
ครบ ... แต่ทำไม ... เหมือนขาด
เคยได้ยินชื่อหนังสือ ' ไม่ครบ ๕ ' ครั้งแรกจากพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ค่ะ ตั้งแต่นั้นก็ขวนขวายไปหาหนังสือ เล่มนี้มาอ่าน มันเต็มตื้น มีความสุข และหัวเราะเยาะตัวเองเป็นระยะ ๆ คนไทยเรา เมื่อไหร่ที่กำลังจะได้ ต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัว เรามัก ภาวนาขอให้เด็กที่เกิดมามีอวัยวะครบ ๓๒ แต่ในญี่ปุ่นมักน้อยกว่าเรามากค่ะ เค้าขอแค่เพียงเด็กที่เกิดมามีอวัยวะ ครบ ๕ ก็พอแล้ว คือ ๑ หัว ๒ แขน ๒ ขา หนังสือเรื่อง ' ไม่ครบ ๕ ' เขียนโดยผู้ชายคนหนึ่ง ฮิโรทาดะ โอโต ทาเกะ ที่เกิดมาขาดไปตั้ง ๔ ไม่มี ๒ แขน ไม่มี ๒ ขา ใช้ชีวิตครึ่งท่อนอยู่บนรถเข็น แต่สีหน้าแววตาไม่มีรอย หม่น แห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ ที่มีไม่เท่า คนอื่นแม้แต่น้อย ยิ้มใส ๆ ที่ยิ้มได้ทั้ง ใบหน้าและสายตาภายใต้แว่นกลม ๆ ขาว ๆ ตี๋ ๆ คนที่มีแค่หัวกับลำตัว
เขาใช้ชีวิตได้อย่างไร
ต้องลองไปอ่านดู ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศชาตินิยม และเป็นสังคมอันหนึ่งอันเดียวกันเหลือเกิน จนบางทียากที่จะยอมรับความแตกต่าง แปลกดีค่ะ คนญี่ปุ่นมีปัญหาในการอยู่ร่วมกับคนพิการ ไม่ใช่ใจร้ายนะคะ แต่ ไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตัวต่อคนพิการอย่างไร ไม่คุ้น ไม่ชิน โอโตทาเกะถ่ายทอดชีวิตของตัวเองในหนังสือ เพื่อที่จะบอกว่า 'ความพิการคือความไม่สะดวก แต่ไม่ ใช่ความไม่สบาย ' การดูแลเขาไม่จำเป็น ต้องสงสาร หรือประคองเสียจนทำให้ เขารู้สึกด้อยค่า แค่อำนวยความสะดวกบางอย่างที่เขาขาดก็เพียงพอแล้ว
โชคดีเหลือเกินที่เขาเกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจ แม่ส่งเรียนในโรงเรียนของเด็กปกติ ให้เขาได้รู้จักการใช้ ชีวิตเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่งทั่วไป จนวันนี้ คนที่มีร่างกายไม่ครบ ๕ อย่างเขาสามารถฝึกฝนและเพียรพยายามจนเล่นบาสเกตบอลและเบสบอลได้ พอเรียนจบ ก็มาทำงานเป็นผู้สื่อข่าวกีฬา เมื่อไม่นานนี้ มีข่าวของเขาลงใน หนังสือพิมพ์อีกครั้ง ล่าสุด เขาลาออกแล้ว เพื่อมาประกอบอาชีพที่เขาภาคภูมิใจมากที่สุดตอนนี้...คือการเป็นคุณครูค่ะ สอนวิชาศีลธรรมให้กับเด็ก ป.๑-ป .๖ ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว เพื่อสอนให้เด็กเรียนรู้ถึงความแตกต่างในสังคม
นอกจากตำราเรียนแล้ว สื่อการสอนที่ดีที่สุดอีกชิ้นหนึ่งของเขาก็คือ ประสบการณ์ชีวิตจริงที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้โดยมองจากชีวิตของ คุณครูโอโตทาเกะคนนี้นี่เอง (อ่านออก เสียงแบบ 'ทีวีแชมเปี้ยน ' จะได้อารมณ์มาก) คุณครูให้สัม ภาษณ์ว่า ความฝัน สูงสุดอีกอย่างของเขาคือ อยากให้คน ในโลกอยู่กันอย่างสันติ... "หากศักยภาพและตัวตนของผม ทำให้เข้าใกล้ความหวังแม้เพียงก้าวเดียว ผมก็พอใจและรู้ซึ้งถึงความหมายของการได้เกิดมาบนโลกนี้แล้ว นั่นสิคะ
ทำไมบางทีที่เรารู้สึกแย่ เราชอบถามตัวเองว่า ทำไมเรื่องนี้ต้อง เกิดขึ้นกับเรา ?
ทำไมโลก ไม่ยุติธรรมกับเรา ?
ในขณะที่โลกสร้างอาวุธครบ มือมาให้ สร้างลมหายใจไว้เป็นเสบียง แล้วปล่อยเราลงมาต่อสู้ ในขณะที่บางคน โลกให้แต่ลมหายใจ แต่เขายังพยายามหาคุณค่าและประโยชน์ของตัวเอง ที่จะให้กับโลกใบนี้ ทำไมเราถึงได้คิดต่างกันขนาดนี้ อ่านแล้วบางทีถึงอยากหัวเราะเยาะตัวเองไงคะ ๒ แขน ๒ ขาไม่มี สิ่งที่ยากที่สุดของเขาคือเดิน หรือกอด ใครสักคน ซึ่งเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับ เรา แต่ทำไมชีวิตที่มีอวัยวะเกิน ๕ อย่างเราถึงยิ้มได้ไม่เท่าเขา ทุกข์โศกเสียใจ ท้อใจกับบางเรื่องมากจนเกิน จำเป็น ทั้ง ๆ ที่เรามีในสิ่งที่คนอื่นขาด ตั้งมากมาย หายใจลึก ๆ ค่ะ เวลาเจอปัญหา ถ้าหายใจเข้าแล้วยังหายใจออกได้ นั่น แสดงว่าทุกอย่างยังเป็นเรื่องเล็กอยู่ เพราะลมหายใจยังเป็นของเรา เมื่อไรก็ตามที่เราเจอเรื่องหนักมาก ๆ แล้วยัง สามารถใช้นิ้วมือกดโทรศัพท์ไปเล่าให้ ใคร ๆ หรือแม้แต่ดีเจฟังได้ว่า ฉันแย่ แล้ว เศร้าเหลือเกินละก็ แปลว่าเรายัง โชคดีกว่าคนอื่นอีกมาก ชีวิตไม่ครบ ๕ อย่างคุณครูโอโต- ทาเกะ ๒ แขน ๒ ขาที่คุณครูไม่มี ทดแทนไม่ได้กับหัวใจที่ อาจมีมากกว่า คนอื่น ๆ ชีวิตครึ่งท่อนบนรถเข็น คือ กำลังใจของคนทั่วโลกที่มีโอกาสได้เรียน รู้ชีวิตของคุณครู และแอบอิจฉารอยยิ้ม หลังแว่นตานั้นอยู่...
ถ้าชีวิตนี้มีโอกาสยิ้มได้มากเท่า ที่ครูยิ้ม...ก็ดีใจมากแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น