วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิธีง่ายๆต่อสู้กับมะเร็ง‏

สาระน่ารู้
วิธีง่ายๆต่อสู้กับมะเร็ง
จันทร์ ที่ 21 เดือน เมษายน พ.ศ.2551

วิธีง่ายๆต่อสู้กับมะเร็ง



พ่อเลี้ยง วรรณ พิมพ นิช เจ้าของรวมเกษตรฟาร์ม มาบรรยายวิธีรักษามะเร็งเมื่อ
เดือนที่แล้ว ผมเห็นว่ามีประโยชน์ จึงนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆฟัง ดังนี้

พ่อเลี้ยงวรรณฯ อายุ 60 ปี เป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่กระดูกสันหลัง คุณหมอทั้ง
ไทยและเยอรมัน ไม่รับรอง ว่า จะรักษาหาย จึงไปทำการรักษาที่เกาหลีเหนือ
เป็นเวลา 1 เดือน ก็หายจากโรค กลับมาเมืองไทย
จึงตั้งเป็นมูลนิธิวรรณ รับรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ยากไร้ฟรี! ปัจจุบันมีผู้
รับการรักษา 2000 กว่าคน
ณ อ.แม่สอด ห่างจาก จว.ตาก 100 กม.

วิธีการรักษามะเร็ง แบบธรรมชาติง่ายๆ 4 ข้อ ดังนี้

1. จิตใจ ต้องสู้

2. อาหาร งดเว้นเนื้อสัตว์ ทุกชนิด แล้วหันมารับประทานอาหาร
ที่มะเร็งไม่รับประทาน 15 ชนิด ได้แก่

2.1 ธัญพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวกล้อง , ข้าวม้ง , ข้าวบาเล่ย์ ,
ข้าวสาลี , และลูกเดือย นำมาหุงด้วยหม้อข้าวไฟฟ้า
2.2 ผักผลไม้ 10 ชนิด ได้แก่ หอมหัวใหญ่ , มันฝรั่ง , หรือมันเทศ ,
กล้วยน้ำว้าสุก ( 8 ลูก/วัน) , ฟักทอง , ข้าวโพดหวาน , ยอดแค ,
ถั่วพู (2 ชนิดนี้ห้าม ขาด) , บลอคโคลี่ หรือกะหล่ำ ดอก , ถั่วหวาน
และคะน้าฮ่องกง(ผักผลไม้ 5 ชนิดแรกใช้ นึ่ง) นำทั้ง 10 ชนิด หั่นเป็นชิ้นๆ
นำมาเข้าเครื่องปั่นแบบไม่ต้องละเอียดมาก เพื่อ ให้กระเพาะอาหาร
ทำหน้าที่ย่อย จากนั้นนำมารับประทานหนัก 1 กก./วันกับธัญพืช

3. อาบน้ำร้อนสลับเย็นหรือเย็นสลับร้อนอย่างละ 2 นาที รวมเวลา 10 นาที 1
ครั้ง/วัน เตรียมน้ำร้อน โดยใช้เครื่องทำน้ำร้อน เตรียมน้ำเย็นโดยหาถังน้ำ
ใส่น้ำแข็ง แล้วอาบร้อนจัด และเย็นจัด เท่าที่ร่างกายทนได้ ภูมิต้านทานโรค
ทั้งสิ้น 2 จำพวก จะ ถูกกระตุ้นขึ้นมาทำหน้าที่ อย่างแข็งขัน

4. การออกกำลังกาย เดินเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 45 นาที/วัน ง่ายไหม
ครับ

ถ้าเพื่อนสนใจ สามารถเขียนจดหมายติดต่อ ขอรับธัญพืชปลอดสารพิษจากไร่ อ.แม่สอด
ตาม
สถานที่ข้างล่างนี้

“ มูลนิธิวรรณ ” เลขที่ 3/681 ประชานิเวศน์ ถ.เทศบาลนิมิตเหนือ ลาดยาว จตุ จักร กทม.
- เบอร์โทรศัพท์มือถือ พ่อเลี้ยงวรรณ 02 1580658 / 086-7886222



เขาเคยใกล้ตาย...แล้วก็ไม่ตายแล้ว... อย่าประมาท กับโรคมะเร็งร้าย
หลีกเลี่ยง ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เพราะ โรคมะเร็ง
โอกาศรอดชีวิตมีไม่มากนัก




ผมไปประชุมสัมมนานักประชาสัมพันธ์ สพท.ทั่วประเทศที่โรงแรมเฟิร์ส กทม. เมื่อวันที่ 20-22 กุมภาพันธ์ 2551 มีนักประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ประเภทข้าราชการพลเรือนก็ไม่ใช่ บุคลากรทางการศึกษาก็ไม่เชิง แบบว่ามีคำว่า “อื่น”ต่อท้ายไปด้วย
เลยหาชาติพันธ์ไม่เจอ แบบว่าเป็นคนชายขอบประมาณนั้น กลุ่มนักประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นเซคชั่นหนึ่งของ “บุคลากรทางการศึกษาอื่น” ตามมาตรา 38 ค (2) ในพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 จึงต้องมารวมตัวกันเพื่อหานโยบาย แนวทางและระดมวิสัยทัศน์พัฒนา “กลุ่มบุคลากรทางการศึกษาอื่น”ขึ้น โดยมีคุณสมยศ เย็นใจ นักประชาสัมพันธ์ 8 ว ประธานชมรมนักประชาสัมพันธ์ สพท.ทั่วประเทศ เป็นแกนนำ และเป็นผู้ที่ได้รับฉันทามติจากสมาชิกชมรมนักประชาสัมพันธ์ สพท.ทั่วประเทศให้ลงสมัครเลือกตั้งซ่อมผู้แทนบุคลากรทางการศึกษาอื่นในคณะกรรมการครูและบุคลากรทางการศึกษาหรือ ก.ค.ศ. แทนตำแหน่งที่ว่าง ซึ่งจะมีการลงคะแนนเสียงในวันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 โดยมีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ 178 เขต เป็นหน่วยเลือกตั้ง
ทีนี้...วันที่ระดมพลแกนนำชมรมนักประชาสัมพันธ์ สพท.ที่โรงแรมเฟิร์ส เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 ซึ่งมีสมาชิกจากภาคเหนือ กลาง ใต้ อิสาน มากันหลายคนและก็ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มบุคลากรที่เป็นนักประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มบุคลากรอื่นๆตามมาสังเกตการณ์ด้วย
ซึ่งก็มีทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โดยหนึ่งในกลุ่มสุภาพสตรีที่เดินทางมาด้วยคนหนึ่งซึ่งเดินทางร่วมมากับ “คุณเบญ” นักประชาสัมพันธ์ สพท.ร้อยเอ็ด เขต 1 เธอเป็นสุภาพสตรีรูปร่างสันทัด ผิวพรรณผ่องใส หน้าตาสวยสะ แววตาแจ่มใส ผมแอบมองจากหัวโต๊ะในห้องประชุมด้วยเพราะเธอเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม นักประชาสัมพันธ์จังหวัดไหนเอ่ย....ผมถาม “คุณเบญ”ในช่วงเบรกรับกาแฟ
ก็เลยได้ทราบข้อมูลแบบผิวเผินมาว่า เธอชื่อ จันทร์เพ็ญ เกื้อวิทา ตำแหน่งบุคลากร 7ว สพท.ร้อยเอ็ด เขต 1 เป็นชาวกาฬสินธุ์ เดินทางมากทม.พร้อมกับ “คุณเบญ” เพื่อต้องการมาร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจคุณสมยศ เย็นใจ ลงสมัครผู้แทน ก.ค.ศ. และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อต้องการเดินทางมาพบ “ผู้มีพระคุณ”ต่อชีวิตเธอคนหนึ่ง ที่ชื่อว่า “พ่อเลี้ยงวรรณ”



และผมก็ทราบในเวลาต่อมาจากปากของคุณจันทร์เพ็ญว่า เธอเป็นมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 4 บวก 1 โดยแพทย์ได้วินิจฉัยว่า เธอจะมีอายุอีกไม่เกิน 6 เดือน ในขณะที่เพื่อนฝูงและญาติสนิทมิตรสหายของเธอต่างก็ทยอยมาเยี่ยมและคอยดูใจ เวลาผ่านมาจนบัดนี้เป็นเวลากว่า 1 ปี คุณจันทร์เพ็ญเธอเดินปร๋อหน้าตาสดใส เค้าหน้า ดวงตาไม่มีร่องรอยอิดโรยที่จะบ่งบอกว่าเป็นคนที่มี “เนื้อร้าย”อยู่ในร่างกายแต่อย่างใด
“พ่อเลี้ยงวรรณ” คือ บุคคลที่ถูกกล่าวถึงบ่อยที่สุดในการประชุมในวันนั้นไป ภาพตัวตนของคุณจันทร์เพ็ญกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในชีวิตของผม อาจจะเป็นเพราะผมมีพื้นฐานต้นทุนความคิดว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ถึงแม้จะไม่ทำคีโม ก็ไม่น่าจะมีสภาพกาย-ใจ ที่สุขสมบูรณ์อย่างนี้ ไม่บอกก็ไม่รู้ ไม่ถามเธอก็ไม่จำเป็นตองตอบให้ใครร้ด้วยซ้ำไป
แต่เมื่อรู้แล้ว...ผมจึงต้องขอขยายผล ซึ่งน่าจะเป็นวิทยาทานชีวิตอีกหลายๆชีวิตที่กำลังเผชิญอยู่กับโรคมะเร็งร้ายนี้ก็ได้ ที่สำคัญทั้ง “คุณจันทร์เพ็ญ” และสุภาพบุรุษที่ชื่อ “พ่อเลี้ยงวรรณ” ก็ยินดีที่จะให้เปิดเผยเรื่องราว ชีวิตที่เฉียดตายนี้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยที่ต้องมีพื้นฐานแห่งจิตใจและศรัทธาร่วมกันเป็นเบื้องต้น โดยต้องไม่มีผลประโยชน์ใดใดมาเกี่ยวข้อง
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นวันแรกที่คุณจันทร์เพ็ญกับ “พ่อเลี้ยงวรรณ” มาพบกัน เพื่อ “รับยา”และร่วมรายการวิทยุทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยการสัมภาษณ์สดคุณจันทร์เพ็ญ ทำนองว่า เป็นรายการให้กำลังใจผู้กำลังเผชิญภัยกับสภาพจิตใจที่ท้อถอย ร่างกายเสื่อมทรุด นับถอยหลัง ซ้ำร้ายเงินทองค่าใช้จ่ายก็ไม่มี โดย “มูลนิธิวรรณ” ซึ่งมี “พ่อเลี้ยงวรรณ”เป็นเจ้าของมูลนิธิ เป็นผู้ร่วมสัมภาษณ์
และเมื่อเสร็จสิ้นจากรายการวิทยุ “คุณจันทร์เพ็ญ” เธอก็กลับมาพร้อมกับคุณ “พ่อเลี้ยงวรรณ” โดยบุคลิกของสุภาพบุรุษวัยสูงอายุผมสีดอกเลา ดวงตามีเมตตาธรรม เดินเหินคล่องแคล่วปราดเปรียว วาจาฉาดฉาน ผมก็เลยเชิญ “พ่อเลี้ยงวรรณ” พบปะกับสมาชิกชมรมนักประชาสัมพันธ์ สพท. ในเวลานั้นทันที
ระยะเวลาประมาณ 10 นาที กับวิทยากรมืออาชีพอย่าง “พ่อเลี้ยงวรรณ” ยิ่งทำให้ผมและสมาชิกยิ่งบังเกิดความทึ่งประทับใจ ซึ่งหากจะถ่ายทอดใน BLOG นี้ก็คงต้องใช้เนื้อที่มากทีเดียว ผมจึงขอสรุปสั้นๆเท่าที่ฟังและซึมซับในขณะที่ฟังไปด้วยทำงานอย่างอื่นไปด้วยในห้องประชุมโรงแรมเฟิร์สในวันนั้น ได้ดังนี้



“พ่อเลี้ยงวรรณ” มีประวัติเป็นคนไข้โรคมะเร็งในกระดูกและข้อซึ่งแพร่กระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองและโลหิตแล้ว
“พ่อเลี้ยงวรรณ” ไปรักษาตัวที่ประเทศเกาหลี ด้วยวิธีการเฉพาะทาง ด้วยตัวยาสมุนไพรและวิธีการที่เริ่มต้นด้วยศรัทธาแห่งจิต
“พ่อเลี้ยงวรรณ” หายเป็นปกติ ก้อนเนื้อมะเร็งฝ่อ ออกกำลังกายได้ทุกวัน โดยการวิ่งวันละ 9 กม.
“พ่อเลี้ยงวรรณ” บอกทุกคนว่า “ผมไม่ตายแล้ว”
“พ่อเลี้ยงวรรณ” เป็นวิทยากรบรรยายตามคำเชิญของแพทย์โรงพยาบาลต่างๆ โดยไม่พึงประสงค์ค่าวิทยากร รวมทั้งค่ารถ ค่าอาหารใดๆทั้งสิ้น
“พ่อเลี้ยงวรรณ” เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์มันฝรั่ง “เลย์” เดินทางไปไหนต่อไหนด้วยพาหนะ “เบ็นซ์”พร้อมคนขับ เหตุผลที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพื่ฮให้รู้ว่า พ่อเลี้ยงมีอันจะกิน ไม่พึงประสงค์ที่จะหาผลประโยชน์ใดใดจากการก่อตั้ง “มูลนิธิวรรณ” ส่วนที่ต้องใช้ “เบ็นซ์”ก็เพราะว่าชีวิตเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาบ่อยครั้ง และทุกครั้งก็ปลอดภัยเพราะอยู่ใน “เบ็นซ์” ก็เลยรู้สึกอบอุ่น จะถือว่าเป็นการโฆษณาก็ยอม...
“พ่อเลี้ยงวรรณ” มีลูกหลานรวมกว่า 30 คน ทั้งลูกจริงและลูกบุญธรรม โดยทางมูลนิธิให้ทุนช่วยเหลือการศึกษาระดับปริญญาตรีต่อเนื่องทุนละ 3,500 บาทต่อเดือน ปีละ 10 คน จึงทำให้มีลูกๆเย๊อะ...ประมาณนั้น
“พ่อเลี้ยงวรรณ” ยินดีช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ยากไร้ด้วยความเต็มใจ ไม่คิดเงิน เป็นสาธาณะกุศล
“พ่อเลี้ยงวรรณ” ยินดีไปบรรยายพิเศษทั่วประเทศ ค่าเครื่องบิน ค่ารถ ค่ากิน ฯลฯ พ่อเลี้ยงวรรณบอกว่า ตนเองออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่รบกวนเจ้าภาพ เพราะรวยอยู่แล้ว....ประมาณนั้น
ฯลฯ
ผมถามไปตรงๆว่า เมื่อ “ตัวยา” และ “วิธีการ” ได้ผลอย่างนี้ ทำไมถึงไม่ประสานวิทยาศาสตร์การแพทย์และทำไมไม่เสนอตัวเข้าไปช่วยคุณยอดรัก สลักใจ หรือคุณหยาด นภาลัย “พ่อเลี้ยงวรรณ” ตอบทันทีว่า วิธีการมันแตกต่างกัน เพราะของมูลนิธิวรรณเริ่มต้นด้วย “จิตศรัทธา”และความมุ่งมั่น ซึ่งวิธีการของ “พ่อเลี้ยงวรรณ”ทุกวันนี้ก็ได้รับเชิญจากคณะแพทย์จากหลายๆโรงพยาบาลไปทำหน้าที่วิทยากรให้การแนะนำอยู่อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และการที่จะติดต่อรับความช่วยเหลือ “พ่อเลี้ยงวรรณ”ก็ขอพูดคุยกับผู้ป่วยหรือผู้ดูแลผู้ป่วยโดยตรงทางโทรศัพท์หรือไม่ก็พบปะกับคนไข้โดยตรง โดยไม่ยินดีที่จะให้คำปรึกษาผ่านคนกลาง...


ผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือญาติผู้ป่วยหากคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ติดต่อกับ “พ่อเลี้ยงวรรณ” ได้ที่
มูลนิธิวรรณ
3/681 ประชานิเวศน์
ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ
แขวงลาดยาว
กทม
10900
โทร. 086-7886222, 084-3545552, 02-1580658

กร มกุชะ



ขอความจากเมลล์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา