Fwd: ข้อความต่อไปนี้อาจจะ กระชากหัวใจคุณได้บ้าง
จะกระชากหัวใจคุณได้จริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ต้องมีสักข้อที่โดนใจคุณ และฮาได้อีกด้วย
1. อายครูไม่รู้วิชา อายภรรยาไม่มีลูก แต่ถ้าได้ครูเป็นภรรยาจะได้ทั้งวิชาและลูก
2. รักเมียเสียเพื่อน รักเพื่อนเสียเมีย แต่ถ้ารักเมียเพื่อนจะเสียทั้งเพื่อนเสียทั้งเมีย
3. ผู้ชายนั้นรักจริงแต่เอาเล่นๆ แต่ผู้หญิงรักเล่นๆ แต่เอาเป็นผัวจริงๆ
4. มีความพยายามอยู่ที่ไหน มีความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่ตัณหาอยู่ที่ไหน จะมีความพยายามอยู่ที่นั่นแน่นอน
5. ผู้ชายที่ไอหรือจามอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าผู้ชายคนนั้นไปไอหรือจามใต้เตียงเมียคนอื่น
6. ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ สูเจ้าจงเลือกไปเฉพาะที่ใด เพราะจะมีแต่รัก และปฏิเสธที่จะไป ที่นั่น ก็จะไปหาทุกข์ทำไม
7. อิทานัง ทุกขังโลเก การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลก
กาเม มรณัง ทุกขังโลเก กามตายด้านเป็นทุกข์ (ที่สุด) ในโลก
8. หว่านพืชเช่นไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น แต่ปลูกถั่วเขียว ทำมั้ยดันได้ถั่วงอก
9. เมื่อผู้หญิงแต่งงา เธอจะสูญเสียทั้งข้างหน้าและข้างหลัง เสียข้างหน้าคือเสียคำว่า “นางสาว” กลายเป็น “นาง” เสียข้างหลังคือ “เสียนามสกุล”
(แต่อาจใช้ไม่ได้แล้วกับกฎหมายปัจจุบัน ที่ผู้หญิงมีสิทธิ์เลือกทั้งคำนำหน้าและนามสกุล)
10. น้องเมียคือทรัพยากรอันมีค่ายิ่งของพี่เขย ผู้ที่บังอาจมาจับน้องเมีย คือผู้ที่บ่อนทำลายความหวังอันบรรเจิดของพี่เขย
ใน ฐานะตัวแทนผู้หญิง ดิฉันคอนเฟิร์มได้ค่ะว่าเรื่องต่อไปนี้ คือความจริงที่ผู้หญิงเราเถียงไม่ขึ้นจริงๆ อ่านแล้วก็ขำตัวเองและเพื่อนๆ ผู้หญิงร่วมโลกทั้งหลายค่ะ
แต่ ไม่รู้ว่าคุณผู้ชายมาอ่านเจอเข้า จะขำหรือหมั่นไส้ผู้หญิงเราก็ไม่รู้นะคะ แต่เชื่อเถอะค่ะ สำหรับผู้หญิง อ่านแล้วเถียงไม่ขึ้น แถมยังต้องขำปิดท้ายอีกต่างหาก
1.ไม่ว่าจะเดินอยู่ที่ไหน แต่มีของ 4 อย่าง ที่ผู้หญิงต้องหยุดดู คือ ตุ้มหู, กระเป๋า, รองเท้า, เสื้อผ้า
2.ผู้หญิงชอบกินเค้กช็อกโกแลตและบ่นว่าอ้วน
3.เวลาผู้หญิงถามคุณว่าอ้วนไปหรือเปล่ ถ้าคุณตอบว่าเปล่า เธอจะไม่เชื่อ แต่ถ้าคุณตอบว่าอ้วน เธอจะโกรธ!
4.ผู้หญิงชอบให้คนมาจีบ แต่ไม่ได้ชอบทุกคนที่เข้ามาจีบ
5.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับครีมทาผิว และโฆษณาครีมทาผิวทุกตัวได้ผลเสมอ
6.ผู้หญิงไม่เคยเหน็ดเหนื่อยจากการเดินช็อปปิ้ง
7.เวลาที่ผู้หญิงบอกว่าไม่มีอะไร แปลว่ามีอะไร และผู้ชายก็ไม่รู้หรอก (เฉลยไปเถอะ)
8.เวลาร้องไห้ ผู้หญิงจะต้องการการปลอบโยน แต่ถ้าไปถาม เธอจะบอกว่า "ไม่ต้อง"
9.ผู้หญิงชอบสมัครฟิตเนสและจินตนาการว่าตัวเองจะฟิตแอนด์เฟิร์มภายใน 3 เดือน แต่หลังจากสมัครเสร็จ เธอมักจะไปช็อปปิ้งแถวๆ ฟิตเนส แต่ไม่เคยเข้าไปเล่นฟิตเนสเลยสักที
10.ผู้หญิงเกิดมาคู่กับดอกไม้ เวลาผู้ชายทำอะไรผิด ให้เอาดอกไม้ไปให้ โทษอาจจะลดลงครึ่งหนึ่ง
11. ผู้หญิงจำวันทุกวันเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นวันที่เจอกันครั้งแรก วันที่คบกัน วันเกิด วันครบรอบ และวันอื่นๆ และนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เธอทะเลาะกับแฟนเพราะผู้ชายจะไม่เคย จำ
12.คำขอโทษที่ดีที่สุดคือ "ไปช็อปปิ้งกันไหม"
13.ผู้หญิงส่วนใหญ่ขับรถอย่างเดียว แต่ไม่ค่อยดูแลรถ
14. เวลาทะเลาะกัน ผู้หญิงชอบบอกว่าไม่ต้องโทร.มาอีกแล้ แต่หลังจากวางหู เธอจะหันไปดูโทรศัพท์บ่อยๆ และหลังจากดีกันแล้ว เธอจะต่อว่า ว่าตอนนั้นทำไมไม่โทร.มา ผู้ชายก็จะได้แต่ร้องว่า "อ้าว"
15.ผู้หญิงมักสนเรื่องราวชู้สาวของคนที่ไม่รู้จัก
16.ผู้หญิงกินข้าวเป็นมื้อจริงๆ น้อย กินขนมระหว่างมื้อเยอะ
17.กระเป๋าถือของผู้หญิงมีน้ำหนักมากกว่าสายตาประเมิน ไม่เชื่อก็ลองไปขอเธอถือดู
18.ผู้หญิงนัดเจอกัน 99 เปอร์เซ็นต์ จะเม้าท์เรื่องแฟนตัวเอง
19.ในที่ทำงานมักจะมีเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่ไม่ถูกกันเสมอ
20. ผู้หญิงทุกคนมีตู้เสื้อผ้าสองตู้ขึ้นไป และเมื่อถึงเวลาโละเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้ ประโยคที่มักได้ยินเธอพูดก็คือ "เสื้อตัวนี้ยังไม่ได้ใส่เลย!"
ทำไมต้องชู2นิ้ว
เคย สงสัยรึเปล่าคะว่าทำไม เวลาที่เราต้องการให้กำลังใจใครหรือให้กำลังใจตัวเอง (ประมาณว่า "สู้ๆ สู้ตาย") หรือแม้กระทั่งเวลาถ่ายรูปกับเพื่อนเราจะต้องมีท่าบังคับอย่างท่า "สู้ตาย" ชู 2 นิ้ว อยู่เสมอ...
ทำไมต้องชูสองนิ้วด้วยล่ ชูสามนิ้วไม่ได้เหรอ???
สำหรับการชู 2 นิ้ว หรือที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า "V sign" นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในความหมายของ "ชัยชนะ" คือ V แทนคำว่า Victory ค่ะ ถ้าน้องๆ ลองไปเปิดดูอัลบั้มรูปเก่าๆ ของตัวเองน้องๆ
จะพบว่าตั้งแต่เราเกิดมาเราถ่ายภาพด้วยท่าชู 2 นิ้วไว้มากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว คิดอะไรไม่ออกก็ชู 2 นิ้วไว้ก่อนแล้วกัน ^^
นอกจากนี้การชูสองนิ้วยังหมายถึง "สันติภาพ" และ "การดูถูกท้าทาย" ได้อีกด้วย ...โดยหากเราไปแสดงอากัปกิริยาด้วยการ ชูสองนิ้วแต่หันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง ในสหราชอาณาจักรอย่างอังกฤษ
สกอตแลนด์แล้ว ถือว่าเป็นการแสดงท่าทางดูถูกต่อว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ค่ะ
โดยความหมายของการทำเช่นนี้นั้น จะเหมือนกับการที่เราไปทำท่าที่หยาบคายอย่างการ "ชูนิ้วกลาง" (The Finger) ให้คนอื่นเลยทีเดียว
ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือว่าร้ายแรงและเป็นการเสียมารยาทเป็นอย่างมากเลยล่ะ
ส่วนในประเทศสหรัฐอเมริกา การชู 2 นิ้วนั้นจะใช้กันในความหมายที่ว่า เป็นการแสดงสันติภาพมากกว่า โดยเริ่มได้รับความนิยมมาจากการที่ประชาชนออกมาเคลื่อนไหว
เพื่อให้เกิดสันติภาพในช่วงทศวรรษที่ 1960
สำหรับประเทศในทวีปเอเชียนั้น ส่วนใหญ่จะใช้กันตอนถ่ายรูปโดยไม่ได้มีความหมายอะไรซ่อนอยู่เลย (กลายเป็นท่าฮิตไปซะอย่างงั้น -..-”) แต่ในเวลาต่อมา
ผู้คนนอกทวีปเอเชียเริ่มหันมาชู 2 นิ้วตอนถ่ายรูปกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากบรรดาการ์ตูนของญี่ปุ่นที่ไปได้รับความ นิยมในประเทศอื่นๆ นั่นเอง
นอกจากนี้บางคนยังเชื่อว่า การที่ชาวญี่ปุ่นนิยมชู 2 นิ้วนั้นต้องการสื่อถึงเรื่องสันติภาพ หลังจากที่ญี่ปุ่นโดนบอมบ์ด้วยระเบิดปรมณูไป
(และที่ สำคัญหลายคนมักจะคิดว่าการชูสองนิ้วถ่ายรูปนั้นจะทำให้ตัวเองน่ารักเหมือน สาวญี่ปุ่น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วท่านี้ก็ไม่ได้ทำให้คนดูดีทุกคนหรอกค่ะ 55)
สำหรับจุดเริ่มต้นของการชู 2 นิ้วนั้น ไม่มีการบันทึกเอาไว้อย่างแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ก็เป็นที่เชื่อกันมาอย่างยาวนานว่า จุดเริ่มต้นของการชู 2 นิ้วนั้น
เริ่มจากพลธนูชาวเวลส์ ที่ต่อสู่ร่วมกับอังกฤษในการสู้รบที่หมู่บ้านอกินคอร์ต ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 1415 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามร้อยปีระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งมีการกล่าวไว้ว่า
ทหารฝรั่งเศสจะตัดนิ้วมือข้างขวาของพลธนูชาวเวลส์ที่ถูกจับตัวได้ไป 2 นิ้ว จนไม่สามารถยิงธนูได้อีก ด้วยเหตุนี้
บรรดาพลธนูชาวเวลส์ที่ยังไม่ถูกจับตัวจึงชูนิ้ว 2 นิ้วเป็นการดูถูกท้าทายทหารของฝรั่งเศส
ไม่น่าเชื่อเลยนะคะเนี่ยว่าท่าชู 2 นิ้ ที่เราใช้เป็นท่าบังคับในการถ่ายรูปกัน จะมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานขนาดนี้แถมยังมีความหมายที่ลึกซึ้งและยิ่ง ใหญ่อีกต่างหาก...
ว่าแต่ต่อไปนี้เวลาจะชู 2 นิ้ว ก็ระวังหน่อยแล้วกันนะคะ อย่าชูผิดด้านล่ะไม่อย่างนั้นล่ะ มีเรื่องแน่ค่ะ 555+
10เรื่องที่ผู้ชายเสียเปรียบผู้หญิง
ใน สังคมเรา ใครๆ ก็บอกว่าผู้ชายเกิดมาได้เปรียบผู้หญิง สิทธิอะไรก็ได้มากกว่า ก็เลยเกิดกลุ่มสตรีที่ลุกขึ้นมาทวงสิทธิให้กับคนเพศเดียวกันอยู่เป็นประจำ
อย่างทุกวันนี้เองก็มีการออกกฎหมายเพื่อยกสิทธิของผู้หญิงให้ทัดเทียมผู้ชาย ออกมามากขึ้น อย่างเช่นล่าสุดก็เรื่องของการสามารถเลือกนามสกุลและคำนำหน้าหลังจากผู้หญิง จดทะเบียนแต่งงานกับผู้ชาย
เจอ ผู้หญิงทวงสิทธิมากๆ เข้า ก็เลยมีผู้ชายอยู่กลุ่มหนึ่ง เขาลุกขึ้นมานำเสนอเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ดูยังไงผู้ชายก็เสียเปรียบผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ลองอ่านดูนะคะว่า
ผู้ชายเสียเปรียบผู้หญิงในเรื่องเหล่านี้จริงหรือเปล่า รับรองว่าอ่านไปก็ขำไป เข้ากับบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองดีค่ะ คิกๆๆ
1. ผู้หญิงหอมแก้มกัน คนเห็นบอกว่าดูน่ารักดี แต่ถ้าลองเป็นผู้ชายหอมแก้มกัน คนที่เห็นมีแต่ร้อง...อึยยย หวาดเสียว ขนลุก จะอ้วก
2. ผู้หญิงใส่กางเกงฟิตๆ คนที่พบเห็นมักมองว่า น่ามอง น่าชม (แม้แต่ผู้หญิงอ้วน ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น) แต่ถ้าผู้ชายใส่กางเกงฟิตๆ ความเห็นที่จะได้จากคนที่พบเห็นก็คือ แหวะ! จะอ้วก ใส่ได้ไงเนี่ย
3. ผู้หญิงตบผู้ชาย คนที่พบเห็นมักคิดว่าเป็นการป้องกันตัว หรือไม่ผู้หญิงคนนั้นคงจะ “สุดจะทน” แล้ว แต่ถ้าผู้ชายตบผู้หญิง จะเจอคำครหาสั้นๆ แต่ได้ใจว่า “ไอ้หน้าตัวเมีย!”
4. ผู้หญิงร้องไห้ ดูยังไงก็น่าสงสาร น่าเข้าไปปลอบใจ แต่ถ้าเจอผู้ชายร้องไห้ คนที่พบเห็นคงมองด้วยสายตาแปลกๆ และในใจคงคิดว่า “ไอ้ใจปลาซิว”
5. ผู้หญิงเป็นเพื่อนกั ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน คนที่พบเห็นจะบอกว่าคู่นี้ดูน่ารักดี เห็นแล้วสดชื่น แต่ถ้าผู้ชายเป็นเพื่อนกัน ดูแลห่วงใยเอาใจใส่กัน คนที่พบเห็นจะบอกว่า คู่นี้มันแปลกๆ แฮะ ดูเหมือนคู่เกย์ยังไงไม่รู้
6. ผู้หญิงหลอกรับประทานผู้ชาย คนที่พบเห็นรู้สึกว่า อ๋อ มันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่เห็นแปลก แต่ถ้าผู้ชายหลอกรับประทานผู้หญิง คงเจอประณามหยามเหยียดว่า สารเลวจริงๆ มันเกาะผู้หญิงกิน
7. ผู้หญิงพูดตรงๆ ผู้หญิงคนนั้นดูเป็นคนเปิดเผย แต่ถ้าผู้ชายพูดตรงๆ ส่วนมากจะกลายเป็นคนพูดไม่เข้าหูคน
8. ผู้หญิงเข้าห้องน้ำผู้ชาย คนที่พบเห็นมองว่า อ๋อ ของมันผิดพลาดกันได้ แต่ถ้าผู้ชายเข้าห้องน้ำผู้หญิง ถ้าเขาไม่ได้แต่งเป็นหญิง คงโดนกล่าวหาว่า “ไอ้บ้า! โรคจิต” แน่ๆ
9. ผู้หญิงเดินตกท่อ คนพบเห็นคงเดินเข้ามาช่วยเหลือ และคิดว่าน่าสงสารจัง เป็นอะไรมากไหม แต่ถ้าผู้ชายเดินตกท่อ คนพบเห็นนอกจากจะไม่เข้าไปช่วยแล้ว คงนินทาด้วยว่า โง่จั เดินไม่ดูตาม้าตาเรือซะเลย
10. ผู้หญิงขับรถปาดหน้า คนโดนปาดคงได้แค่คิดว่า ช่างเหอะ ผู้หญิงก็ขับรถอย่างนี้แหละ แต่ถ้าผู้ชายขับรถปาดหน้าล่ะก็ คนโดนปาดหน้าคงคิดว่า แบบนี้ มันน่าแซงแล้วยิงทิ้ง!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น