การขอพรในช่วงปีใหม่นั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานาน โดยเรามักขอพรจากผู้ที่เราเคารพ เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต แต่ในอีกแง่หนึ่งนอกเหนือจากความเป็นมงคลของชีวิตแล้ว การขอพรนั้นก็เพื่อผู้ที่รับพรต้องการรับพรเหล่านั้นมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต หรือเพื่อเป็นแง่คิดในการทำความดีในโอกาสเริ่มต้นวันใหม่
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่านว.วชิรเมธี ได้ให้พรปีใหม่เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและพัฒนาจิตใจ ว่า อยากจะให้พรจตุรพลัง หมายถึงพลังทั้ง 4 เพื่อความสุขของสังคมไทย ซึ่งพลังทั้ง 4 ประกอบด้วย
หนึ่ง-พลังปัญญา ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้ สังคมไทยในปัจจุบันใช้อารมณ์กันมาก ใช้ความรู้กันน้อยและไม่ค่อยจะรู้จริง พอมีปัญหาจึงใช้อารมณ์มาตัดสิน ไม่ได้ใช้ความรู้หรือเหตุผล จึงก่อให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายดังที่ผ่านมา
สอง-พลังความเพียร ต้องพึ่งความเพียรของตน ดีกว่าพึ่งการบนเทวดา ที่ผ่านมา สังคมไทยมีการบูชาเทพ หรือเทวดากันมาก การบูชาเทพเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ไม่ดี แต่ต้องเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองด้วย ไม่ใช่จะหวังพึ่งแต่เทพอย่างเดียวจนไม่ทำอะไรเลย เหมือนที่พระพุทธเจ้าสอนว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
สาม-พลังความสุจริต ทำมาหากินอย่างสุจริต ดีกว่าหลงผิดคอร์รัปชัน ประเทศไทยติดอันดับหนึ่งในสิบของโลกในเรื่องคอร์รัปชัน จนมีความคิดว่าโกงไม่เป็นไรแต่ต้องแบ่งกันด้วย ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เราต้องปลูกฝังความคิดขึ้นใหม่ว่าคนโกงคืออาชญากร เป็นบาป สังคมต้องต่อต้าน
สี่-พลังความสามัคคี ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันนำประเทศไทยพ้นวิกฤติ คนไทยต้องช่วยกัน อย่าเห็นแก่ตัวเอง แต่ให้มองผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
สุดท้ายท่าน ว.วชิรเมธี ฝากว่าการขอพรนั้นมีความสำคัญที่ผู้ขอพรได้ทำตามในสิ่งที่ตัวเองหวัง หรือตั้งใจนั้น ให้เป็นจริง นั้นคือ พรที่วิเศษที่สุด เหมือนดังสมัยพุทธกาล นางวิสาขามาขอพรกับพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสว่า “ตถาคตเลิกให้พรแล้ว วิสาขา ทั้งนี้ เพราะความสำเร็จ ย่อมไม่ได้จากพรที่รับ แต่มาจากผลของกรรม หรือการกระทำที่ทำไว้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น