ASTV ผู้จัดการรายวัน22 ตุลาคม 2553
ไอทีดีปลุก “รัฐ-เอกชน” ตื่นตัวรับเปิดเสรีปี 54 ชี้แนวโน้มท่องเที่ยวสดใส
ไอทีดี ปลุก รัฐ-เอกชนไทย ตื่นเร่งเตรียมพร้อมรับมือเปิดเสรีอาเซียน เปิดแผนปี 54 ลุยจัดอบรมบุคคลากรภาครัฐและเอกชนให้เป็นมืออาชีพด้านการเจรจาการค้า ภายใต้งบบริหารจัดการรวม 60 ล้านบาท ชี้ธุรกิจบริการท่องเที่ยว และโลจิสติกส์สดใส
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (ไอทีดี) เปิดเผยว่า จากรายงานของ “เวิลด์ อินเวสเม้นท์ รีพอร์ต 2010” ซึ่งจัดทำโดยนักวิชาการ 120 คนทั่วโลก ระบุชัดตรงกันว่า นับจากนี้ไป หมดยุคการสร้างรายได้จากภาคการผลิตแล้วและกำลังก้าวเข้าสู่ภาคการบริการและภาคโลว์คาร์บอนด์ ซึ่งในส่วนภาคบริการจะรวมถึงเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย ขณะที่ประเทศไทยยังต้องรีบเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเสรีอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีภาคบริการรวมอยู่ด้วยเช่นกัน
ล่าสุด ได้จัดทำวารสารรายไตรมาสแจกฟรี เริ่มฉบับแรก มิ.ย.-ส.ค.ที่ผ่านมา นำเนื้อหาการวิจัย ที่น่าสนใจ เช่น ความรู้เรื่องการเปิดเสรีอาเซียน และข้อมูลการทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เป็นต้น มาเรียบเรียงเป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่ายโดยตั้งเป้าพิมพ์ครั้งละ 10,000 เล่ม วางตามร้านกาแฟ เช่น แบล็คแคนยอน มั่นใจว่า เนื้อหาในวารสารจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการให้ได้รับประโยชน์จากการเปิดเสรีอาเซียน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการคนไทยยังขาดความพร้อมที่จะรับมือกับการเปิดเสรีอาเซียน โดยพบว่ายังไม่มีใครรู้เรื่องอาเซียนอย่างแท้จริง ซึ่งต่างจากมาเลเซีย หรือแม้กระทั่วประเทศลาว ที่เขามีความตื่นตัวที่จะเรียนรู้และเตรียมความพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีนี้ ส่วนสิงคโปร์ เขาเตรียมความพร้อมมานานแล้ว ส่วนประเทศไทยยังไม่เห็นธุรกิจใดที่แสดงความพร้อมที่โดดเด่น รวมถึงธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ
“เรื่องที่ผู้ประกอบการไทยควรเรียนรู้โดยเร็วที่สุดคือความเข้าใจด้านภาษี เพราะเมื่ออาเซียนรวมเป็น 1 ตลาด ประชากรเกือบ 600 ล้านคน ที่ต้องท่องเที่ยวและทำการค้ารวมกัน ภาษาจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะภาษาที่จะเป็นตลาดใหญ่ในอาเซียน อย่าง ภาษาจีน และ ภาษาบาฮาซา ซึ่ง ต้องเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างเร่งด่วน”
สำหรับในปีงบประมาณ 2554 ไอทีดี มีงบประมาณใช้บริหารราว 60 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจัดสรรจาก WTO 49 ล้านบาท และจากกระทรวงการต่างประเทศอีกกว่า 10 ล้านบาท วางแผนการทำงาน โดยจะเดินหน้าจัดสัมมนา ให้ความรู้ ให้ทุกหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน ได้มีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาเซียน หรือ “มิสเตอร์อาเซียน” โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) มาเป็นวิทยากร เพื่อให้มีความรู้และเข้าใจหลักการเจรจา สามารถเข้าไปเสริมได้ทุกเวทีการเจรจา ช่วยให้ประเทศไทยไม่เสียบเปรียบประเทศใดๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น