วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อาหารสมอง..สำหรับผู้ที่ขี้หลงขี้ลืม‏

Subject: Fwd: อาหารสมอง..สำหรับผู้ที่ขี้หลงขี้ลืม
> >
> > อาหารสมอง
> >
> >
> > คุณมีอาการเช่นนี้บ่อยแค่ไหน
> >
> > จำไม่ได้ว่าวันนี้จอดรถชั้นไหนนะ
> >
> > เอ..ผู้ชายที่ส่งยิ้มให้เมื่อกี๊หน้าตาคุ้นๆ
> > ชื่อ
> >
> > อะไรนะ
> >
> > ว่าแต่ว่าเมื่อเช้ากินยาก่อนอาหารแล้วหรือยัง
> >
> > จำได้ว่าจดไว้ในสมุดโน้ตกันลืมทั้งชั้นจอดรถและ
> >
> > เวลากินยา
> >
> > แต่เอาสมุดเล่มที่ว่าไปวางไว้ที่ไหนล่ะเนี่ย
> >
> >
> >
> > ความจำหายไปไหน
> >
> >
> > อาจารย์ศัลยา
> >
> > คงสมบูรณ์เวช
> > Nutrition
> > Consultant จาก
> >
> >
> > Vital Life
> > ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ
> > โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
> > อธิบายว่า
> >
> > โดยธรรมชาติแล้วเซลล์สมองเฉพาะส่วนจะตายไปตามวัย
> >
> > ทำให้คนเรามีปัญหาในเรื่องของความจำ
> >
> > หรือความสามารถในการจำลดลงและหลงลืมบ่อยๆ
> > เมื่ออายุมากขึ้น
> >
> >
> > 'โดยปกติแล้วความจำช่วงที่ดีที่สุดจะอยู่ในตอนที่คนเราอายุ
> > 20 ปี
> >
> > หลังจากนั้นจะค่อยๆ
> > ลดลงทีละน้อยๆ
> >
> >
> > จนเห็นชัดเจนตอนอายุ
> > 50 ปี'
> >
> >
> > คนทำงานในวัยสามสิบขึ้นไป
> >
> > แม้วัยยังห่างไกลห้าสิบ
> > อาจสงสัยว่าทำมั้ยตนจึงมีอาการความจำตกๆ
> > หล่นๆ
> >
> > สมาธิน้อยลง
> > หลงลืมเป็นประจำ
> > แถมบางครั้งยังรู้สึกเครียด
> > หดหู่
> > อยู่บ่อยๆ
> >
> >
> > สาเหตุอาจไม่ใช่เพราะ
> > 'ความแก่'
> > มาเยือน
> >
> > อาจารย์ศัลยา
> > วิเคราะห์ว่า
> > เป็นผลมาจากสภาพแวดล้อม
> >
> >
> > และการใช้ชีวิตของแต่ละคน
> > รวมไปถึงระดับ 'น้ำตาล'
> > ในเลือดด้วย
> >
> >
> > เนื่องจากน้ำตาลเป็นหนึ่งในสารจำเป็นซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่ของเซลล์สมอง
> >
> > ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป
> >
> > การทำหน้าที่ของเซลล์สมองก็จะผิดปกติได้
> >
> > ดังนั้นการมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สม่ำเสมอ
> > จึงมีผลดีต่อสมอง
> >
> >
> > อาหารเรียกความจำ
> >
> >
> > คุณกินอะไร
> > ก็จะเป็นอย่างนั้น
> > ประโยคสั้นๆ
> > ที่เป็นความจริงแท้แน่นอน
> >
> > นักวิจัยอธิบายต่อว่า
> > อาหารที่เรารับประทานในแต่ละคำยังส่งผลถึงสมาธิ
> >
> >
> > ความจำ
> > รวมไปถึงความเฉลียวฉลาดด้วย
> > สิ่งที่เราไม่รู้และควรรู้ก็คือ
> >
> > เซลล์สมองของคนเรามีจำนวนมากถึงร้อยพันล้านเซลล์
> >
> > แต่ละเซลล์ก็มีความต้องการอาหารที่มีสารอาหารในการเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ประสาท
> >
> >
> > การขาดสารอาหารเพียงบางชนิดแม้ในจำนวนเล็กๆ
> > น้อยๆ
> > ก็ทำให้ความจำลดลงได้ก่อนที่ร่างกายจะแสดงอาการออกมา
> >
> >
> > ในการทำงานของเซลล์สมองทุกๆ
> > ตัว
> > จะมีสารเคมีที่เรียกว่า
> > สารสื่อสมอง
> > ซึ่งช่วยสื่อสารจากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่งต่อๆ
> > กันไป
> >
> > ระบบการไหลเวียนของเลือดจะนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
> >
> > ซึ่งการทำงานจะเป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่นั้น
> >
> > ขึ้นอยู่กับว่ามีสารอาหารไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอสม่ำเสมอ
> >
> >
> > พอที่จะทำให้สมองทำงานได้ดีตลอดชีวิตหรือไม่
> >
> >
> > อาหารดีมีประโยชน์สำหรับสมอง
> >
> > ช่วยให้เราคิดดี
> > ทำดี มีความจำดี
> > มีอะไรบ้าง
> > แล้วเราต้องปฏิบัติตนอย่างไร
> >
> >
> > ส
> > ารบำรุงสมอง
> >
> >
> > สมองต้องการอะไรบ้าง
> >
> > เริ่มต้นกันที่
> > วิตามินบี
> >
> >
> > ได้แก่
> > วิตามินบี
> > 1
> > บี
> > 2
> >
> >
> > ไนอะซิน บี
> > 6
> >
> >
> > บี
> > 12 แพนโธทีนิค
> > และกรดโฟลิค
> >
> >
> >
> >
> > ช่วยป้องกันสมองเสื่อม
> > ความจำเลอะเลือน
> > อาหารที่มีวิตามินบีสูง
> > เช่น ผลิตภัณฑ์นมพร่องหรือขาดไขมัน
> >
> >
> > กล้วย
> > อาหารทะเล
> > ธัญพืชไม่ขัดสี
> > ถั่วต่างๆ ผัก
> > ผลไม้
> >
> >
> > ธาตุเหล็ก
> >
> > เป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อการนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
> >
> > การขาดธาตุเหล็กจะทำให้สมาธิสั้น
> > ไอคิวลดลง
> > การเสริมธาตุเหล็กสำหรับผู้ที่ขาดธาตุเหล็ก
> >
> > จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้าย
> > ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์
> >
> >
> > ใช้ความคิด
> > เพิ่มทักษะในการใช้คำพูด
> > อาหารที่มีธาตุเหล็ก
> > ได้แก่ เนื้อสัตว์
> > อาหารทะเล
> >
> >
> > โคลีน
> >
> > ชื่อนี้ควรจำไว้ให้ดีเพราะเป็นองค์ประกอบที่พบในเยื่อหุ้มเซลล์สมองและสารเคมีในเซลล์สมองที่ชื่อว่า
> >
> > อะเซทิลโคลีน
> > ซึ่งควบคุมควา มจำ
> > อาหารที่มีโคลีนสูง
> > คือ ไข่แดง ตับ
> > ถั่วลิสง
> > เนยถั่ว
> >
> > บรูเออส์ยีส
> > ส่วนที่มีในปริมาณเล็กน้อยได้แก่
> > มันฝรั่ง
> > มะเขือเทศ
> >
> > ขนมปังโฮลวีท นม
> > ส้ม ดอกกะหล่ำ
> > และแตงกวา
> >
> >
> > สารแอนตี้ออกซิแดนท์
> > เช่น
> > วิตามินซี
> > วิตามินอี
> > และ
> >
> > เบต้าแคโรทีน
> >
> > ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระซึ่ง
> > ทำให้เซลล์สมองเสื่อม
> >
> > ส่งผลให้ความจำเสื่อม
> > มีผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิดนีย์
> >
> > ประเทศออสเตรเลีย
> > พบว่า
> > ผู้ที่บริโภควิตามินซีสูงมีผลการทดสอบด้านสมาธิ
> >
> >
> > ความจำ
> > และการคำนวณดีที่สุด
> > พืชที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
> >
> > ช่วยป้องการสมองเสื่อม
> > ได้แก่ สารโอพีซีสกัดจากเมล็ดองุ่น
> >
> > สารสกัดจากใบแปะก้วย
> > กรดไลโปอิคและสารฟลาโวนอยด์ในผัก
> > ผลไม้ เช่น
> > องุ่น
> >
> > ผลไม้ประเภทเบอร์รี
> > ชาเขียว
> >
> > น้ำมันปลา
> > หรือโอเมก้า
> > 3
> >
> >
> > ช่วยป้องกันความจำเสื่อม
> >
> > ปลาที่มีโอเมก้า
> > 3
> >
> > มาก ได้แก่ ปลาแซลมอน
> > ปลาค้อด ปลาซาร์ดีน
> > และปลาแมคคอเรล
> >
> > ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาหารแนะนำให้บริโภคเนื้อปลาสัปดาห์ละ
> > 2-3 ครั้ง
> >
> > หมายเหตุ
> > –
> > เดิมคิดว่าน้ำมันปลามีแต่ในปลาทะเล
> > แต่ในปัจจุบันมีข้อมูลว่าแม้ไขมันของปลาน้ำจืด
> > ก็ใช้ได้
> >
> >
> >
> >
> > กินดี
> >
> >
> > สมองดี
> >
> >
> > หลักง่ายๆ
> > ในการเลือกรับประทานอาหารให้ได้ครบสูตรในแต่ละมื้อ
> >
> >
> > โดยไม่ต้องมานั่งนับแคลอรีให้ปวดหัว
> > อาจารย์ศัลยา
> > แนะให้แบ่งจานอาหารออกเป็น
> > 4 ส่วนเท่าๆ
> > กัน
> >
> > ประกอบไปด้วย
> > ผัก ผลไม้ ข้าวธัญพืช
> > และโปรตีน
> >
> >
> > อาหารเช้า
> >
> >
> > 'สำคัญที่สุดคือ
> > ต้องกินอาหารเช้า
> >
> > เนื่องจากสมองคนเราต้องการน้ำตาลกลูโคสเพื่อใช้เป็นพลังงาน
> >
> >
> > ถ้าเราไม่รับประทานอาหารก็จะทำให้สมองขาดเชื้อเพลิงในการทำงาน'
> >
> >
> > อาจารย์ศัลยา
> > กล่าวถึงผลวิจัยที่พบว่า
> >
> > คนที่รับประทานอาหารเช้าจะขาดโรงเรียนหรือขาดงานน้อยกว่า
> >
> >
> > รวมไปถึงการทดสอบทางคณิตศาสตร์
> > สมาธิ
> > ความคิดสร้างสรรค์
> > ความรวดเร็วในการแก้ปัญหา
> > การรำลึกความจำ
> > ความแม่นยำในการทำงานดีขึ้น
> >
> > แถมยังมีอารมณ์ดีกว่าคนไม่กินข้าวเช้าอีกด้วย
> >
> >
> > คราวนี้เรามาดูกันสิว่า
> >
> > อาหารเช้าแบบไหนที่เป็นของ
> > 'ต้องการ'
> > หรือ
> > 'ต้องห้าม'
> >
> >
> > อาหารเช้าที่ผู้เชี่ยวชาญ
> >
> > แนะนำ
> > ได้แก่
> > ซีเรียลผสมนมพร่องมันเนย
> > หรือนมถั่วเหลือง
> > ผลไม้ 1
> > ชนิด
> > และน้ำผลไม้
> >
> > (ไม่ผสมน้ำเชื่อม)
> > 1 แก้วเล็ก
> >
> >
> > ถ้าอยากรับประทานอาหารเช้าแบบอเมริกัน
> >
> > ขอแนะนำเป็น
> > ไข่ดาว
> > ขนมปังโฮลวีททาเนยถั่ว
> > งดไส้กรอก แฮม
> > เพราะมีไขมันสูง
> >
> > กาแฟ 1
> > ถ้วย
> > อนุญาตให้เติมน้ำตาล
> > 1 ช้อนชาพอ
> >
> >
> > อาหารเช้าแบบไทยๆ
> >
> > แนะนำให้รับประทานข้าวต้มเครื่อง
> > ข้าวต้มปลา
> >
> > เสริมผัดผัก
> > 1 จาน
> > หรือข้าวโพด 1
> > ฝัก
> > นมถั่วเหลือง1
> > แก้ว &nbs p;
> >
> >
> > น้ำส้มสด
> > 1
> > แก้วเล็ก
> > มะละกอ 1
> > เสี้ยว
> >
> > นี่คือตัวอย่างของอาหารเช้า
> > คุณภาพดี
> >
> >
> > อาหารกลางวัน
> >
> >
> >
> >
> > อาหารไขมันสูงหรือน้ำตาลสูง
> > นอกจากจะทำให้ง่วงนอนแล้ว
> > สมองก็ไม่แล่นอีกด้วย
> > ฉะนั้น
> >
> > มื้อเที่ยงจึงไม่ควรเป็นมื้อหนัก
> > มีโปรตีนเล็กน้อย
> > ธัญพืชไม่ขัดสีมากหน่อย
> > จะช่วยให้สมองตื่นตัวตลอดเวลา
> > อาหารแนะนำได้แก่
> > แซนด์วิชทูน่าขนมปังโฮลวีท
> > สลัด (น้ำสลัดไขมันต่ำ)
> > 1 จาน
> > น้ำผลไม้
> >
> > และผลไม้สด
> > หรือก๋วยเตี๋ยวน่องไก่ใส่เส้นน้อยๆ
> > ผักเยอะๆ
> >
> > ไม่ใส่กระเทียมเจียว
> > ไม่รับประทานหนังไก่
> >
> > หรือถ้าอยากรับประทานสปาเกตตีสักจานก็ขอให้เพิ่มสลัดอีก
> >
> >
> > 1 จาน
> >
> > ไม่แนะนำ
> > ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊ว
> > เพราะมีไขมันมาก
> > เปลี่ยนเป็นราดหน้าจะดีกว่า
> >
> > โดยเปลี่ยนจากเส้นใหญ่
> > เป็นเส้นหมี่
> > วุ้นเส้น
> > หรือเส้นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้
> >
> >
> >
> > ชวนสมองออกกำลังกาย
> >
> >
> > การออกกำลังกายควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่สมองต้องการเป็นสิ่งที่จำเป็น
> >
> > วิธีการออกกำลังกายแบบแอโรบิกและโยคะ
> > เป็นวิธีที่อาจารย์ศัลยาแนะนำ
> >
> > รวมไปถึงการออกกำลังกายสมอง
> > ด้วยการท้าทาย
> >
> > ในการทำสิ่งใหม่ๆ
> > ดูบ้าง
> > ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ใช้ความคิด
> > ลองหัดวาดรูป
> >
> > หรือเรียนดนตรี
> > อย่าลืมว่าไม่มี
> > อะไรแก่เกินเรียน
> >
> >
> > เมื่อสมองได้รับการท้าทายแล้ว
> > ก็จะไม่เครียด สมอง
> > ความคิดก็จะปลอดโปร่ง
> > หากปฏิบัติตามคำแนะนำ
> >
> > ทั้งหมดของผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว
> > คราวนี้
> >
> > คุณคงจะไม่ต้องไปยืนทำสมาธิอยู่หน้าลิฟต์อาคารจอดรถเพื่อนึกว่า
> >
> > จอดรถไว้ที่ชั้นไหน
> > ยามหนุ่มยิ้มให้ก็ไม่ต้องงงว่า
> > เขาเป็นใคร
> >
> > อีกต่อไป
> >
> >
> >
> > สมูทตี้สูตรสดชื่น
> >
> >
> > ส่วนผสม :
> > แครอท
> > 4 หัว แอปเปิล
> > 1
> > ผล
> > ขิงเล็กน้อย
> > พริกหวานสีแดง 1/2 เม็ด
> >
> > ผิวมะนาวเล็กน้อย
> > ซอสโทบาสโก้นิดหน่อย
> > วิธีทำ -
> > นำมาปั่นรวมกัน
> > รินใส่แก้วรับประทานทันที
> > ไม่ควรทิ้งไว้
> >
> >
> > เมนูบำรุงสมอง
> > ซุปถั่ว
> >
> > ซุปมันฝรั่ง
> > ซุปฟักทอง
> > แกงกะหรี่ผักอินเดีย
> > ต้มยำปลา ต้มยำกุ้ง
> >
> > เต้าหู้ผัดผัก
> > หลายๆ สี
> > ผัดเปรี้ยวหวานไก่
> >
> >
> > เคล็ดลับเพิ่มความจำระยะสั้น
> >
> > ท่องหนังสือ
> > ก่อนเข้าประชุม
> > กินน้ำตาลปริมาณ
> > 1 ช้อนชา
> >
> > จะช่วยให้ร
> > ่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า
> > สดชื่น ในขณะเดียวกัน
> >
> > หากร่างกายได้รับน้ำตาลมากเกินไปจะก่อให้เกิดอาการซึมเศร้า
> >
> > ขาดความกระตือรือร้น
> > / กาแฟ วันละ 1
> > ถ้วย
> > น้ำตาล
> >
> > 1 ช้อนชา
> > เท่านั้นพอ
> >
> >
> > --

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา