วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ดีพะย่ะค่ะ‏

Subject: ดีพะย่ะค่ะ



> ดีพะย่ะค่ะ (นิทานเพื่อการมองโลกในแง่ดี)
>
> กาลครั้งหนึ่ง มีนครอยู่นครหนึ่ง และมีกษัตริย์ครองนคร
> กษัตริย์ทรงโปรดปรานการท่องป่าล่าสัตว์เป็นอันมาก
> กษัตริย์ทรงมีมหาดเล็กคู่ใจเป็นที่ปรึกษาอยู่คนนึง
>
> วันหนึ่งได้เกิดกบฏขึ้นภายในพระนคร
> มีคนลุกฮือขึ้นจะโค่นอำนาจกษัตริย์ซึ่งก็มีแววจะชนะซะด้วย
> เมื่อกองทัพกบฏประชิดเมืองกษัตริย์ก็ได้ปรึกษากับคนสนิทเป็นการใหญ่
> ซึ่งรวมไปถึงมหาดเล็กคู่ใจของเขาด้วย
> กษัตริย์ถามว่า
> "เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้"
> "ดีพะยะค่ะ"
> "ดียังไง"
> "สถานการณ์เวลานี้แม้จะดูไม่สู้ดีนัก แต่อย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่า
> ใครบ้างที่จะจงรักภักดีกับเรา ใครที่คิดจะแปรพรรคไปด้านโน้น
> ซึ่งหากเราปราบกบฏครานี้ลงได้ ท่านก็จะเหลือแต่ลูกน้องที่จงรักภักดีกับท่าน
> ทำให้ไม่ต้องกังวลพระทัยอีกต่อไปพะยะค่ะ"
> "อืม นั่นสินะ"
> หลังจากนั้นกษัตริย์ก็มีกำลังใจเป็นอันมาก และปราบกบฏลงสำเร็จ
>
> หลังจากนั้นไม่นาน พอย่างเข้าหน้าฝน ฝนก็ตกหนักจนท่วมลามเข้าในพระนคร
> ทำให้การคมนาคมติดขัด ไม่สามารถเดินทางออกนอกพระนครได้
> กษัตริย์ที่ปกติจะออกป่าล่าสัตว์ก็เกิดอาการหงุดหงิดกษัตริย์ก็ปรึกษามหาดเล็กอีกครั้ง
> "เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้"
> "ดีพะยะค่ะ"
> "ดียังไง"
> "ถึงแม้ตอนนี้เราจะไม่สามารถสัญจรไปไหนมาไหนได้ ก็ไม่เป็นไรพะยะค่ะ
> เนื่องจากตอนนี้เป็นหน้าฝนอย่างไรเสียการเสด็จออกป่าก็คงไม่สนุกเป็นแน่แท้
> และเป็นการดีเสียอีกที่พอน้ำลด เกษตรกรเราก็จะได้ทำการเพาะปลูกได้ผลผลิตงอกงาม
> และสามารถกักตุนเสบียงได้ในยามจำเป็นพะยะค่ะ"
> "อืม นั่นสินะ"
>
> พอเสร็จสิ้นหน้าฝนและน้ำลดแล้ว
> กษัตริย์ก็ทรงออกป่าล่าสัตว์ตามที่พระองค์ชอบเหมือนเดิม
> ซึ่งมหาดเล็กคนเดิมก็ติดตามไปด้วย
> แต่แล้วขณะที่พระองค์ทรงอยู่บนหลังม้า
> ปลอกพระขันธ์หรือมีดพกที่เหน็บเอวได้รั่ว
> ทำให้มีดหล่น เฉือนนิ้วก้อยเท้าของกษัตริย์ขาดไปต่อหน้าต่อตา
> กลายเป็นคนนิ้วด้วน กษัตริย์จึงถามมหาดเล็กเช่นเดิม
> "เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้"
> "ดีพะยะค่ะ"
> "ดียังไง หา (ใส่อารมณ์โกรธสุดๆ)"
> "ยังไงก็ดีกว่าตายพะยะค่ะ"
> กษัตริย์โกรธเลือดขึ้นหน้ามาก สั่งทหารนำมหาดเล็กคนนั้นไปขังลืมในคุกขี้ไก่
>
> และแล้ว 10 ปี ผ่านไปกษัตริย์ได้ออกล่าสัตว์เหมือนเดิม
> ขณะที่มหาดเล็กก็ยังถูกลืมอยู่ในคุกขี้ไก่เหมือนเดิม
> ครานี้เป็นโชคร้ายของกษัตริย์เมื่อเข้าป่าไปเจอกับเผ่ากินคน
> ซึ่งมีจำนวนมากกว่าจำนวนทหารที่ติดตามไปด้วยมาก
> ทหารทั้งหมดจึงถูกจับ และถูกต้มกินเป็นๆหมดเกลี้ยง
> จนเหลือแต่กษัตริย์คนเดียวเมื่อเผ่ากินคนเตรียมจะเชือดกษัตริย์ลงหม้อ
> ได้สังเกตเห็นว่ากษัตริย์ไม่มีนิ้วก้อยเท้า
> ซึ่งทางเผ่ากินคนได้มีความเชื่อถือว่าเป็นตัวกาลกินี
> กินเข้าไปแล้วจะเกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงแก่เผ่า
> จึงสั่งปล่อยตัวกษัตริย์ไปซะ กษัตริย์ดีใจมาก
>
> เมื่อกษัตริย์ดีใจที่รอดตายกลับเมืองได้ จึงนึกถึงคำเมื่อ 10
> ปีก่อนของมหาดเล็กคู่ใจ
> จึงลงไปที่คุกขี้ไก่ และสั่งปล่อยตัวมหาดเล็กคู่ใจทันที
> และทรงเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาด้วยความดีใจที่รอดชีวิตมาได้
> "อืม คำเจ้าเมื่อ 10 ปีก่อนเป็นจริง ยังไงนิ้วก้อยด้วนก็ยังดีกว่าตายจริงๆ"
> "พะยะค่ะ"
> กษัตริย์จึงถามต่อ "แล้วอยู่ในคุกขี้ไก่เป็นไงบ้างล่ะหือ"
> "ดีพะยะค่ะ"
> กษัตริย์ทำหน้างง "ดียังไง"
> "ถ้ากระหม่อมไม่อยู่ในคุก ก็ทรงเสด็จตามท่านไปในวันนั้นด้วย
> และคงจะโดนเผ่ากินคนกินไปแล้วพะยะค่ะ"
>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา