วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เมื่อแฟนผมให้ไปออกเดทกับหญิงอื่น (อ่านน่ะ...ให้จบด้วย... ดีมากจริงจริง)‏


เมื่อแฟนผมให้ไปออกเดทกับหญิงอื่น (อ่านน่ะ...ให้จบด้วย... ดีมากจริงจริง)

หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปีผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอเพราะ....วันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่งมันเป็นไอเดียของเธอล้วน ๆ จริง ๆ ! ! นะ' ฉันรู้ว่าคุณรักเธอ' ภรรยาผมพูด'แต่ผมรักคุณนี่' ผมเถียง'ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน'ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ 'แม่' ของผมเอง ซึ่งเธอเป็นหม้ายและใช้ชีวิตเพียงลำพังกับสัตว์เลี้ยงมา 19 ปีแล้ว

เนื่องจากงานที่รัดตัว ทั้งเจ้านายและลูกค้าที่ผมจะต้องรับผิดชอบและยังมีภรรยาและลูก ๆ ที่ต้องดูแลทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้นผมตอบตกลงกับภรรยา และขอบคุณที่เธอให้โอกาสเช่นนั้นวันที่ผมโทรไปหาแม่ เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนังแม่ถามผมว่า 'มีอะไรหรือ? ลูกสบายดีรึเปล่า?'

แม่คิดว่าการที่ผมโทรมาหาอย่างกระทันหันหมายความว่ า มีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น ผมตอบแม่ว่า 'ไม่มีอะไรคับ ก็อยากคุยกับแม่ และคงจะดีมาก ถ้าเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตามลำพังสองคนแม่ลูกบ้าง ทานข้าวด้วยกันสักมื้อ ดูหนังด้วยกันสักเ! เรื่อง'แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า 'ได้สิจ๊ะ แม่ยินดีมากเลยจ้ะ

แล้วลูกมีเวลาว่างแล้วเหรอจ๊ะ หยุดงานได้เหรอ เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ ผมก็สังเกตได้ว่าแม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แม่สว มเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้วแม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้ายพลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์ แม่บอกเพื่อน ๆ ว่า 'จะออกไปเที่ยวกับลูกชาย' แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ เพื่อน ๆ ของแม่ต่างพากันประทับใจยกใหญ่เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยม บรรยากาศก็อบอุ่นสบาย ๆ มาก ๆ

ผมวางแผนว่าต้องเป็นร้านในสไตล์ที่แม่ต้องชอบแม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งหลังจากที่เรานั่งเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเป็นฝ่ายอ่านเมนูอาหาร เพราะแม่บอกว่า 'ตอนนี้สายตาของแม่อ่านได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น'เมื่อผมอ่านเมนูอาหารไปได้เพียงครึ่งหนึ่งจึงหยุดเว้นจังหวะ เพื่อให้แม่ได้เลือกรายการอาหารผมเงยหน้าขึ้น มองเห็นแม่กำลังจ้องมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลังแม่พูดเปรยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า '

ตอนที่ลูกยังเด็ก แม่ต้องเป็นคนอ่าน เมนูให้ลูกฟังหลายรอบ' ผมบอกแม่ว่า 'งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบาย ๆ บ้างแล้ว' ในระหว่างมื้ออาหารนั้นเราคุยกันอย่างถูกคอ - ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร -เพียงแต่สลับกันถามว่าชีวิตของเราเราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทันเมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า 'แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ' -' แต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ''แน่นอนครับ' ผมตอบตกลง'ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง?'

ภรรยาถาม เมื่อผมกลับถึงบ้าน'วิเศษมาก ๆ ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย' ผมตอบอีกไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันมันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลยหลายวันต่อมา ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัตตาคารที่ผมกับแม่เคยไปมีโน๊ตเล็กๆแนบมาด้วยว่า...'แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปอีกครั้งไม่ได้

-แต่... แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือ สำหรับลูกกับภรรยา

- ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อแม่มากแค่ไหน, รักลูกมากจ๊ะ'ณ วินาทีนั้น ผมได้เข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า ''รัก'ต่อคนที่เรารัก ในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมันไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณจงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณเพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้

-มีบางคนบอกว่า หลังจากที่คลอดลูกแล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นราว 6 สัปดาห์ แม่จึงจะคืนสภาพเดิมคนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อไป

-บางคนบอกว่า คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณคนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เกต

-บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อคนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับ หลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาด ๆ

-บางคนบอกว่า ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเองคนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับคู่มือการใช้และใบรับประกัน

-บาง คนบอกว่า แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูกคนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมา ทันได้เห็นลูกหวดลูกบอลเข้าใส่หน้าต่างครัวของเพื่อนบ้านพอดิบพอดี

-บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ได้คนนั้นไม่เคยช่วยลูกที่กำลังเรียน ป. 4 ทำการบ้านเลข! !

-บางคนบอกว่า แม่รักลูกคนที่ห้าไม่เท่าลูกคนแรกคนนั้นไม่เคยมีลูกห้าคน-บางคนบอกว่า ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่ คือตอนคลอดและตอนเลี้ยงคนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้นรถเมลไปโรงเรียนอนุบาลวันแรกไม่เคยส่งลูกเข้าห้องหอในคืนแต่งงาน

-บางคนบอกว่า งานของแม่นั้นหมู ๆ ปิดตาสองข้าง หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังไหวคนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายขนมให้กับเหล่ายุวนารีที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอดเวลา

-บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไปคนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือการนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่

-บางคนบอกว่างานของแม่ สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไปคนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือหลานย่า

-บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน

...................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา