซ่ออ่านภาษาอังกฤษไม่ออก)
โปรแกรมมั่ว -----> (คงคิดว่าหวานหล่ะงานนี้เป็นหมูในอวยแน่ๆอ่านอังกฤษไม่ออกอีก) กดปุ่มที่ 4 ทางขวาครับ (มันเป็นปุ่ม Other Service)
เรา ----> ครับกดแล้วครับ
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่ม ที่ 2 ทางขวาครับ (มันเป็นปุ่ม Transfer )
เรา -----> (เมิงเตรียมตัวโอนเงินแล้วหล่ะซิ อิอิ) ครับๆกดแล้วครับ
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่มที่ 4 ทางขวาครับ (มันเป็นปุ่ม Any other Bangkok...)
เรา ------> ครับๆกดแล้วครับ
โปรแกรมมั่ว -----> งั้นเดี๋ยวผมจะให้รหัสล๊อคบัตรเลยนะครับ (จริงๆมันกำลังให้เราใส่เลขที่บัญชีธนาคารที่จะให้เราโอนเงินไปให้)
กดตามเลยนะครับ 1764710958
เรา -------> กดตามเลยครับ 1764710958 กดแล้วครับ
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่มที่ 2 ทางขวาครับ เป็นปุ่ม Safe ข้อมูล
เรา ------> (กดตามเลยครับ) กดแล้วครับ (มันให้เราเลือกบัญชี Saveing คือบัญชีออมทรัพย์ ยังมีการมาอ้างว่า Safe คิกว่าตรูอ่านไม่ออกแน่)
มันขึ้นหน้าจอโชว์เลขที่บัญชี 1764710958 ชื่อบัญชี NOPPAKAO
โปรแกรมมั่ว -----> กดรหัสอีกครั้งนะครับ 4978977 ครับ (มันให้เราใส่จำนวนเงินที่จะโอนให้มันอ่ะ สีหมื่นกว่าครับทั่น 49,789.77 บาท)
เรา -----> กดแล้วครับ (ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมมันจาเอาแค่สี่หมื่นกว่าหรอ??..ยังครับยัง โปรดติดตาม...)
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่มที่ 3 ทางขวา 5 ครั้งเร็วๆครับ
เรา -----> (จริงๆเรากด Cancel ที่ปุ่มหน้าเครื่องด้านล่างเพื่อยกเลิกรายการทั้งหมดเพื่อเอาบัตรออก เราก็ดึงบัตรออกมาแล้วแต่ยังเล่นเกมส์ต่อ)
ครับๆกดแล้วครับ
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่มที่ 2 ทางขวาน่ะครับ (มันจะให้กดปุ่มยืนยันการโอน)
เรา -----> กดแล้วครับ (จริงๆตรูเอาบัตรออกมาแว้ว..)
โปรแกรมมั่ว -----> กดปุ่มล่างสุดครับ
เรา ----> กดปุ่มแล้วครับ
โปรแกรมมั่ว -----> ว้า..สัญญาณมันหลุดไปอ่ะครับ คงต้องทำรายการใหม่
เรา ------> อ้าวหรอครับ (จริงๆแล้วตรูรู้ว่ามันจะให้โอนให้อีกครั้งนึงเพราะมันโอนได้ครั้งละไม่เกิน 5 หมื่น มันกะเอาของเราเป็นแสนครับงานนี้
เพราะมันรู้ว่าเรามีเงินอยู่ในบัญชีเกือบ 2 แสนที่บอกผู้กำกับตัวปลอมไปตอนแรก จริงๆมีค้างบัญชีแค่ 10 บาท ฮุฮุ)
โปรแกรมมั่ว -----> เห็นกระดาษออกมามั๊ยครับ มีกี่ใบ อย่าจับกระดาษนะครับเดี๋ยวมีรอยนิ้วมือ
เรา ----> อ๋อ มีกระดาษออกมาแล้วครับ ทำไงต่อครับ (ว่าไปโน่นมีลายนิ้วมือ...กลัวไม่เนียน)
โปรแกรมมั่ว -----> มีออกกี่ใบครับ
เรา -----> ออกมาใบนึงคาอยู่ที่เครื่อง เอ..แต่รู้สึกจะมีอีกใบยัดอยู่ด้านในไม่รู้เป็นของผมรึเปล่าอ่ะ
โปรแกรมมั่ว -----> อ๋องั้นดึงออกมาแล้วรีบทิ้งไปเลยครับ แล้วทำใหม่อีกรอบนึงครับ
เรา ----> รู้แล้วว่ามันจะเอาอีก 5 หมื่น เราก็ฟอร์มกดๆไปตามที่มันบอกอีกรอบ แต่จริงๆแล้วเราเดินออกมาจากตู้ ATM เรียบร้อยแล้ว
โปรแกรมมั่ว -----> เดี๋ยวผมขอเวลา 2 นาทีตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนนะครับ อย่าเพิ่งวางสายนะครับ
เรา ------> ครับๆ (ตรูรู้แล้วว่ามันไปเช็คยอดว่ามีเงินเข้าบัญชีมันหรือยัง)
โปรแกรมมั่ว -----> ฮัลโหลๆ.. สงสัยต้องทำรายการใหม่อีกครั้งครับเพราะข้อมูลไม่ถูกต้อง..(คือเงินมันยังไม่ถูกโอนเข้าบัญชีมันน่ะ..)
เรา ----- > อ๋อ..ไม่ต้องแล้วหล่ะ โทรมาถูกคนเลยนะ...เนี่ยคุยอยู่กับสายตำรวจรู้รึเปล่า ตอนนี้เราได้ชื่อและเลขที่บัญชีแล้ว
เมิงหวังว่าจะให้ตรูโอนเงินไปให้เมิงจริงๆหรอ ฝันไปเถอะเมิง...
โปรแกรมมั่ว -----> ตัดสายไปทันที ....
เราเดินไปธนาคารกรุงเทพ เพื่อตรวจสอบเลขที่บัญชีที่ได้มาจากมิจฉาชีพ
พบว่า
เป็นบัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 1764710958 เป็นของคุณ นพเก้า แซ่เจีย

ซึ่ง จนท.ธนาคารแจ้งว่าเจ้าของบัญชีอาจไม่รู้เรื่องเพราะพวกนี้จะใช้วิธีปลอมแปลงเอกสาร
ไปเปิดบัญชีไว้เพื่อกดเงินออกเท่านั้น หรือจ้างเพื่อเปิดบัญชีโดยเจ้าของบัญชีไม่รู้...อีกเช่นกัน
เพื่อป้องกันตัวเองของพวกมันอีกทีนึง..

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นอุธาหรณ์สำหรับทุกคนนะครับ แชร์จากประสบการณ์ตรงวันนี้ร้อนๆ
ผมได้โทรไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นสารวัตร(ตัวจริง)ได้รับคำแนะนำมาว่าถ้าเจอพวกนี้ให้ตัดสายทิ้งไปเลย
ตอนนี้ยังตามตัวได้ยากเพราะ Server ตั้งอยู่นอกราชอาณาจักร
ไม่สงวนการเผยแพร่-บอกต่อ แต่ระวังเรื่องการใช้เมล์ในองค์กรด้วยคร้าบบบบบ
.........................
เจ้าของฟาร์มโคนม (ตัวปลอมอีกเหมือนกัน อิอิ)

วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Mais uma projeção 3D sensacional.flv

คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้

คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารเหล่านี้ เอิ่ม..
คุณรู้หรือไม่ว่า...ผลไม้รถเข็นมีแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่สูงมาก!



ใครจะเชื่อว่าผลไม้รถเข็น ที่เหล่าวัยรุ่นนักเรียนนักศึกษาต้องยื่นเกาะขอบตู้เพื่อต่อคิวซื้อทานกันอยู่ทุกวันนั้น แท้จริงแล้วเคลือบแฝงไปด้วยพิษร้ายอย่างคาดไม่ถึง
กทม.ร่วมกับ อย. ทำการสำรวจทดสอบผลไม้รถเข็นในกรุงเทพมหานคร พบว่าผลไม้มีการปนเปื้อนแบคทีเรียโคลิฟอร์มมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 67.3% และ ยังเต็มไปด้วยสีสังเคราะห์และสารกันราด้วย โดยพบมากที่สุดในฝรั่งแช่บ๊วยและแช่กระเจี๊ยบ ซึ่งบางเจ้าฝัร่งมีสีสันฉูดฉาดเตะตา(จนเราแทบคิดว่าเป็นของปลอมด้วยซ้ำ)


คุณรู้หรือไม่ว่า...เต้าหู้ยี้มีจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ


แม้ว่า เต้าหู้ยี้ อาหารยอดนิยมในเทศกาลกินเจจะอุดมไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุ เช่น เกลือแร่เหล็ก และโพแทสเซียม นอกจากนี้ยังให้วิตามินเอ บี1 บี2 ดี อี เค และไนอะซีน แต่เต้าหู้ยี้จำนวนมากในท้องตลาดยังไม่ผ่านมาตรฐาน ทั้งเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย และร้านค้าที่เก็บสินค้าไว้นานแรมปีกว่าจะมีผู้ซื้อ เต้าหู้ยี้จึงกลายเป็นแหล่งที่อยู่ระดับห้าดาวของเชื้อโรคหลากหลายสายพันธุ์ โดยเฉพาะเชื้อคลอสตริเดียม เพอร์ฟรินเจนส์และ บาซิลัสซีเรียส แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอาหารเป็นพิษ

สำหรับผู้ ที่นิยมบริโภคเต้าหู้ยี้ควรเลือกซื้อเต้าหู้ยี้ที่บรรจุในภาชนะที่สะอาดไม่ มีรอยแตกร้าว ฝาปิดสนิท ไม่เป็นสนิม ฉลากไม่มีรอยเปียกชื้น มีเลขทะเบียน อย. แจ้งชื่อผู้ผลิต วันที่ผลิต วันหมดอายุและเมื่อเปิดภาชนะแล้วรับประทานไม่หมด ควรปิดฝาให้สนิท แล้วเก็บ ในตู้เย็น


คุณรู้หรือไม่ว่า...คาราบาวแดง แอบอ้างสรรพคุณ วิตามินB12บำรุงสมอง


"คาราบาวแดง มีวิตามิน บี 12 เพิ่มความคิด เพิ่มคุณค่าชีวิต" คุณคงคุ้นเคยกับโฆษณาประโยคนี้ดี สังเกตหรือไม่ว่าโฆษณานี้ได้หายไปจากสารบบรายการทีวี!!!

ข้อความในโฆษณาที่กล่าวว่ามีวิตามินบี12 บำรุงสมองและระบบประสาท ยังไม่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา เนื่องจากบาวแดง เป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน จึงมีกฎหมายห้ามโฆษณาประโยชน์คุณภาพอาหาร เพื่อไม่ให้จูงใจให้บริโภคมากจนเกินไป

ผู้ใหญ่ห้ามดื่มเกินวันละ2ขวดนะคะ! แต่สำหรับวัยรุ่นอย่างเราเฟิร์มได้โดยการทานอาหารมีประโยชน์และออกกำลัง กายอย่างสม่ำเสมอดีกว่า อย่าเพิ่งพึ่งพาเครื่องดื่มชูกำลังเลยนะ


คุณรู้หรือไม่ว่า...ดื่มน้ำมังคุด อาจถึงกับทรุดได้
จากข่าวคุณยายอายุ81ป่วย หนัก โดยมีจ้ำแดงช้ำตามผิว และท้องเสียถ่ายออกมามีเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวเจือปน หลังจากคุณยายได้ดื่มน้ำมังคุดวันละหนึ่งช้อนโต๊ะเป็นเวลา1เดือน ด้วยเชื่อว่าจะสามารถแก้โรคสุดคลาสสิคของวัยชราอย่างโรคปวดขาได้
เลขาธิการ อย. กล่าวว่า มังคุดมีสารแซนโทน (xanthones) เป็น จำนวนมากซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ต้านมะเร็ง และแก้แพ้ อย่างไรก็ตาม ยังขาดข้อมูลการทดลองทางคลินิกสนับสนุนว่าการบริโภคมังคุดสามารถมีฤทธิ์ รักษาดังกล่าวได้ และหากดื่มน้ำปริมาณมาก ก็จะทำให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรดจากกรดแลคติกคลั่งได้
ฉะนั้นหาก เราเห็นผู้เฒ่าผู้แก่ คุณตาคุณยายของเราดื่มน้ำหรือดื่มยาสูตรแปลกๆ ที่ยังไม่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ อาทิน้ำเจ๊เชงคนดัง เห็นทีคงต้องรีบเบรกท่านไว้ก่อน เพ่อความปลอดภัยของท่านนะคะ


คุณรู้หรือไม่ว่า...สารดูดความชื้นอันตรายถึงชีวิต
หัวข้อ นี้คุณอาจจะรู้สึกคุ้นเคย แต่คุณอาจจะยังไม่ทราบถึงรายละเอียดของมัน สารดูดความชื้นที่ใส่อยู่ในห่อขนม ซึ่งตอนเราเป็นเด็กคงจะรู้สึกสงสัยว่า มันคืออะไรกันหนอ???พ่อแม่ก็สอนเรากันมาว่า "กินแล้วชักแหง็ก แหง็กนะลูก" เราก็ได้แต่สงสัยว่า แล้วเขาจะเอามาใส่ในถุงขนมเพื่อ??
สารดูดความ ชื้น มีชื่อทางวิทยาศาสตร์เท่ๆว่า ซิลิกอนไดออกไซด์ พอถึงตรงนี้เด็กวิทย์คงจะร้องอ๋อกันเป็นแถว สารดูดความชื้นนอกจากจะพบในขนมแล้ว ยังสามารถเจอะเจอกันได้ในซองยาหรือแม้แต่เฟอนิเจอร์หนัง แต่คุณรู้หรือไม่ว่า!!!หากสารกันบูดเข้าตา มันจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับน้ำหล่อเลี้ยงตา ส่งผลให้ตาบอดทันที!!!สยองเนอะ หากเราจะไม่สามารถมองโลกสวยๆใบนี้ได้อีก เพราะสารดูดความชื้น สารเคมีอันตรายใกล้ตัว
คุณรู้หรือไม่ว่า...ไส้กรอกหมูสารกันบูดเพียบ


ไส้กรอก เป็นอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้เป็นเวลานาน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใส่วัตถุกันเสีย แต่จากการสำรวจตัวอย่างไส้กรอกหมูในเขตกรุงเทพและจังหวัดต่างๆทุกภูมิภาค พบกรดเบนโซอิกและกรอซอบิก อันเป็นวัตถุกันเสียที่มีกฎหมายห้ามนำมาใส่ในเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังพบไนเตรต ไนไตรท์และสีสังเคราะห์ที่ใส่ในไส้กรอกในปริมาณที่มากกว่าเกณฑ์กำหนดจนน่า ตกใจ
ที่สำคัญที่สุดคือ ไส้กรอกหมูเหล่านี้ไม่ใช่ยี่ห้อไก่กาอาราเล่ แต่กลับเป็นยี่ห้อดังระดับขึ้นห้างเลยทีเดียว!!!

คุณรู้หรือไม่ว่า...ในสาหร่ายแห้งอุดมไปด้วยแคดเมียม
สาหร่าย ทะเลเป็นอาหารที่มีปริมาณโปรตีนสูงเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ที่สำคัญมีใยอาหารสูง มีไอโอดีนมากพอต่อความ ต้องการของร่างกาย และมีไขมันต่ำ ปัจจุบันเราจะเห็นสาหร่ายแห้งวางขายกันอยู่ทั่วไป ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ต่างติด ใจกันที่รสชาติอันหลากหลาย เคี้ยวมันเคี้ยวเพลินกันแทบทุกคน
แต่จากการ เก็บตัวอย่างจากท้องตลาดพบว่า ทุกชนิดที่นำมาตรวจมีสารแคดเมียมเจือปนอยู่เกินมาตรฐานที่กำหนดให้ผักใบ มีสารแคดเมียมปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
หากได้รับ แคดเมียมเข้าไปในปริมาณมากๆ จะสะสมในตับ อาการเฉียบพลันของผู้ที่ได้รับในปริมาณมาก ๆ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เป็นตะคริวที่ท้อง และอาจมีอาการท้องร่วงอย่างแรง

นอก จากแคดเมียมจะรบกวนระบบการหมุนเวียนและดูดซึมของวิตามินดีแคลเซียม และคอลลาเจนในร่างกาย ยังมีผลทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องหย่าขาดกับสาหร่ายไปอย่างไม่ไยดี ยังคงทานได้แต่ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารอย่างอื่นที่มีประโยชน์


คุณรู้หรือไม่ว่า...กาแฟลดความอ้วน ยิ่งดื่มยิ่งอ้วน


ผู้หญิง อย่าหยุดสวย แต่ยุคนี้สวยอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องฉลาดทันคนด้วย ปัจจุบันกาแฟมากมายในท้องตลาดโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง โดยเฉพาะโฆษณายามดึกที่ชอบถ่ายภาพBefore & Afterซึ่ง เราว่าเขาก็แค่แขม่วท้องแหละ แต่ก็ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่ามีผลในการลดน้ำหนัก หรือทำให้หุ่นดี เพราะกาแฟเป็นอาหาร ไม่ใช่ยาลดความอ้วน มิหนำซ้ำหากดื่มมากแทนที่จะผอม กลับยิ่งอ้วนจากการเติมน้ำตาล ครีม หรือ นมในกาแฟ
ผลิตภัณฑ์ กาแฟที่อ้างผลในการลดน้ำหนักมักจะมีราคาที่สูงมาก ซึ่งทำให้ผู้บริโภคที่ตกเป็นเหยื่อด้วยอารมณ์"ชั้นต้องผอมๆ" แต่การลดน้ำหนักสามารถทำได้ง่ายๆไม่สิ้นเปลือง เพียงแค่คุณหมั่นออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส นอกจากจะทำให้มีสุขภาพดีแล้ว ยังทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ยั่งยืนไม่โยโย่ด้วย




คุณรู้หรือไม่ว่า...ซุปก้อนมีปริมาณเนื้อสัตว์มากน้อยเพียงใด

บริษัทซุปก้อนซุปผลหลายยี่ห้อในปัจจุบันโฆษณาว่ามีส่วนผสมของเนื้อสัตว์แท้ ซึ่งก็เป็นความจริง เพราะในซุปก้อนประกอบไปด้วย4วัตถุดิบหลัก คือ
1.เกลือ 26-32% เป็นส่วนประกอบหลักปริมาณมากที่สุดในซุปก้อน เกลือเป็นสารที่ปลอดภัยกับแทบทุกคน ยกเว้นผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง
2.ผงชูรส 11-18% ส่วน ผสมมีใส่ในปริมาณรองลงมา ปัจจุบันผงชูรสเป็นสารไม่อันตราย แต่ก็ควรเลือกบริโภคซุปก้อนที่มีปริมาณผงชูรสต่ำๆเข้าไว้ หากบริโภคในปริมาณพอเหมาะก็อุมามิลิ้นกันไป สบายใจหายห่วง
3.***เนื้อสัตว์ 10-16% รู้ หรือไม่ว่าเนื้อสัตว์ในซุปก้อนมีปริมาณน้อยมากหากเทียบกับความต้องกายของ ร่ายกายคุณในแต่ละวัน และในส่วนของเนื้อสัตว์นี้มีการเติมน้ำมันหมู หรือน้ำมันไก่ในปริมาณมาก เพื่อในซุปน่าทานและบางที่อาจใช้เครื่องในสัตว์แทนเนื้อสัตว์ เนื่องจากมีกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์มากกว่า
4.ส่วนผสมปรุงรสอื่นๆ
คุณรู้หรือไม่ว่า...เพดดีกรีทำร้ายน้องหมากว่า1,000ตัว

เจ้า ของสุนัขในไต้หวันหลายพันคนรวมตัวกันฟ้องบริษัทผู้ผลิตและจำหน่าย"เพดดีกรี" ฐานไม่ควบคุมคุณภาพปล่อยให้ปนเปื้อนเป็นเหตุให้สุนัขตายหลายพันตัว หลังจากมีการยืนยันว่า อาหารสุนัขยี่ห้อ เพดดีกรี ที่ผลิตจากประเทศไทยในล็อตที่มีปัญหามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคไตใน สุนัขจำนวนมากและมีหลายพันตัวเสียชีวิตเพราะอาการไตวายในหลายประเทศรวมทั้ง ไต้หวัน จากการตรวจสอบพบว่าในอาหารสุนัขมีส่วนประกอบของสารประเภทโลหะหนักหลายชนิด อาทิ สารหนู และปรอท พร้อมทั้งระบุด้วยว่า อาหารล็อตที่มีปัญหาของเพดดีกรี ผลิตขึ้นจากวัตถุดิบที่เก่าเก็บและขึ้นราจนไม่ถูกสุขอนามัยแล้วถูกนำไป จำหน่ายในหลายประเทศในเอเชีย
ฟังแล้วก็อดห่วงน้องหมาของเราไม่ได้ ว่าจะแจ๊คพอตเข้ากับอาหารล็อตนั้นหรือเปล่านะ

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก http://consumersouth.org/casestudy

acrobatic:Chinese Spring Festival Gala

สุดยอดแผนที่โลก เก็บไว้ใช้งานได้

This web is very good for future reference. Keep in your bookmark or favorite site.

สุดยอดแผนที่โลก เก็บไว้ใช้งานได้


http://www.alovelyworld.com/index.html

Beautiful Minds: Stephen Wiltshire

เพราะฉันขัน ตะวันจึงขึ้น : อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง

Subject: Fw: เพราะฉันขัน ตะวันจึงขึ้น : อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง


เพราะฉันขัน ตะวันจึงขึ้น
อย่าทำงานจนป่วยตาย อย่าหลงใหลตัวเอง

โดย ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย

ที่ วัดเซนแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีไก่อยู่ครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นผู้บริหารที่เก่งมาก กางปีกปกป้องภรรยาและลูกทุกตัว อยู่กันมาอย่างมีความสุข ทุกๆ เช้าเวลาตีห้า ไก่ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวจะบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ และโก่งคอขันเสียงก้องไปทั้งพงไพร ประมาณหกโมงเช้า พระอาทิตย์ก็จะอรุโณทัยฉายแสงขึ้นมาส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสากลโลก ไก่สี่ตัวนี้จะมีความสุขมากที่ได้เห็นตะวันค่อยๆ ทอแสงสุขสว่างขึ้นมา เขาจะยืนชื่นชมแสงตะวัน และก็ยืนภาคภูมิใจว่า เพราะฉันขันตะวันจึงขึ้น มีความสุข นี่คือผลงานของฉัน

ทุกๆ เช้าไก่ตัวนี้ก็จะบินขึ้นมาเกาะกิ่งไม้ และเมื่อขันเสร็จแล้วก็รอดูตะวันขึ้นที่เหนือยอดเขา พอตะวันขึ้นเสร็จแล้วก็บินกลับลงมาหาอยู่หากินกับลูกกับเมีย เขามีความสุขมาก

ต่อมาวันหนึ่ง เนื่องจากตรากตรำภาระหนักเหลือเกิน ร่างกายทนไม่ไหวก็ป่วย เช้าตรู่วันนั้นไก่ตัวนั้นก็บินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้ที่เดิม ขณะจะขันเพื่อเรียกตะวันขึ้นก็ร่วงตกลงมา รู้สึกไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ลูกชายซึ่งเป็นไก่โต้งคนรุ่นใหม่ไฟแรงเดินเข้ามาประคองพ่อ
“พ่อ ผมว่าถ้าพ่อขันไม่ไหว วันนี้ผมขันแทนเอาไหม”
ไก่พ่อซึ่งเป็นซีอีโอ ก็ยืดอกขึ้นมาชี้หน้าลูก
“น้ำหน้าอย่างแก ถ้าขันตะวันมันจะขึ้นไหม หัดดูเงาหัวตัวเองซะบ้างสิ”
เจอผู้ใหญ่ดับฝันแบบนี้ลูกหัวหดเลย

เช้า ตรู่วันนั้นทั้งๆ ที่ป่วย ไก่ซีอีโอตัวนี้ก็บินขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้ และก็ขันครั้งสุดท้าย ขันได้ครั้งเดียว ตกลงมาดิ้นพราดๆ ก่อนจะขาดใจตาย เรียกประชุมผู้ถือหุ้นด่วน ทั้งภรรยาและลูกมากันครบ สั่งเสียว่า

“เธอที่รัก ลูกพ่อ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพี่คงไม่มีชีวิตอยู่ต่ออีกแล้ว
และจากนี้เป็นต้นไป พอพี่ไม่ขัน ตะวันก็จะไม่ขึ้น โลกก็จะเข้าสู่กลียุค
ฉะนั้นขอให้เธอและลูกดูแลบริษัทของเราให้ดีๆ
ถ้าไม่มีพี่แล้วจะอยู่กันด้วยความยากลำบาก มนุษยชาติก็จะถึงคราววิบัติ ดูแลกันดีๆ นะที่รัก”

เสร็จแล้วก็ล่วงลับดับขันธ์ไป พร้อมกับความเข้าใจผิดว่า เพราะฉันขันตะวันจึงขึ้น หารู้ไม่ว่าวันรุ่งขึ้น พอไก่ตัวนี้ตายไปแล้ว ตะวันก็ยังขึ้นเหมือนเดิม
โลกดำเนินต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไก่ตัวนั้นไม่ได้นำเอาตะวันไปด้วยสักนิด
พระอาทิตย์ยังคงอุทัย พระจันทร์ยังคงทอแสง สายน้ำยังคงไหลเอื่อย
ดอกไม้ยังคงผลิบาน โลกนี้ยังคงมีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์
นกก็ยังมีข้าวปลาอาหาร คนต่างๆ ก็ยังคงทำงานต่อไปได้เหมือนเดิม

ฉะนั้น ผู้บริหารทุกคน เมื่อเราบริหารงานไปได้ระดับหนึ่งแล้ว
อย่าหลงตัวเองว่าองค์กรนั้นถ้าขาดฉันแล้วไปต่อไม่ได้
ควรเตือนตัวเองเอาไว้บ่อยๆ ว่า ถ้าขาดฉันแล้วมันจะไปได้ดี
เพื่อจะได้ไม่หลงตัวเอง

ผู้บริหารจำนวนมาก ทันทีที่ประสบความสำเร็จก็ล้มเหลวในวันนั้น
เพราะทันทีที่ประสบผลสำเร็จก็เริ่มหลงตัวเอง และนี่แหละคือจุดจบของผู้บริหาร
ฉะนั้นจำนิทานเรื่องนี้ไว้
วันหนึ่งถ้าเราประสบความสำเร็จ ก็อย่าไปหลงตัวเองว่าเราต้องเป็นหนึ่งในตองอูเท่านั้น
จนไม่ยอมบริหารจัดการอำนาจความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นเลย

ผู้บริหารที่ดีจึงไม่ใช่ผู้ที่แบกหนักที่สุด
ผู้บริหารที่ดีคือผู้ที่แบกหนักพอสมควร และกระจายภาระให้คนอื่นแบก
และประการสำคัญที่สุด ผู้บริหารจะไม่ทำงานจนป่วยตาย

อย่าด่วนตัดสินเร็วเกินไป .....

อย่าด่วนตัดสินเร็วเกินไป .....

เหตุการณ์วันนั้นแม้จะนานมาแล้ว แต่ก็ให้บทเรียนชีวิตแก่ผมมาก ลืมไม่ลง และทำให้ต้องระวังในการตัดสินใครต่อใครมากขึ้น


ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้ มีคนรู้จักเอาช็อกโกแลตชั้นดีจากต่างประเทศมาฝาก 2 กล่อง ผมพิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่ควรกิน เพราะจะทำให้เกิดโรคอ้วนและผลข้างเคียงอื่นได้มาก แต่นึกถึงเพื่อนลูกสองคนที่เขายังเด็กอยู่ ไม่อ้วน จึงคิดว่าจะเอาช็อกโกแลตไปฝากเด็กทั้ง 2 คนนั้น


เย็น วันหนึ่งเลิกงานแล้วจึงไปหาเขา ระหว่างทางรถติดมาก โดยเฉพาะตรงสี่แยกหนึ่งรถติดยาวและฝนก็ตกพรำๆ ผมเห็นเด็กขายพวงมาลัยสองคนเดินขายพวงมาลัยเพื่อที่จะขายให้คนทีรถติดรถยาว แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อเพราะฝนตกพรำๆ ด้วย
ผมเห็นแล้วเกิดความสงสาร แต่ไม่ได้คิดอยากซื้อพวงมาลัยหรอก เพราะเคยคิดว่าการขายของบนพื้นถนนเป็นสิ่งที่ไม่ควรสนับสนุน เพราะผิดกฎหมาย แต่ก็เข้าใจและเห็นใจคนยากจนที่เขาต้องการทำงานเพื่อเอาตัวรอด


ด้วย ความสงสารจึงทำให้ผมเปลี่ยนใจจากการที่จะเอาช็อกโกแลตไปฝากลูกเพื่อนกลับคิด ว่าลูกเพื่อนก็เคยมีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ มาแล้ว ถ้าเราเอามาให้เด็กขายพวงมาลัย 2 คนนี้แทนจะดีกว่า เพราะเขาคงไม่มีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ อย่างนั้นมาก่อน


คิด แล้วก็บีบแตรรถเบาๆ เรียกเด็กทั้งสองคนเข้ามาเขาดีใจนึกว่าจะซื้อพวงมาลัย แต่ผมบอกเขาว่าไม่ซื้อหรอกแต่ผมมีขนมสองกล่องเป็นของดี ไม่เสีย จะให้เขาคนละกล่องให้เขารับเอาไว้ไปกินได้
เขาหันหน้ามามองผมอย่างงงๆ และรับกล่องช็อกโกแลตไป ลืมขอบคุณด้วย ผมดีใจที่ได้ทำสิ่งดีๆ ที่ไม่ได้นึกมาก่อนสำเร็จแล้ว นึกในใจว่าเด็กลืมขอบคุณเพราะคงงงๆ ก็ไม่ถือสา จึงขับรถต่อไป แต่เนื่องจากรถติดมากจึงขยับได้อีกนิดก็ต้องหยุด ยังไม่ผ่านไฟแดงอยู่ดี ขณะที่รถติดอยู่นั้นผมเห็นเด็กทั้งสองคนวิ่งตรงเข้ามาอีก พร้อมทั้งชูพวงมาลัยในมือทั้งสองคน


ผม คิดว่า เอ เด็กสองคนนี้อยากจะขายพวงมาลัยมากจัง ให้ขนมไปแล้วยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีกใจหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญว่าน่าจะ พอแล้ว ไม่น่าจะตื้อเรา แต่อีกใจก็สงสารอีกนั่นแหละ ไหนๆ ทำความดีแล้วลองช่วยซื้อพวงมาลัยเด็กอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร จึงแง้มกระจกรถถามว่า จะขายพวงมาลัยอีกเหรอ ขายอย่างไร เด็กตอบว่า เขาไม่ขายพวงมาลัยให้ผมหรอก แต่เขาจะเอาพวงมาลัยให้ผมคนละ 5 พวง เพราะผมให้ขนมเขา เขาก็อยากให้พวงมาลัยแก่ผม


ผม รู้สึกอึ้ง คิดไม่ถึง ดีใจกึ่งแปลกใจ บอกเขาไปว่าอยากอุดหนุนเขา ให้เขารับเงินไปด้วย เขาบอกว่าไม่รับเงินหรอก ทีผมยังให้ขนมเขาได้ เขาก็อยากให้พวงมาลัยผมบ้างเป็นการตอบแทน ผมเข้าใจเขา รู้สึกผิดที่ตัดสินใจเกี่ยวกับเขาเร็วไป นึกว่าเขาเห็นผมใจดีให้ขนมยังไม่พอยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีก


ตกลง ผมยอมรับพวงมาลัยจากเขาโดยขอรับจากเขาคนละพวงเรายิ้มให้กันตอนจากกันด้วย ความสุขทั้งสองฝ่าย คืนนั้นผมกลับบ้าน เอาพวงมาลัยสองพวงนั้นใส่พานกราบพระพุทธรูปที่บ้านด้วยความเบิกบานใจเป็น พิเศษ


เรื่องนี้ทำให้ความคิดว่าความกตัญญูกตเวทีมีได้จริง เห็นได้ทันตาเห็นด้วย และอย่าด่วนตัดสินพฤติกรรมของใครๆ เร็วเกินไป


ส่วนใหญ่มนุษย์จะตัดสินคนอื่นๆ เร็วไป เพราะดูจากพฤติกรรมภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรและผิดพลาดได้ง่าย เช่น….

· อย่าตัดสินคนจน ว่าเขาต้องเป็นขโมยหรือขี้โกง
· อย่าตัดสินคนอื่นที่เรียนน้อยว่าเขาต้องโง่
· อย่าตัดสินคนที่แต่งกายเชยๆ และบุคลิกไม่ดี ว่าเป็นคนด้อยคุณภาพ
· อย่าตัดสินคนที่ไม่ทำงาน ว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ
· อย่าตัดสินคนที่เขาไม่พูดกับเราว่าเขาเป็นคนหยิ่ง (เขาอาจจะหูหนวกไม่ได้ยินที่เราพูดก็ได้)
· อย่าตัดสินคนที่พูดห้วนๆ กิริยาห้าวๆ ว่าเป็นคนจิตใจกระด้าง ฯลฯ

ส่วน ใหญ่เรามักตัดสินคนจากพฤติกรรมภายนอกที่เราไม่ชอบเลยด่วนตัดสินว่าเขาไม่ดี หรือเป็นคนผิด เราไม่มีสิทธ์ตัดสินใครๆ ว่าเขาไม่ดีหรือเป็นคนผิดหรอก เพราะเราไม่ใช่ผู้พิพากษาเราน่าจะนึกเพียงว่า เราไม่ชอบบุคลิกและลักษณะบางอย่างของเขา… เท่านั้น และเหตุการณ์จากเด็กชายขายพวงมาลัยสองคนนี้คงทำให้ยิ่งต้องระมัดระวังในการตัดสินคนอื่นๆ ให้มากขึ้น

ใครแก่แล้ว ห้ามอ่าน

ใครแก่แล้ว ห้ามอ่าน




กาลครั้งหนึ่งมีค้างคาว 3 ตัว อาศัยอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกัน
มีค้างคาวเด็ก ค้างคาวหนุ่ม และค้างคาวเฒ่า
ปกติมันทั้ง 3 จะผลัดเวรกันออกไปหาเลือดสดๆ มาแบ่งปันกันและวันนี้เป็นเวรของเจ้าค้างคาวน้อย

ค้างคาวน้อยออกไปนาน....นานมาก ก็ยังไปกลับ

แต่ที่สุดแล้วมันก็กลับมา...

' ข้าขอโทษนะที่หาอาหารมาให้ไม่ได้ ข้าคิดว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้งสัตว์ต่างๆพากันอพยพไปหมด'

ค้างคาวน้อยบอกเสียงเจื้อยแจ้ว

' ไม่ใช่หรอก เจ้าหนะ ยังด้อยประสบการณ์นัก เดี๋ยวข้าออกไปเอง...'

เจ้าค้างคาวหนุ่มกล่าว. ว่าแล้วมันก ็ออกไป

และออกไปนาน..นานกว่าเจ้าค้างคาวน้อยอีก...

และก็กลับมามือเปล่า ...........


' สงสัยท่านผู้เฒ่าต้องช่วยพวกเราแล้วหละครับ'


เจ้าหนุ่มกล่าว ว่าแล้วค้างคาวผู้เฒ่าก็ออกไป...

.... ไม่น่าเชื่อ....เพียงไม่นาน ท่านผู้เฒ่าก็กลับมา พร้อมกับเลือดสดๆ เต็มปาก....


' ท่านทำได้ไงเนี่ย ท่านผู้เฒ่า...' ค้างคาวทั้งสองร้องด้วยความดีใจระคนประหลาดใจ ...
ท่านผู้เฒ่ากล่าวอย่างเคร่งขรึม..... ..

' พวกมึงเห็นต้นไม้ด้านหน้านั้นมั้ย'.......


...' เห็นครับท่าน'....



' นั่นแหละ....................กูไม่เห็น

HP Touchpad

Team Ra-Ras Kicks Breast Cancer - Susan G. Komen for the Cure Philadelph...

Subject: Good Morning:Happy Dhamma Delivery 509 ชีวิตสมดุลได้ด้วยการให้

Subject: Good Morning:Happy Dhamma Delivery 509 ชีวิตสมดุลได้ด้วยการให้

ชีวิตสมดุลได้ด้วยการให้
พระไพศาล วิสาโล

เคล็ดลับอย่างหนึ่งในการ สร้างสุขให้แก่ชีวิต ก็คือการมีความสมดุล ความสมดุลนั้นมีหลายด้าน เช่น สมดุลระหว่างสมองกับหัวใจ (หรือเหตุผลกับความรู้สึก) สมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวกับชีวิตส่วนรวม สมดุลระหว่างงานกับการพักผ่อน แต่ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องพื้นฐานมากเท่ากับสมดุลระหว่างการรับกับการให้ หรือการได้กับการสละ
หายใจเข้าแต่ไม่ยอมหายใจออก ก็ตายสถานเดียว กินมากแต่ไม่ยอมออกกำลังกาย โรคร้ายก็ถามหา ในทำนองเดียวกันหากเอาแต่เก็บสะสมทรัพย์สมบัติ แต่ไม่ยอมแบ่งปันให้ผู้อื่น ก็ทำให้ชีวิตเป็นทุกข์
การเอาแต่รับแต่ไม่ยอมให้เป็นการกระทำที่ สวนทางกับวิถีธรรมชาติ ต้นไม้นั้นไม่เคยเป็นผู้รับฝ่ายเดียว แม้พึ่งน้ำจากฟ้า ดูดปุ๋ยจากดิน แต่ในเวลาเดียวกันก็คายน้ำให้ฟ้า ทิ้งใบและกิ่งให้กลับกลายเป็นปุ๋ยคืนสู่ดิน ใช่แต่เท่านั้นยังให้ดอกและผลเป็นอาหารแก่สรรพสัตว์ รวมทั้งให้ร่มเงาแก่นานาชีวิต เช่นเดียวกับลำห้วยเมื่อได้รับน้ำจากภูเขาก็ส่งต่อให้ผืนดินเบื้องล่างเป็น ทอด ๆ จนกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ผู้คนได้ใช้ประโยชน์มากมาย วิถีแห่งการรับและให้เช่นนี้ทำให้เกิดความบรรสานสอดคล้องในธรรมชาติและทำให้ โลกนี้น่าอยู่
มนุษย์เราก็เช่นกัน จะมีความสุขและมีชีวิตที่บรรสานสอดคล้องได้ การให้เป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้ “ทาน” จึงเป็นธรรมข้อต้น ๆ ในพุทธศาสนา ไม่ว่าคำสอนเรื่องบุญกิริยาวัตถุ สังคหวัตถุ หรือแม้แต่ทศพิธราชธรรม ก็เริ่มต้นด้วยทาน
ทานทำให้ชีวิตมีความสมดุล เพราะตั้งแต่เกิด เราเป็นผู้รับฝ่ายเดียว ร่ำร้องและเรียกหาทั้งอาหาร ของเล่น เงินทอง เวลา ความรัก จากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ตลอดจนความรู้จากครูบาอาจารย์ ดังนั้นเมื่อเราเติบใหญ่ขึ้น จึงควรเป็นผู้ให้บ้าง มิใช่เพื่อทดแทนบุญคุณหรือตอบแทนโลกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรามีความสุขด้วย
การรู้จักให้ช่วยปรับใจเราให้ไม่คิดแต่จะเอาอย่างเดียว จิตที่คิดแต่จะเอาเป็นจิตที่ทุกข์ง่าย เพราะถูกเผาลนด้วยความโลภเป็นอาจิณ ต้องดิ้นลนไล่ล่าหาสิ่งต่าง ๆ มาครอบครองไม่หยุดหย่อน แม้ได้มามากมายเพียงใด ก็ยังไม่พอใจ อยากได้เพิ่มอีก จึงหาความสงบสุขได้ยาก
การให้ช่วยลดทอนความโลภ บรรเทาความเห็นแก่ตัว หากสิ่งที่ให้นั้นเป็นทรัพย์หรือวัตถุ ก็ช่วยให้เราละความยึดติดถือมั่นใน “ตัวกู ของกู” ธรรมดาคนเราย่อมหวงแหนในทรัพย์สมบัติเพราะสำคัญมั่นหมายว่าของเหล่านั้นเป็น “ของกู” ความสำคัญมั่นหมายดังกล่าวเป็นที่มาแห่งความทุกข์ทั้งปวง เพราะสวนทางกับความจริง ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง และไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราได้ตลอด หากมันไม่จากเราไป เราเองแหละที่จะเป็นฝ่ายจากมันไป ที่สำคัญก็คือ ทันทีที่เรายึดมั่นว่ามันเป็นของเรา เราต่างหากที่กลายเป็นของมันทันที คือตกเป็นทาสของมัน จนอาจป่วยหรือตายเพราะมันได้ (เช่น เส้นเลือดในสมองแตกหรือหัวใจวายเมื่อบ้านถูกยึดเงินถูกโกง) หากไม่ตายเพราะมัน ในยามใกล้ตายก็อาจกระสับกระส่ายเพราะยังหวงแหนอาลัยในทรัพย์เหล่านั้น สุดท้ายก็อาจไปสู่ทุคติได้
ถ้าอยากคลายความยึดมั่นถือมั่นในตัวกู ของกู สิ่งแรกที่ทำได้ง่ายที่สุดคือการให้ทาน การให้ทาน หากเป็นการให้ที่แท้จริง คือให้โดยไม่หวังอะไรเข้าตัวเลย ไม่ว่าจะเป็นการให้แก่ใครก็ตาม จะช่วยบรรเทาความยึดติดถือมั่นดังกล่าวได้ ซึ่งช่วยให้ใจโปร่งโล่งเบาสบายแช่มชื่นเบิกบาน นี้แหละคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “บุญ”
เดี๋ยวนี้เวลาทำบุญให้ทานผู้คนมักนึกถึง โชคลาภและความมั่งมี หรือ “สวย รวย ฉลาด สมปรารถนา” แม้นั่นเป็นอานิสงส์อย่างหนึ่งของทาน แต่หาใช่อานิสงส์สูงสุดของทานไม่ ประโยชน์สูงสุดที่สามารถเกิดได้จากทานก็คือ การคลายความยึดมั่นในตัวกูของกู หรือการลดละความโลภ หากให้ทานโดยยังหวังได้โชคลาภ ก็ไม่ช่วยให้บรรลุถึงประโยชน์ดังกล่าวเลย เพราะยังเป็นการให้ที่ยังเจือด้วยความโลภอยู่
นอกจากการให้ทรัพย์สมบัติแล้ว เรายังควรให้อย่างอื่นที่มีคุณค่าด้วย เช่น เวลา กำลังกาย และสติปัญญา การ การช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก แม้บางครั้งต้องประสบกับความเหน็ดเหนื่อย ไม่สะดวกสบาย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความสุขใจ ความปีติและความแช่มชื่นภายใน เป็นสุขที่ประณีตกว่าความสุขหรือความสนุกจากการเสพ
ใช่หรือไม่ว่า เมื่อเรานึกถึงตัวเองน้อยลง คิดถึงผู้อื่นมากขึ้น เราจะมีความสุขได้ง่ายขึ้น อาสาสมัครนวดเด็กคนหนึ่งเล่าว่า เธอเป็นไมเกรน ต้องกินยาทุกวัน แต่หลังจากที่เป็นจิตอาสาได้ไม่นาน อาการปวดก็หายไปจนเธอลืมกินยาไปเลย ส่วนผู้เฒ่าคนหนึ่งเปิดใจว่า หลังจากที่ได้เป็นอาสาสมัครแยกขยะ เขารู้สึกว่าตนเองเป็น “ขยะคืนชีพ” ไม่รู้สึกว่าไร้ค่าเหมือนตอนที่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน
น้ำที่ไม่ถ่ายเทย่อมกลายเป็นน้ำเน่า ชีวิตที่ไม่รู้จักให้คือชีวิตที่หม่นหมองไร้สุข ความสุขที่แท้มิได้เกิดจากการเสพหรือการมีมาก ๆ แต่อยู่ที่การสละออกไป เริ่มจากสละวัตถุสิ่งของ ไปจนถึงสละความยึดติดถือมั่นในตัวตน สละได้มากเท่าใด ก็ช่วยให้เราอยู่ในโลกนี้อย่างผาสุกมากเท่านั้น อีกทั้งยังทำให้เราจากโลกนี้ไปได้อย่างสงบสุขด้วย

ค้นหา