วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อย่าด่วนตัดสินเร็วเกินไป .....

อย่าด่วนตัดสินเร็วเกินไป .....

เหตุการณ์วันนั้นแม้จะนานมาแล้ว แต่ก็ให้บทเรียนชีวิตแก่ผมมาก ลืมไม่ลง และทำให้ต้องระวังในการตัดสินใครต่อใครมากขึ้น


ผมจะเล่าให้ฟังดังนี้ มีคนรู้จักเอาช็อกโกแลตชั้นดีจากต่างประเทศมาฝาก 2 กล่อง ผมพิจารณาดูแล้วเห็นว่าไม่ควรกิน เพราะจะทำให้เกิดโรคอ้วนและผลข้างเคียงอื่นได้มาก แต่นึกถึงเพื่อนลูกสองคนที่เขายังเด็กอยู่ ไม่อ้วน จึงคิดว่าจะเอาช็อกโกแลตไปฝากเด็กทั้ง 2 คนนั้น


เย็น วันหนึ่งเลิกงานแล้วจึงไปหาเขา ระหว่างทางรถติดมาก โดยเฉพาะตรงสี่แยกหนึ่งรถติดยาวและฝนก็ตกพรำๆ ผมเห็นเด็กขายพวงมาลัยสองคนเดินขายพวงมาลัยเพื่อที่จะขายให้คนทีรถติดรถยาว แต่ก็ไม่มีใครสนใจจะซื้อเพราะฝนตกพรำๆ ด้วย
ผมเห็นแล้วเกิดความสงสาร แต่ไม่ได้คิดอยากซื้อพวงมาลัยหรอก เพราะเคยคิดว่าการขายของบนพื้นถนนเป็นสิ่งที่ไม่ควรสนับสนุน เพราะผิดกฎหมาย แต่ก็เข้าใจและเห็นใจคนยากจนที่เขาต้องการทำงานเพื่อเอาตัวรอด


ด้วย ความสงสารจึงทำให้ผมเปลี่ยนใจจากการที่จะเอาช็อกโกแลตไปฝากลูกเพื่อนกลับคิด ว่าลูกเพื่อนก็เคยมีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ มาแล้ว ถ้าเราเอามาให้เด็กขายพวงมาลัย 2 คนนี้แทนจะดีกว่า เพราะเขาคงไม่มีโอกาสได้กินช็อกโกแลตดีๆ อย่างนั้นมาก่อน


คิด แล้วก็บีบแตรรถเบาๆ เรียกเด็กทั้งสองคนเข้ามาเขาดีใจนึกว่าจะซื้อพวงมาลัย แต่ผมบอกเขาว่าไม่ซื้อหรอกแต่ผมมีขนมสองกล่องเป็นของดี ไม่เสีย จะให้เขาคนละกล่องให้เขารับเอาไว้ไปกินได้
เขาหันหน้ามามองผมอย่างงงๆ และรับกล่องช็อกโกแลตไป ลืมขอบคุณด้วย ผมดีใจที่ได้ทำสิ่งดีๆ ที่ไม่ได้นึกมาก่อนสำเร็จแล้ว นึกในใจว่าเด็กลืมขอบคุณเพราะคงงงๆ ก็ไม่ถือสา จึงขับรถต่อไป แต่เนื่องจากรถติดมากจึงขยับได้อีกนิดก็ต้องหยุด ยังไม่ผ่านไฟแดงอยู่ดี ขณะที่รถติดอยู่นั้นผมเห็นเด็กทั้งสองคนวิ่งตรงเข้ามาอีก พร้อมทั้งชูพวงมาลัยในมือทั้งสองคน


ผม คิดว่า เอ เด็กสองคนนี้อยากจะขายพวงมาลัยมากจัง ให้ขนมไปแล้วยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีกใจหนึ่งรู้สึกหงุดหงิดรำคาญว่าน่าจะ พอแล้ว ไม่น่าจะตื้อเรา แต่อีกใจก็สงสารอีกนั่นแหละ ไหนๆ ทำความดีแล้วลองช่วยซื้อพวงมาลัยเด็กอีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร จึงแง้มกระจกรถถามว่า จะขายพวงมาลัยอีกเหรอ ขายอย่างไร เด็กตอบว่า เขาไม่ขายพวงมาลัยให้ผมหรอก แต่เขาจะเอาพวงมาลัยให้ผมคนละ 5 พวง เพราะผมให้ขนมเขา เขาก็อยากให้พวงมาลัยแก่ผม


ผม รู้สึกอึ้ง คิดไม่ถึง ดีใจกึ่งแปลกใจ บอกเขาไปว่าอยากอุดหนุนเขา ให้เขารับเงินไปด้วย เขาบอกว่าไม่รับเงินหรอก ทีผมยังให้ขนมเขาได้ เขาก็อยากให้พวงมาลัยผมบ้างเป็นการตอบแทน ผมเข้าใจเขา รู้สึกผิดที่ตัดสินใจเกี่ยวกับเขาเร็วไป นึกว่าเขาเห็นผมใจดีให้ขนมยังไม่พอยังอยากให้ซื้อพวงมาลัยอีก


ตกลง ผมยอมรับพวงมาลัยจากเขาโดยขอรับจากเขาคนละพวงเรายิ้มให้กันตอนจากกันด้วย ความสุขทั้งสองฝ่าย คืนนั้นผมกลับบ้าน เอาพวงมาลัยสองพวงนั้นใส่พานกราบพระพุทธรูปที่บ้านด้วยความเบิกบานใจเป็น พิเศษ


เรื่องนี้ทำให้ความคิดว่าความกตัญญูกตเวทีมีได้จริง เห็นได้ทันตาเห็นด้วย และอย่าด่วนตัดสินพฤติกรรมของใครๆ เร็วเกินไป


ส่วนใหญ่มนุษย์จะตัดสินคนอื่นๆ เร็วไป เพราะดูจากพฤติกรรมภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งไม่ควรและผิดพลาดได้ง่าย เช่น….

· อย่าตัดสินคนจน ว่าเขาต้องเป็นขโมยหรือขี้โกง
· อย่าตัดสินคนอื่นที่เรียนน้อยว่าเขาต้องโง่
· อย่าตัดสินคนที่แต่งกายเชยๆ และบุคลิกไม่ดี ว่าเป็นคนด้อยคุณภาพ
· อย่าตัดสินคนที่ไม่ทำงาน ว่าเขาเป็นคนขี้เกียจ
· อย่าตัดสินคนที่เขาไม่พูดกับเราว่าเขาเป็นคนหยิ่ง (เขาอาจจะหูหนวกไม่ได้ยินที่เราพูดก็ได้)
· อย่าตัดสินคนที่พูดห้วนๆ กิริยาห้าวๆ ว่าเป็นคนจิตใจกระด้าง ฯลฯ

ส่วน ใหญ่เรามักตัดสินคนจากพฤติกรรมภายนอกที่เราไม่ชอบเลยด่วนตัดสินว่าเขาไม่ดี หรือเป็นคนผิด เราไม่มีสิทธ์ตัดสินใครๆ ว่าเขาไม่ดีหรือเป็นคนผิดหรอก เพราะเราไม่ใช่ผู้พิพากษาเราน่าจะนึกเพียงว่า เราไม่ชอบบุคลิกและลักษณะบางอย่างของเขา… เท่านั้น และเหตุการณ์จากเด็กชายขายพวงมาลัยสองคนนี้คงทำให้ยิ่งต้องระมัดระวังในการตัดสินคนอื่นๆ ให้มากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา