วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กด 1137 บริการซ่อมรถฟรี 24 ชม

ผู้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว
จะไปบอกต่อกันก็ ได้
ช่วยกันบอกต่อๆ ไป
รถเสีย กด 1137

ชาวกรุงซึ้งน้ำใจรถเสียช่วยฟรี 24 ชม.
รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137
เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรี
ตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ
ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและ
ภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง

คนยังเรียกใช้น้อย
เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก
วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน
ขณะที่ ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด
ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น
เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง
และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น

แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งแม้จะไม่มากนัก
แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือ
คนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน
อย่างกลุ่มคนในโครงการ ' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง '
นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ
' ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง ' กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ ว่า

เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลา
กลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาโดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์ รวมไป ถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจรแล้ว น่าเป็นห่วง
นอกจากนี้จากการสำรวจดู ยังพบว่า
มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้าน
และไม่มีใครดูแล
จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร. เพื่อหาทางแก้ไขให้ประชาชนมี
ที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดี
อยู่อีกจำนวนมาก

บทสรุปที่ได้ คือ
ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ
จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ
โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริ
มาร่วมด้วยช่วยกัน ปรากฏว่า
เจ้า ของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส
นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความ
เชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดให้
เจ้าหน้าที่ ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร
ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน
เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก ' บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี ถึงขณะนี้ การช่วยเหลือยังน้อยอยู่
เดือนหนึ่งประมาณ 50-60 ราย
เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตก
จะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย '

ผู้ริเริ่มโครงการนี้กล่าวและยอมรับว่า โครงการ ' ปันน้ำใจช่วย เหลือรถจอดเสียกลางทาง ' ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน ยังไม่ทราบว่า
มีโครงการนี้ หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้ และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น

' ถ้าผู้ใช้รถ ไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่า
มีโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชน
ส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือ
จริงหรือเปล่า หวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้นเราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือ ออกไป

เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น '
นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย
กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา