วันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2553

มาเรียนภาษาเวียตนามกัน

Subject: มาเรียนภาษาเวียตนามกัน


ทหารเวียตนามกับทหารลาวได้ทำการสู้รบทหารอเมริกัน ในเย็นวันหนึ่งก็เกิดปะทะกับทหารอเมริกัน
ทหารเวียตนามก็ตระโกนบอกทหารลาวว่า ลุย ทหารลาวก็บุกเข้าปะทกับทหารอเมริกันปรากฏ ทหาร
ลาวตายหมด แต่ทหารเวียตนามไม่มีเสียชีวิตเลย
ลุย ในภาษาเวียตนามแปลว่า ถอย
ภาษาเวียตนาม วันละคำ

องค์จู่เหี่ยว แปลว่า เถ้าแก่
เกาหอยหนูไหม แปลว่า มีคำถามจะถามหนูไหม
ด่า แปลว่า คำตอบ
หมอยเหี่ยวๆ แปลว่า เมื่อยมากๆ
จอมๆ แปลว่า ช้าๆ

เรื่องหวาดเสียวในเส้นก๋วยเตี๋ยว

เรื่องหวาดเสียวในเส้นก๋วยเตี๋ยว





อาหารของชาวจีนที่เข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่สมัยพระนารายณ์ แล้วถูกปรับจนเป็นอาหารพื้นฐานของคนไทยชนิดนี้ มีอันตรายแฝงอยู่แบบที่คุณนึกไม่ถึง เพราะเส้นก๋วยเตี๋ยวสีขาวที่เรากินกันนั้นทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ซึ่งมีความชื้นสูง ขึ้นราได้ง่าย หากเก็บไว้หลายวันเส้นก็จะใช้อีกไม่ได้ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องใส่สารกันบูดลงไปเพื่อยืดอายุของมันออกไป

แต่มันแย่หน่อยที่สารกันบูดที่ใส่ลงไปนั้นคือ “กรดเบนโซอิก” และ “กรดซอร์บิก” ซึ่งจะทำให้ตับและไตของเราทำงานแย่ลงหากได้รับในปริมาณสูง และแย่กว่านั้นตรงที่งานวิจัย “ความปลอดภัยในเส้นก๋วยเตี๋ยว ในเขตภาคอีสาน” ของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อุบลราชธานี รายงานว่า 4 จังหวัดภาคอีสานมีปริมาณสารกันบูดมากกว่ามาตรฐานตั้งแต่ 4 เท่าตัวขึ้นไป

1,000 ม.ก./ก.ก. คือปริมาณกรดเบนโซอิกที่คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากลเห็นว่ายังปลอดภัย แต่ในการวิจัยนั้นพบว่าในเส้นใหญ่มีกรดเบนโซอิกมากถึง 4,230 ม.ก./ก.ก. และ ตัวเลขที่ชวนช็อคที่สุดตกเป็นของเส้นเล็กค่ะ นั่นคือมีกรดเบนโซอิกมากถึง 17,250 ม.ก./ก.ก. แปลว่าสูงกว่ามาตรฐานความปลอดภัยถึง 17 เท่าทีเดียว...โอ้

ข้อมูล ที่จะมาตอกย้ำให้คุณตื่นตระหนกและหมดหวังก็คือ สารกันบูดที่ใส่ลงไปไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สภาพของเส้นใส่สารกับเส้นสะอาดก็ไม่ต่างกันเลย และถ้าคิดว่าการลวกด้วยน้ำร้อนจะเจือจางสารได้ก็เสียใจด้วย เพราะมันผสมเป็นเนื้อเดียวกับเส้นไปแล้ว เราจึงได้แต่ฝากชีวิตไว้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. หาวิธีแก้ปัญหาที่ผู้ผลิต

หรือไม่งั้นก็ต้องพึ่งตัวเองด้วยการกินบะหมี่เหลือง วุ้นเส้น เพราะพวกนี้ทำจากแป้งสาลี จึงไม่มีการใช้สารกันบูดเลย แต่ถ้าอยากกินเส้นขาวก็ยังมีวิธีตรวจสอบมาฝากบ้าง นั่นคือ...

3 วิธีเช็กอันตรายเส้นก๋วยเตี๋ยว

1. เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ใส่สารจะเหนียวผิดปกติ กัดไม่ค่อยขาด

2. เมื่อนำไปลวกในหม้อ สังเกตได้ว่าน้ำที่ลวกจะขุ่น

3. เส้นก๋วยเตี๋ยวปกตินั้นทิ้งไว้คืนเดียวก็ขึ้นราและบูดแล้ว แต่ถ้าเป็นเส้นที่ใส่สารแม้ทิ้งไว้ 2-3 วันสภาพก็ยังเหมือนเดิม แต่ถ้าลองดมดูจะได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวทันที

เสื้อผ้าสเปรย์

ดอกเตอร์ มาเนล ตอร์เรส (Manel Torres) ดีไซเนอร์ชาวสเปนและและมิสเตอร์พอล ลัคแฮม
ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอนุภาคจากวิทยาลัยอิมพีเรียล เมืองผู้ดีได้ศึกษาและคิดค้นสเปรย์ที่สามารถพ่นบนร่างกาย
แล้วแปรสภาพเป็นเสื้อผ้าได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที หลังจากที่เขาได้ใช้เวลาในการพัฒนามานานกว่า 10 ปี และคาดว่า
สเปรย์เสื้อผ้ากำลังจะเป็นเทรนด์ใหม่ในวงการแฟชั่น
ดอกเตอร์ตอร์เรส กล่าวว่า เสื้อ ผ้าดังกล่าวมีราคาที่ต่ำกว่าเสื้อผ้าทั่วไป เพราะใช้ตนทุนต่ำ
มีลักษณะเป็นของเหลวผสมที่ผสมระหว่างคอตตอนไฟเบอร์ พอลิเมอร์สและตัวทำละลาย ที่พร้อมจะฉีดลงบนผิวหนังได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ ยังสามารถพ่นไปตามส่วนต่างๆได้เช่น หมวก กางเกงชั้นใน เลกกิ้ง ทั้งนี้เนื้อผ้ามีความยืดหยุ่น ทนทานไม่ต่างจากเสื้อผ้าปกติ สามารถนำไปทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใส่ซ้ำได้หากใครที่ชอบเสื้อผ้ารัดรูปที่โชว์เรือนร่าง
ก็เป็นทางเลือกหนึ่งได้เป็นอย่างดี


ลอร่า (Laura Stott) หนึ่งในอาสาสมัครตัดสินใจที่จะลองสวมใส่ชุดสเปรย์โดยเธอเล่าว่าครั้งแรกที่ผิวโดยสเปรย์จะรู้สึกเย็น แต่หลังจากนั้นก็รู้สึกดีขึ้นรู้สึกว่ามีบางสิ่งติดอยู่กับผิวหนัง แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดหรือระคายเคืองแต่อย่างใด เนื่องจากสเปรย์มีส่วนผสมที่เหมาะสมต่อผิวหนัง นอกจากนี้ เสื้อผ้าที่พ่นลงบนร่างกายสามารถตกแต่งให้มีสีสันสวยงาม
สามารถพ่นสีอื่นๆเพื่อตกแต่งรวมทั้งนำขนสัตว์มาประดับให้เป็นชุดๆหนึ่งได้อย่างสวยงาม

กระบวน การผลิตใช้เวลาไม่นานก็สามารถสวมใส่ได้แล้ว ลอร่ากล่าวว่าเธอขณะที่เธอสวมเสื้อสเปรย์เดินไปตามถนน
ก็ไม่ต่างจากสวมใส่เสื้อปกติทั่วไป ไม่มีใครจับจ้องหรือสังเกตถึงถวามผิดปกติแต่อย่างใด






ยาอันตรายอะ

Subject: ยาอันตรายอะ




วันนี้มีเรื่องที่น่าจะเป็นความรู้มาแชร์ให้เพื่อนๆ ทราบ

เนื่องจากเพื่อนไม่สบายไปหาหมอมา และคุณหมอให้ยาแก้อักเสบ AMK เพราะมีอาการเจ็บคอ และทุกครั้งก่อนกินยาจะต้องทำการหักยาดูสภาพด้านใน พอแกะออกมาจากฟรอยด์แล้วปรากฎว่ายามีสภาพเหมือนฟรอยด์ห่อแรก และก็ลองขออีก 1 เม็ด พอหักดูแล้ว มีลักษณะที่แตกต่างกัน เพราะปกติเนื้อด้านในจะเป็นสีขาวล้วน




หลังจากตรวจพบก็รีบโทรไปแจ้งที่โรงพยาบาลทันที เพื่อให้ทางโรงพยาบาลได้ระวังยาประเภทนี้ เพราะไม่ใช่ความผิดของ ร.พ. แต่เป็นบริษัทฯ ผู้ผลิตยา พร้อมกับยินดีให้รูปถ่ายถ้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเสมอ

จึงอยากให้เพื่อนๆ ระวังก่อนจะกิน สังเกตได้ว่า! ยาติดได้ Exp. date ปี 12 แต่เนื้อด้านในเปลี่ยนไปแล้ว

ดูผู้ชายให้ดูที่"นิ้ว" หนุ่มแบบไหนเหมาะเป็นผู้นำครอบครัว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
28 ตุลาคม 2553 09:33 น.

By Lady Manager



อีกครั้งกับอ.สุวิมล พันธุ์วิชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันศาสตร์แห่งชีวิต ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์โหงวเฮ้ง (ภรรยาของอ.ภานุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดังผู้เชี่ยวชาญการดูฮวงจุ้ย) ซึ่งวันนี้อ.มาให้ข้อมูลสาวๆ ถึงเทคนิคการดูผู้ชายจาก “นิ้ว” ว่าเขาเป็นคนอย่างไร เอาการเอางานมั้ย อยู่ติดบ้านติดช่องรึเปล่า ใส่ใจคนข้างกายมากน้อยขนาดไหน ฯลฯ

เพียงคุณหลอกให้เขาหงายมือออก แล้วสำรวจลักษณะการเอียงของนิ้ว และตีความตามนี้เลยค่ะ ทั้งนี้กำชับเสมอว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

นิ้วชี้เอนเข้าหานิ้วกลาง
: ว้าว! แฟมิลี่แมนสุดๆ

หนุ่มแบบนี้น่าคบหา แฟมิลี่แมนเป็นที่สุดค่ะ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบอยู่กับครอบครัว ชอบอยู่กับญาติพี่น้อง หรือชอบช่วยเหลือคน ดังนั้นก็มีแนวโน้มว่า ถ้ามาก่อร่างสร้างครอบครัวกับเราแล้ว จะอยู่ติดบ้าน ไม่ไปไหนไกลตา

นิ้วชี้เบนออกไปจากนิ้วกลาง
: หนุ่มขี้รำคาญ

พวกนี้เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ค่อยชอบอยู่กับครอบครัว ขี้รำคาญ อ.สุวิมลเตือนว่า หากสาวใด เจอๆ หนุ่มแบบนี้ต้องคิดเยอะ เพราะเกิดแต่งงานไปแล้ว ไม่ค่อยชอบอยู่บ้าน ไม่ติดเรา แย่เลยง่ะ





นิ้วกลางกับนิ้วนางชิดติดกัน
: เหมาะทำสามี!

ส่วนมากพบในหมู่ชายเอเชียค่ะ เป็นลักษณะของคนที่รักพ่อแม่ รักพี่น้อง และคนในครอบครัวของตัวเอง มักจะใส่ใจคนในครอบครัวเป็นอย่างดี ถือว่าผู้ชายแบบนี้มีจิตใจอ่อนโยน รักครอบครัว ดังนั้นแนวโน้มในที่จะรักผู้หญิงที่เป็นแม่ของลูกอีกสักคน คงไม่ยากเท่าไหร่

นิ้วก้อยเบนออกจากนิ้วอื่นๆ
: หนักไม่เอา เบาก็ยังอู้

แบบนี้เป็นลักษณะของคนเบื่องานง่ายค่ะ ความอดทนน้อย เจองานอะไรที่หนักหน่อย หรือทำแล้วไม่สำเร็จก็อยากเลิกแล้วซะแล้ว อ.สุวิมลเผยว่า ผู้ชายแบบนี้เข้าทำนองหนักไม่เอา เบาก็ยังอู้ ดังนั้นเจอหนุ่มแบบนี้คงต้องคิดหนักเชียวค่ะ

กางมืออกแล้ว แต่ละนิ้วยังกอดกันแน่น
: สุภาพบุรุษขี้กลัว!

คนลักษณะนี้จะเป็นคนค่อนข้างขี้กลัวค่ะ จะไม่ค่อยกล้าแสดงออก อ.สุวิมลบอกว่า ถ้าสาวใดไปตกหลุมรักหนุ่มที่เป็นเจ้าของนิ้วลักษณะนี้ อย่าหวังรอให้เขามาจีบเลยค่ะ...ยาก คุณต้องเป็นฝ่ายจู่โจม หามุกลุยจีบเอง ทันใจกว่า

กางมืออกแล้ว นิ้วโป้งเบนออกจากมือมากๆ
: ชายใจกว้าง น้ำใจเกิน

เป็นลักษณะของพ่อหนุ่มใจกว้างค่ะ มีน้ำใจไปหมด เหมาะนักเชียวที่จะเป็นนักการเมือง ผู้แทนประชาชน ซึ่งหากได้หนุ่มแบบนี้มาครอบครอง คุณสาวๆ คงต้องดูแลสมดุลสักนิดส์ว่า จะทำอย่างไรให้เขาใจกว้างแต่พอเหมาะ อย่าไปใจกว้างใจดีกับสาวอื่นเกินควร

วิธีไช้หนี้พ่อแม่ อ่านนะ ดีมากเลย‏

วิธีใช้หนี้พ่อแม่ : ฉบับหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน
1.จงสร้างความดีให้กับตัวเอง
และ นี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก

2. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว
ก็ ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

3. ผู้ใดก็ตาม
ที่ คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษฯ

4. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน
อย่า คิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอสมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่ ฯ

5. บางคนลืมพ่อลืมแม่
อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่ ฯ ท่านยกตัวอย่าง (เรื่องจริงนะจ๊ะ)
ตัวอย่าง ที่ 1
บ้านหนึ่งพ่อมีเมีย ๔ คน เมียหลวงบอกลูกว่าพ่อเจ้าไม่ดี ลูกก็ไปด่าพ่อว่าพ่อ
แล้วมาบวชวัดนี้ บวชแล้วเดี๋ยวเป็นโน่นเป็นนี่ จนจะกลายเป็นโรคประสาท
นี่แหละบวชก็ไม่ได้ผล หลวงพ่อก็ให้ไปถอนคำพูด และขอสมาลาโทษกับพ่อเขาก่อน แล้วกลับมานั่งกรรมฐานจึงได้ผล
(กรณีนี้ หลวงพ่อจะเตือนผู้เป็นลูกบ่อยๆไม่ให้ว่าพ่อ) แต่ให้เป็นเรื่องของแม่ที่จะแก้ปัญหานี้ ซึ่งหลวงพ่อสอนไว้แล้ว
ตัวอย่าง ที่ 2
เมื่อ เร็วๆนี้ลูกฆ่าพ่อ แม่สงสารพามาเจริญกรรมฐานพอเข้าวัดมันร้อนไปหมด ปวดหัวเข้าไม่ได้นี่เวรกรรมตามสนอง ปิตุฆาต มาตุฆาต ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ทำกรรมฐานไม่ได้แน่นอน ต้องหันรถกลับ นี่เรื่องจริงในวัดนี้ ฯ

6. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้
คน ไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆน้องๆ
จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส
อัน ว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย
คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ
นี่ แหละ ท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น ฯ
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดา มารดา
ตัวอย่าง ที่ 3
"หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง"
เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้
บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ
แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่
ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ
ให้ แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง...
พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด

7. ลูกหลานโปรดจำไว้
เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่
ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล

8. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม
ไม่ จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี

9. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย
ของ พ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา.........
พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง ฯ
10. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย
คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ
นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล
ตัวอย่าง เรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว



ถ้าส่งต่อก็จะเป็นบุญแก่ตัวเองนะ

ไม่ได้บังคับ

ลงโปรแกรมนี้เสร็จแล้ว ส่งต่อให้คนอื่นด้วยนะจ๊ะ *_^

ลงโปรแกรมนี้เสร็จแล้ว ส่งต่อให้คนอื่นด้วยนะจ๊ะ *_^


โปรแกรม ความรัก

ช่างเทคนิค : ฮัลโหล สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ

ลูกค้า : ดิฉันได้นั่งนึกดูแล้วคิดว่า โปรแกรมความรัก
นี่ก็น่าสนใจ ดีนะคะ คุณช่วยกรุณาแนะนำดิฉันหน่อยได้ไหมคะว่าจะลงโปรแกรมนี้ยังไง

ช่างเทคนิค : ด้วยความยินดีครับ ไม่ทราบว่าพร้อมที่จะลงโปรแกรม หรือยังครับ

ลูกค้า : อืม... ไม่รู้เหมือนกันคะ
บอกตามตรงว่าดิฉันไม่ค่อยรู้เรื่องคอมพิวเตอร์เท่าไร
แต่ดิฉันคิดว่าน่าจะพร้อมคะ
ไม่ทราบว่าต้องเริ่มทำยังไงบ้างคะ

ช่างเทคนิค : อันดับแรกเลยคุณ ต้องเปิดใจ คุณก่อนครับ

ลูกค้า : ไม่มีปัญหาคะ
แต่ว่าตอนนี้ฉันเปิดใช้โปรแกรมอื่นอยู่ด้วย
ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาในการติดตั้งไหมคะ ถ้าฉันไม่ได้ปิดโปรแกรมพวกนี้

ช่างเทคนิค : ไม่ทราบว่าโปรแกรมอะไรหรือครับ ที่กำลังเปิดใช้งานอยู่

ลูกค้า : เดี๋ยวขอดิฉันดูนิดนึงนะคะ อืม... ก็มีโปรแกรม
"ความเจ็บปวดในอดีต"
"การไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง "
"ความริษยา"
"ความขุ่นเคือง"
และก็ "โปรแกรมความโกรธ"

ทั้งหมดที่เปิดก็มีเท่านี้คะ

ช่างเทคนิค : ไม่มีปัญหาครับ

โปรแกรมความรักจะค่อยๆ
ลบ ความเจ็บปวดในอดีต
ออกจากระบบปฏิบัติการครับ
มันอาจจะคงอยู่ในหน่วยความทรงจำ แต่ว่าจะไม่รบกวนการทำงานของโปรแกรมอื่นๆ ครับ ไม่ต้องกังวล

สำหรับโปรแกรมการไม่เห็นคุณค่าของตัวเองนั้นจะค่อยๆหายไปเอง
เพราะ ส่วนประกอบส่วนหนึ่งของโปรแกรมความรัก คือ
การเห็นคุณค่าของตนเอง

ส่วนนี้จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ จนการไม่เห็นคุณค่าตัวเองหมดไป

แต่ว่าคุณเองจะต้องปิดโปรแกรม
ความริษยา ความขุ่นเคือง และ ความโกรธลง
เพราะโปรแกรมพวกนี้จะขัดขวาง ไม่ให้โปรแกรมความรักสามารถติดตั้งได้
รบกวนช่วยปิดโปรแกรมพวกนี้ ก่อนได้ไหมครับ


ลูกค้า : บอกตามตรงเลยนะคะ

ดิฉันไม่รู้จริงๆ คะว่าจะปิดโปรแกรมพวกนี้ ยังไง

ช่างเทคนิค : เข้าไปที่ Start Menu นะครับ
แล้วเรียกโปรแกรมการให้อภัยขึ้นมา
ต้องเปิดโปรแกรมนี้เรื่อยๆ จนกว่า
ความริษยา ความขุ่นเคือง และก็ความโกรธ
จะถูกลบออกไปจนหมด

ลูกค้า : ได้คะ.... เสร็จแล้วคะ
ตอนนี้โปรแกรมความรัก เริ่มที่จะติดตั้งอัตโนมัติแล้วคะ
แต่เอ...นี่เป็นปกติของโปรแกรมใช่ไหมคะที่ติดตั้งด้วยตัวมันเอง

ช่างเทคนิค : ใช่ครับ แต่อย่าลืมนะครับว่า
นี่เป็นเพียงโปรแกรมพื้นฐานเท่านั้น
คุณจะต้องติดต่อกับ หัวใจดวง อื่นๆ
เพื่อที่จะได้ upgrade โปรแกรมความรักให้มี version ที่สูงขึ้น

ลูกค้า : อุ้ย.... มีข้อความผิดพลาดขึ้นที่หน้าจอ บอกว่า
"โปรแกรมไม่สามารถติดต่อออก ไปสู่ภายนอกได้"
ดิฉันควรทำยังไงดีคะ

ช่างเทคนิค : ไม่ต้องตกใจครับ
นั่นแสดงว่าตอนนี้โปรแกรมความรักได้ติดตั้งอยู่ภายในใจคุณเรียบร้อยแล้วครับ
แต่ที่โปรแกรมยังไม่สามารถใช้งานได้
ก็เพราะว่าคุณ
ต้องเริ่ม รักตัวคุณเองก่อน จากนั้นคุณถึงจะรักคนอื่นได้

ลูกค้า : แล้วดิฉันควรจะทำยังไงคะ
ช่างเทคนิค : คุณช่วยเลื่อนการยอมรับตัวเองลงมาหน่อยได้ไหมครับ จากนั้นให้คลิกที่ไฟล์
"การยกโทษให้ตนเอง"
"การรู้ถึงคุณค่าของตัวเอง" และ
การยอมรับถึงความจำกัดในตัวคุณ"

ลูกค้า : ได้คะ... เสร็จแล้วคะ

ช่างเทคนิค : โอเคครับ
จากนั้นก็ก๊อปปี้ไฟล์พวกนี้เข้ามาในไดเร็กทอรี่ "ใจฉัน"
ระบบจะทำการจัดการไฟล์ที่มีปัญหา
รวมทั้งแก้ไขโปรแกรมต่างๆที่มีข้อผิดพลาด

แต่ว่าคุณจะต้องลบไฟล์
"การพูดถึงตัวเองในแง่ลบ" และ "ไฟล์การตัดสินผู้อื่น"
ออกจากทุกๆไดเร็กทอรี่นะครับ

และอย่าลืมเข้าไปลบอีกที ใน Recycle Bin นะครับ
เพื่อให้มั่นใจว่าไฟล์พวกนี้ถูกลบจนหมด
และไม่มีทางกลับเข้ามาทำความยุ่งยากได้อีก

ลูกค้า : ทราบแล้วคะ เอ๊ะ ! มีไฟล์ใหม่ๆ เกิดขึ้นในหัวใจตั้งเยอะคะ
" ยิ้ม "
กำลังวิ่งเล่นอยู่บนหน้าจอ
"สันติสุข"
และ
"ความยินดี"
กำลังก๊อปปี้ตัวเองอยู่ทั่วไปภายในใจฉัน
นี่เป็นปกติหรือเปล่าคะ

ช่างเทคนิค : ครับ บางครั้งสำหรับบางคนอาจต้องใช้เวลาหน่อย
แต่ท้ายที่สุดสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
ตอนนี้โปรแกรมความรักได้ติดตั้ง
และเปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

มีอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอก
ก่อนที่จะวางสายครับ
ความรักเป็นโปรแกรมให้เปล่า
อย่าลืมแบ่งปันให้คนอื่นนะครับ

ความรักที่คุณให้ไปจะไม่เหมือนกันในแต่ละคน และความรักนี้จะถูกส่งต่อไปยังคนอื่นๆ
และส่วนหนึ่งก็จะกลับคืนมาสู่ตัวคุณด้วย
และเมื่อนั้นความรักของคุณก็จะมีการพัฒนาขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

ลูกค้า : ดิฉันให้สัญญาคะว่าจะแบ่งปันโปรแกรมความรักให้กับคนอื่นๆ
รบกวนขอทราบชื่อของคุณหน่อยได้ไหมคะ

ช่างเทคนิค : เรียกผมว่า "ผู้ชันสูตรจิตใจ" หรือ
"เราเป็น" (I AM)
ก็ได้ครับ
คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาจะต้องไปตรวจสุขภาพจิตใจปีละครั้ง
เพื่อให้หัวใจเขามีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
แต่ผู้ที่สร้างใจ (ผมเอง) ขอแนะนำว่า ไม่จำเป็น
เพียงแต่ คุณคอยหมั่นดูแลความรักให้คงอยู่ในแต่ละวัน


ก็เพียงพอแล้ว

ลองเล่นดู แล้วคุณจะร้อง "เฮ้ย" รู้เบอร์เราได้ไง!!!

วันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ขับรถอย่างไรเมื่อเจอน้ำท่วม?‏



ช่วง นี้ทั่วทุกภาคของประเทศกำลังรับมือกับฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงจนสร้างปัญหาให้หลายครัวเรือน ขณะเดียวกันความช่วยเหลือจากหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงคนไทยทั่วประเทศพร้อมส่งกำลังใจ และให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ

ก่อน อื่นถ้าต้องลุยน้ำจริงๆ เราควรคะเนระดับน้ำคร่าวๆ และพิจารณาความสูงของรถคุณเองว่าน่าจะฝ่าไปได้ไหม ซึ่งถ้าเป็นรถเก๋งบ้านๆทั่วไป แล้วน้ำสูงประมาณ 5 - 10 ซม. ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าสูงกว่านั้นหรือเริ่มปิ่มๆท่อไอเสียก็ต้องระวังแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับแรกคือปิดแอร์ เพราะถ้าพัดลมแอร์ทำ งานอยู่ มันจะพัดน้ำที่อยู่บนถนนกระจายไปทั่วห้องเครื่อง ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับได้ ขณะเดียวกันช่วงน้ำท่วมมักมีเศษขยะต่างๆลอยน้ำมา แล้วอาจเข้าไปพันติดกับมอเตอร์พัดลม หรือเกี่ยวใบพัดจนเสียหาย ส่งผลต่อระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์ได้เช่นกัน
ที่สำคัญควรขับช้าๆ ใช้เกียร์ต่ำ หรือถ้ารถเป็นเกียร์อัตโนมัติก็เลื่อนไปที่เกียร์ L และต้องเลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 รอบ ต่อนาที ส่วนบางคนที่กลัวว่าน้ำจะเข้าท่อไอเสีย แล้วยิ่งเร่งเครื่องยนต์เพราะกลัวเครื่องดับนั้นต้องบอกว่าอย่าเด็ดขาด! ไม่เช่นนั้นพวกคลื่นน้ำที่เราดันไปข้างหน้า อาจทะลักกลับมายังห้องเครื่องได้ ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าน้ำทะลักเข้าไปยังท่อไอเสียบ้างเครื่องยนต์ยังไม่ดับ เพราะที่รอบเดินเบา ท่อไอเสียจะมีแรงดันให้น้ำออกมาได้สบาย แต่ถ้าท่วมมิดหรือระดับน้ำสูงถึงเครื่องยนต์หรือฝากระโปรงอย่างนั้นไม่รอด แน่นอน

ขณะ เดียวกันหากขับรถผ่านน้ำท่วมจนถึงจุดหมายแล้ว ก็ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที ควรทิ้งไว้สักพักเพื่อให้น้ำที่อาจจะค้างอยู่ในหม้อพักไอเสียระเหยออกให้หมด นอกจากนั้นควรย้ำเบรก (สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ) เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก และย้ำคลัทซ์(ในรถเกียร์ธรรมดา)เพื่อป้องกันคลัทซ์ลื่น

ส่วน ใครที่นำรถไปลุยน้ำ แล้วรุ่งเช้าพบอาการเบรกติด ก็ให้ลองสตาร์ทเครื่อง แล้วเข้าเกียร์หนึ่ง เดินหน้าไปเล็กน้อย จากนั้นกระทืบเบรกให้แรงที่สุด จากนั้นก็ทำแบบนี้อีกครั้งแต่เปลี่ยนเป็นเข้าเกียร์ถอยหลัง ทำสลับกันไปเรื่อยๆ จนอาการหาย แต่ถ้าไม่หายหรือมีอาการผิดสังเกต ก็รีบนำเข้าศูนย์บริการโลด!

เอาเป็นว่าถ้าเจอน้ำท่วมเลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่ถ้าต้องลุยก็นำวิธีการข้างต้นไปลองใช้ พร้อมหมั่นตรวจเช็ครถอย่างสม่ำเสมอแล้วกัน

ดูแลสุขภาพนะ เป็นห่วงจริง ๆ‏

เรื่องจริงที่ต้องบอกต่อ เพราะว่าห่วงใยทุกคน (เขาเป็นลูกชายของคุณหมอที่หัวหน้าเราไปรักษา )

อ้อ

Subject : ไข้หวัด 2009 ลงเข้าสู่หัวใจโดยตรง อยากให้ทุกคนอ่านเพื่อเป็นกรณีศึกษานะคะ เพราะมันอันตรายจริงๆ



เป็นอุทาหรณ์นะคะ ได้รับเมล์โพสต์แล้ว เตือนให้ระวังตัวจากโรคระบาด

กรณีเรื่องนี้ คือลูกหมอที่พี่รักษาประจำ คุณหมอยังปิดคลีนิคอยู่เลย

เสียใจมากกับเรื่องนี้ ถึงแม้จะฉีดวัคซีน ก็ยังต้อง กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ นะคะ



ปรารถนาดีค่ะ


--------------------------------------------------------------------------------

----- Original Message -----

ดูแลตัวเองด้วย ไข้หวัด 2009 กำลังระบาดหนัก
กรณีนี้ หมอไม่รู้ว่าเชื้อไปลงที่หัวใจ คงจะเป็นคนแรกที่เชื้อไปลงที่หัวใจ ปรดช่วยกันส่งต่อด้วยนะคะ

น้องน้ำเพชร เรียนที่ รร. เซ็นคาเบรียล อยู่ชั้น ม. 3
เป็นเพื่อนกับหลานสาวเราเอง ...
วันศุกร์ที่ 10/9/53 ได้ไปงานศพที่วัดเซ็นต์หลุยส์
น่าเสียดายเด็กอายุ 14 ปี กำลังจะไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ
กลับต้องมาจากไปก่อนเวลาอันสมควร...

อยากให้ทุกคนอ่านเพื่อเป็นกรณีศึกษานะคะ เพราะมันอันตรายจริงๆ

น้ำเพชร น้องชายคนเดียวอายุ14ปี ของบ้านซึ่งเค้าเปนไข้หวัด2009 ตอนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งครอบครัวเสียใจเปนอย่างมาก เราก้ไม่รู้หรอกว่าน้องเค้าเปนอะไร ไปตรวจดูเชื้อก็ไม่พบ อาการ ที่น้องเปนคือ วันแรกมีไข้ขึ้นสูงมากกกก วันที่ 2 เจ็บหัวใจและหายใจไม่ออก วันสุดท้ายคือวันที่3หน้าซีดและอาเจียน ไม่สามารถกินอะไรได้ตั้งแต่วั! นจันทร์ต อนเย็นแล้ว เมื่อเวลา4โมงครึ่ง ฉันและพ่อได้พาน้องไปโรงพยาบาล เมื่อกำลังจะถึงโรงพยาบาลน้ำเพชรเกิดอาการช๊อค กำมือแน่น ตาเหลือก และอ้าปาก มีฟองออกจากจมูกน้องของฉัน วินาทีนั้นฉันไม่รู้จะทำอย่างไรดี หัวใจของน้องฉันหยุดเต้นแล้ว พอถึงโรงพยาบาล ก้เค้าห้องฉุกเฉิน พ่อของฉันซึ่งเป็นหมอ ก็พยายามปั้มหัวใจให้น้องฉัน ให้พยายาบาลและหมอในโรงพยาบาลอีกหลายท่านมาช่วยกัน แต่ก้ไม่สามารถช่วยไว้ได้ทัน ทำอย่างไรก็ช่วยไม่ได้จริงๆ น้องของฉันถูกปั้มหัวใจอยู่8ชั่วโมง แต่มันไม่ช่วยให้น้องของฉันฟื้นขึ้นมาเลย

พ่อของฉันได้มานั่งคิดดูถึงสาเหตุที่ตรวจเชื้อไวรัสไม่เจอ พ่อของฉันบอกว่า การที่ตรวจเชื้อนี้ตรวจที่หลอดลมและปอด แต่กรณีน้องชายของฉันเชื้อนี้ไม่ได้ลงที่ปอด แต่ไปลงที่หัวใจ ซึ่งผลออกมาเลยไม่ทราบว่าน้องชายของฉันเป็นโรคอะไร

น้องชายของฉันได้ไปทำพาสปอร์ต เมื่อวันจันทร์ที่ 6 /09/10 ได้ติดเชื้อจากที่นั่น พ่อของฉันก็ไปด้วยกันกับน้อง และเมื่อพ่อกลับมาพ่อของฉันเจ็บคอมากไม่สามารถพูดได้เลย และพ่อของฉันก็เลยทานยาและให้น้ำเกลือจึงทำให้หายเจ็บคอ พ่อบอกว่าเชื้อนี้มันลงที่คอพ่อ น้องชายของฉันไปทำพาสปอร์ตเพราะได้ทุนที่จะไปเล่นดนตรีไทยที่ไต้หวันวันที่ 7 ตุลา 2010

ฉันจึงอยากบอกให้ทุกคน ดูแลรักษาร่างกายของตนเองดีๆ ห้ามเข้าไปในที่แออัด ระบบหมุนเวียนอากาศไม่ดี มีโอกาสติดเชื้อมาก ไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ! ด้วยนะคะ และฝากส่งข้อความนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อว่าการตายของน้องชายของฉันจะได้ไม่สูญเปล่า และทำให้คนไทยหลายๆ คนไม่เป็นแบบน้องชายของฉัน

ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองทุกท่านคะ :)

การดื่มน้ำ

Subject: Re: Fw: การดื่มน้ำ
ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ
ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ
1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่
2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว
3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น
4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น
5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น
เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ
ตัวเองหรือยังครับ
ข้อหนึ่ง เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ
น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน
ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่
ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน
น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก
ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ
แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน
ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด
นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว
(แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ
ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
สูตรคือ
(น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้
ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ
ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกัน
สารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย
บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงละครับ
น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ
แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ
ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย
กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะ
และลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา
เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้
แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกัน
จนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว
ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไป
จิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ
คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว
เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิด
ผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร
เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูด
เข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ
ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที
ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ
และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ
ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว
อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร
กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ
ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ
เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ)
หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว
เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ
ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า
เลิกเบียร์กันไป แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด
เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ
พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ
โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่นส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ

หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม
สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ
เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน
สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย
สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี
เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน
มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ
ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม
เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง
ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร
อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ
ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ
พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย
แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย
รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย
กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ
เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง
ขอแถมนิดนึง...... คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ
ครบห้าข้อแล้ว .......ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชนว่าไปนั่น
ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ
หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง
เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน
สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง
ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ
อย่าลืม.....ความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก

ดื่มน้ำเย็นไม่เป็น อันตราย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ

Subject: FW: ดื่มน้ำเย็นไม่เป็น อันตราย นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ




ผู้เขียนได้รับอีเมล์ฉบับหนึ่ง
จั่วหัวว่า “ ดื่มน้ำเย็น
สดชื่นดี แต่อันตราย ”
พอเปิดอ่านตอนแรกก็ตกใจ
เพราะปัจจุบันใครๆ
ก็ดื่มน้ำเย็นกันทั้งนั้น
โดยข้อความที่ส่งต่อๆ
กันมามีใจความว่า “
เวลาได้กินน้ำเย็นๆ
สักแก้ว
หลังอาหารมันรู้สึกชื่นใจดีใช่มั้ยครับ
แต่ว่าน้ำเย็นจะทำให้ไขมันที่คุณเพิ่งกินเข้าไปจับตัวเป็นไขขึ้นมา
ซึ่งจะส่งผลให้การย่อยอาหารช้าลง
ถ้าคราบไขมันทำปฏิกิริยากับกรด
มันจะแตกตัวแล้วถูกดูดซึมไปที่ลำไส้
ไขมันที่แตกตัวนี้จะดูดซึมได้เร็วกว่าอาหารทั่วไปแล้วจะเคลือบลำไส้เราไว้
ในไม่ช้ามันก็จะแปรสภาพเป็นไขมันก้อนๆ
และเป็นบ่อเกิดของมะเร็งในที่สุด
ดังนั้นควรดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารดีกว่า”


เกี่ยวกับเรื่องนี้
นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ผอ.ศูนย์เวชศาสตร์
อายุรวัฒน์นานาชาติ
อธิบายว่า
ความจริงการดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร
คงไม่เป็นอันตราย
ถึงขั้นทำให้ไขมันจับตัวเป็นไข
เป็นก้อนขนาดนั้น
เพราะปกติอุณหภูมิร่างกายคนเราอยู่ที่ประมาณ
37 องศาเซ! ลเซียสน้ำที่เราดื่มเข้าไปถึงจะเย็น
แต่ร่างกายเราร้อนอยู่แล้ว
ก็จะเปลี่ยนให้เป็นน้ำอุ่นๆ
อยู่ดี
ไขมันกว่าจะจับกันเป็นก้อนแข็ง
ต้องอาศัยอุณหภูมิเหมือนอยู่ในตู้เย็น
3 - 4 องศาเซลเซียส
กรณีนี้จึงเป็นข้อความหลอก

ถ้าถามว่า
เราควรจะดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดี
ก็ต้องขอเรียนว่า
น้ำเย็นจะช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้ดีกว่าน้ำอุ่น
เพราะว่าน้ำเย็นดูดซึมได้เร็วกว่า
ตรงนี้เป็นข้อมูลจากสถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬาของสหรัฐ
เขาบอกเลยว่า
น้ำที่ควรจะดื่มถ้าอยากให้สดชื่น
ออกกำลังกายได้อึดขึ้น
อุณหภูมิควรอยู่ที่ประมาณ
15 - 22 องศาเซลเซียส
หรือง่ายๆ คือ
ให้ดื่มน้ำที่อุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย


ไม่มีงานวิจัยฉบับไหนเลย
ที่บอกว่าดื่มน้ำเย็นแล้วจะเป็นมะเร็ง

อีเมล์ในลักษณะนี้มีการส่งต่อกันไปทั่ว
แม้แต่ในต่างประเทศ
ดูเหมือนจะเป็นวิชาการ
แต่กลับไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มารับรอง
ทำให้คนกลัวกันมาก
ดังนั้นคนที่ได้รับอีเมล์จะต้องใช้วิจารณญาณให้ดี

การดื่มน้ำเย็นเป็นผลดีด้วยซ้ำ
เพราะจะช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย
เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำอุ่นขึ้น
โดยน้ำ 1 แก้ว
จะช่วยเผาผลาญไขมันประมาณ
9 กิโลแคลอรี
ถ้าเราดื่มน้ำ 8
แก้วก็จะเผาผลาญไขมันได้ถึง
70 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว
นั่นก็หมายความว่า
ยิ่งดื่มน้ำมาก
ก็จะยิ่งช่วยลดความอ้วน
แต่ในคนที่กำลังลดความอ้วน
ลดปริมาณอาหารแต่ลืมดื่มน้ำ
ต้องระวัง
เพราะน้ำหนักจะไม่ลง
เพราะน้ำคือตัวช่วยทำให้ไขมันสลายเร็วขึ้นนั่นเอง

ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า
การดื่มน้ำมากๆ
ไตจะทำงานหนักไปหรือไม่
ก็ต้องบอกว่า
น้ำจะเป็นพิษต่อร่างกายนั้น
ต้องดื่มมากเป็น 10 ลิตร
อย่างเช่น
กรณีการรับน้องแบบพิเรนทร์ๆ
ที่เราเห็นข่าวกัน
ส่วนคนทั่วไปดื่มน้ำอย่างเก่งสัก
5 ลิตรก็ไม่เป็นอะไร

ดังนั้นไม่ว่าจะดื่มน้ำเย็น
น้ำร้อน
หรือน้ำอุณหภูมิปกติ
ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
หลักการง่ายๆ ! คือ น้ำเ ย็น
ควรดื่มเวลาออกกำลังกาย
จะดูดซึมเร็ว
แต่มีข้อห้ามในผู้หญิงที่มีประจำเดือน
ไม่ควรดื่มน้ำเย็น
เพราะจะยิ่งทำให้ปวดท้องมากขึ้น
ส่วนน้ำอุ่น
ควรดื่มเพื่อกระตุ้นลำไส้
ทำให้ลำไส้บีบตัวดี เช่น
เวลาท้องเสีย เจ็บคอ
เป็นหวัด
นพ.กฤษดา บอกว่า
ใครที่ไม่อยากแก่
ต้องดื่มน้ำมากๆ
เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้น
เนื่องจากผิวที่แก่เกิดจากการขาดน้ำ
การดื่มน้ำมากๆ
ยังช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง
แต่ถ้าดื่มน้ำน้อย
โดยเฉพาะในผู้ชายอาจทำให้น้ำไปเลี้ยงอสุจิไม่พอ
ทำให้อสุจิไม่แข็งแรง
และเซ็กซ์เสื่อมได้
ในคนที่มีอาการคล้ายจะเป็นหวัด
เช่น ปากแห้ง ตาแห้ง
อย่าเพิ่งกินยา
ให้ดื่มน้ำมากๆ
สักพักจะหายได้
โดยไม่ต้องพึ่งยา
ที่เป็นเคล็ดสำหรับคนดื่มเหล้า
คือ
ถ้ากลัวว่าจะแฮงก์ควรดื่มน้ำตามเข้าไปประมาณ
4 เท่าของเหล้าที่ดื่มก็จะช่วยได้


แต่ละวันเราควรดื่มน้ำมากน้อยแค่ไหน
? นพ.กฤษดา บอกว่า
ควรดื่มน้ำตามน้ำหนักตัว
คือ ดื่มน้ำ 1 ออนซ์
ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
ถ้าน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม
ก็ต้องดื่มน้ำ 60 ออนซ์
โดยน้ำ 1 ออนซ์ก็ประมาณ 30
ซีซี คนน้ำหนัก 60 กิโลกรัม
ก็ต้องดื่มน้ำประมาณ 1,800
ซีซี

นมแคลเซียมสูง - สำคัญมากๆ

Subject: นมแคลเซียมสูง-สำคัญมากๆ


นมแคลเซียมสูง' กำลังเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะในวัยผู้สูงอายุและมีราคาแพงกว่า 'นมแบบปกติ' จึงเป็นที่มา ของคำถามว่าเราจำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อซื้อ 'นมแคลเซียม สูง' จริงหรือ ? พบ'ความจริง'ของการตลาดนม แคลเซียมสูง' ได้ที่นี่
นมวัวเป็น แหล่งแคลเซียมที่สำคัญ เพราะในนมสด 1 แก้ว ( 200 มิลลิลิตร) จะมีแคลเซียม 240 มิลลิกรัม ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูง จึงมีคำถามที่ควรหาคำตอบว่า... เหตุใดยังต้องมีนมแคลเซียมสูงออกมาวางขายอีก ?!?
ในปัจจุบันจะสังเกตได้ว่า บรรจุภัณฑ์ของนมแคลเซียมสูงมีลักษณะดึงดูดผู้ บริโภคทุกเพศทุกวัย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการสื่อสารประชาสัมพันธ์ได้ผลดี แม้แต่นมถั่วเหลือง ที่ถูกโจมตีว่าแคลเซียมต่ำ ก็หันมาเติมแคลเซียมเพื่อลดจุด อ่อนของผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขันในตลาด ตอนนี้จึงกลายเป็นว่าเอะอะอะไร ก็ต้อง 'แคลเซียมสูง' ไว้ก่อน แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจจริงๆ ว่า การที่นมมีแคลเซียมสูงนั้น ไม่สำคัญเท่ากับการที่ 'ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ '
จากการสำรวจ ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่ง เราได้เลือกหยิบนมพร้อมดื่มและนมถั่วเหลืองพร้อมดื่ม แบ่งเป็นนมโค 3 ยี่ห้อ ได้แก่ แอนลีน นูต้าแม็กซ์ ฟาร์มโชคชัย และโฟรโมสต์ แคลซีแม็กซ์, นมถั่ว เหลือง 4 ยี่ห้อ ได้แก่ แลคตาซอย ดีน่า ไวตามิลค์ และวีซอย ซึ่งล้วน อ้างว่ามี 'แคลเซียม สูง' มาทดสอบหาปริมาณแคลเซียม

จากการทดสอบ พบว่า...

- นมโค ยี่ห้อ แอ นลีนและโฟรโมสต์ แคลซีแม็กซ์ มีปริมาณ แคลเซียมสูงกว่านมธรรมดาจริง ขณะที่ยี่ห้อ นูต้าแม็กซ์ ฟาร์มโชคชัย มีปริมาณแคลเซียมน้อยกว่านมโคธรรมดา
- ส่วนนมถั่ว เหลืองนั้น มีทั้งแบบที่มีแคลเซียม 'ต่ำกว่า' 'สูงกว่า' และ 'ใกล้เคียง'กับนมโคธรรมดา ทั้งนี้ ยี่ห้อ วีซอย สูตรน้ำตาลน้อย มี แคลเซียมมากที่สุด ที่ 173 มก./ 100 มล. ส่วน แลคตาซอย มี แคลเซียมน้อยที่สุด ที่ 66 มก./ 100 มล.
- ปริมาณแคลเซียมส่วนใหญ่มีความใกล้เคียงกับฉลาก โภชนาการที่ระบุไว้ข้างกล่อง ยกเว้น ยี่ห้อนูต้าแม็กซ์ ฟาร์มโชคชัย ทั้ง 2 สูตร ที่มีปริมาณ แคลเซียมที่แท้จริงน้อยกว่าปริมาณที่ระบุในฉลากค่อนข้างมาก ส่วนนมถั่วเหลืองที่มีแคลเซียมน้อยกว่าที่ฉลาก ระบุ คือ ดีน่า สูตรผสมน้ำแครอท และวีซอย สูตรไม่มีน้ำตาล
แคลเซียมสูง...ไม่สำคัญ เท่าการดูดซึม
จากการสอบถาม ผศ.ดร.สมศรี เจริญเกียรติกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ทราบ ว่าการดื่มนม หรือนมถั่วเหลืองแคลเซียมสูงไม่มีดีไปกว่าการดื่มนมธรรมดา เพราะแม้นมจะมีปริมาณแคลเซียมสูงกว่าจริง แต่ร่างกายของเราจะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมไป ใช้ได้ทั้งหมด สืบเนื่อง จากกระบวนการดูดซึมแคลเซียมของร่างกาย ซึ่งหากบริโภคแคลเซียมปริมาณมากในครั้งเดียว ร่างกายจะดูดซึมน้อย แต่หากทยอย บริโภคทีละนิด ร่างกายจะดูดซึมได้มากขึ้น
นอกจากนี้ กระบวนการดูดซึมแคลเซียมยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น การดื่มนมขณะท้องว่าง ซึ่งร่างกายจะดูดนำไปใช้ได้น้อยกว่าตอนที่ท้องไม่ว่าง รวมทั้งแคลเซียมไม่ได้มีแค่ในนมเท่านั้น อาหารประเภทอื่นๆ ก็มีแคลเซียมเช่นกัน เช่น เต้าหู้แข็ง ถั่ว งา ปลาเล็กปลาน้อย ปลากรอบ ปลาป่น กะปิด กุ้งแห้ง ผักคะน้า และผักกวางตุ้ง
ความจริงเกี่ยวกับ 'แคลเซียม' และ ความคลุมเครือในโฆษณา
- การระบุ แคลเซียม- 10 ที่มีขนาดเล็กกว่าแคลเซียมธรรมดา 10 เท่า ซึ่งเรามัก เข้าใจว่าจะสามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้ดีกว่านั้น ความจริงแล้วการดูดซึมของร่างกายจะเป็นไปตามกระบวนการที่ระบุไว้ข้างต้น นอกจากนี้ ความจริงแล้วขนาด ของแคลเซียมมีเพียงขนาดเดียวเท่านั้น!!
- การที่ ระบุว่า การบริโภคนมแคลเซียมสูงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ ต้องบริโภค 'วิตามิน เค' ให้สูงตามไปด้วย โดยอ้างว่าวิตามิน เค อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันการสลายตัวของแคลเซียมนั้น ความจริงแล้วร่างกายเราสามารถผลิตวิตามิน เค ได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องบริโภคจากภายนอก
- การที่ ระบุว่า นมแคลเซียม 1 กล่องมีปริมาณแคลเซียมสูงกว่าปกติ 4 เท่า นั้น เป็นความจริง แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็ญสำคัญคือเรื่องการดูดซึมเข้าร่างกาย
- การที่ ระบุว่า มีการผสม 'โอลิโก ฟรุกโตส' ในนมแคลเซียมสูง โดยอ้างว่า'โอลิโก ฟรุกโตส'อาจช่วย เรื่องการดูดซึมแคลเซียมนั้น ความจริงจากการวิจัยพบ ว่าเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน และจำเป็นต้องได้รับการวิจัยต่อไปอีกมาก


-------------------------------------------
ที่มา นิตยสาร ′ ฉลาดซื้อ ′ ฉบับที่ 90 โดย กองบรรณาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

คีโมกับมะเร็ง เรื่องจริงที่หมอไม่ได้บอก

คีโมกับมะเร็งและการดำรงชีวิต ( ดีมาก ๆ)



ขอขอบคุณ ภาพจากอินเตอร์เน็ท

หลังจากหลายปีที่พูดกันว่าการทำคีโมเป็นทางเลือกเดียวที่จะ ลอง และใช้ในการกำจัดโรคมะเร็ง ในที่สุดโรงพยาบาลจอห์น ฮอพกินส์ก็เริ่มแนะนำถึงทางเลือกอื่นๆอีก

ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์

1. ทุกๆคนมีเซลมะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลมะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎด้วยวิธีการตรวจสอบตามมาตรฐาน จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซล(1,000,000,000 เซล เมื่อแพทย์บอกว่าไม่มีเซลมะเร็งในร่างกายผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับการรักษาแล้ว มันหมายถึงว่าระบบไม่สามารถตรวจสอบเซลมะเร็งได้เพราะว่าจำนวนของมันยังไม่มากพอ จนถึงระดับที่สามารถตรวจจับได้เท่านั้น

2. เซลมะเร็งเกิดขึ้นระหว่าง 6 ถึงมากกว่า 10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง

3. เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงเพียงพอ เซลมะเร็งจะถูกทำลายและป้องกันไม่ให้เกิดการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอก

4. เมื่อใครก็ตามเป็นมะเร็ง มันกำลังบอกว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยว
กับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีน สิ่งแวดล้อม อาหารและปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต

5. เพื่อเอาชนะภาวะบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ การเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารรวมทั้งสารอาหารบางอย่างจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น

6. การทำคีโมคือการให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลมะเร็งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลที่ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในไขกระดูก ทำลายระบบทางเดินอาหาร ฯลฯ และเป็นสาเหตุทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลาย เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ฯลฯ

8. การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอก ได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตามถ้าทำไปนานๆพบว่ามักไม่ส่งผลต่อการทำลายเซลเนื้องอก

9. เมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโมหรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจปรับตัวเข้ากันได้หรือไม่ก็อาจถูกทำลายลง ดังนั้นคนๆนั้นจึงอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิดและทำให้โรคมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น

10. การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกลาย พันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย การผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลมะเร็งกระจายไปทั่วร่างกาย

11. วิธีที่ดีที่สุดในการทำสงครามกับมะเร็ง คือการไม่ให้เซลมะเร็งได้รับอาหารเพื่อนำไปใช้ในการขยายตัว

อะไรคืออาหารที่ป้อนให้กับเซลมะเร็ง
< BR>a. น้ำตาลคืออาหารของมะเร็ง การตัดน้ำตาลคือการตัดแหล่งอาหารสำคัญที่จ่ายให้กับเซลมะเร็ง สารทดแทนน้ำตาลอย่างเช่น "" นิวตร้าสวีต "" "" อีควล "" "" สปูนฟูล "" ฯลฯ ล้วนทำมาจากสารให้ความหวาน ซึ่งเป็นอันตราย สารทดแทนซึ่งเป็นกลางที่ดีกว่าคือน้ำผึ้งมานูคา (จากนิวซีแลนด์) หรือน้ำอ้อย แต่ในปริมาณน้อยๆเท่านั้น เกลือสำเร็จรูปก็ใช้สารเคมีในการฟอกขาว ควรหันไปเลือกใช้ "" แบรก อมิโน "" หรือเกลือทะเลแทน

b. < /SPAN>นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร เซลมะเร็งจะได้รับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก การใช้นมถั่วเหลืองชนิดไม่หวานแทนนม จะทำให้เซลมะเร็งไม่ ได้รับอาหาร

c. เซลมะเร็งเติบโตได้ดี ในภาวะแดล้อมที่เป็นกรด อาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดขึ้น ดังนั้นจึงควรหันไปรับประทานปลาจะดีที่สุด รองลงไปคือรับประทานไก่แทนเนื้อและหมู ในเนื้ออาจมียาฆ่าเชื้อ ฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์ และเชื้อปรสิตบางประเภทตกค้างอยู่ ซึ่งล้วนเป็นอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นมะเร็ง

d. อาหารที่ประกอบด้วยผักสด 80% และน้ำผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ด ถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้จำนวนเล็กน้อย จะช่วยทำให้ร่างกายมีสภาวะเป็นด่าง อาหารอีก20% อาจได้มาจากการทำอาหารร่วมกับพืชจำพวกถั่ว น้ำผักสดจะให้เอ็นไซม์ซึ่งสามารถดูดซึมได้ง่ายและซึมทราบสู่ระดับเซลภายใน 1 นาที เพื่อบำรุงร่างกายและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลที่ดี เพื่อให้ได้เอ็นไซม์ในการสร้างเซลที่ดี ให้พยายามดื่มน้ำผักสด ( ผักส่วนใหญ่รวมทั้งถั่วที่มีหน่อหรือต้นอ่อน) และรับประทานผักสดดิบ2-3 ครั้งต่อวัน เอ็นไซม์จะถูกทำลายได้ง่ายที่อุณหภูมิ140 องศา F ( ประมาณ 4 องศา C)

e. ให้หลีกเลี่ยงกาแฟ น้ำชา และช๊อ กโกแลต ซึ่งมีคาเฟอีนสูง ชาเขียวถือเป็นทางเลือกที่ดีและมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง น้ำดื่มให้เลือกดื่มน้ำบริสุทธิ์ หรือที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา น้ำกลั่นมักมีสภาพเป็นกรด ให้หลีกเลี่ยง

12. โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยาก และต้องการเ อ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย เนื้อสัตว์ที่ไม่สามารถย่อยได้ในระบบทางเดินอาหารจะเกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้น

13. ผนังของเซลมะเร็งจะมีโปรตีนห่อหุ้มไว้ การงดหรือการรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง จะทำให้มีเอ็นไซม์เหลือมากพอมาใช้โจมตีกำแพงโปรตีนที่ห่อหุ้มเซลมะเร็ง และช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น

14. สารอาหารบางอย่างอาจช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ( สารIP6 [inositol hexaphosphate หรือ phyti acid],สาร Flor-essence, สาร Essiac, สารแอนตี้-อ๊อกซิแดนส์ , วิตามิน , เกลือแร่ , EFAs ฯลฯ) เพื่อช่วยให้เซลของร่างกายสามารถกำจัดเซลมะเร็งได้ดีขึ้น สารอาหารอื่นๆเช่น วิตามินอี เป็นที่ทราบกันดีว่าทำให้เกิดการตายลงของเซล หรือ กำหนดระยะเวลาการตายของเซล ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายในการกำจัดเซลที่ถูกทำลาย ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการ หรือไม่มีประโยชน์ออกไป

15. มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณ การป้องกันเชิงรุกและการคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดจากการทำสงครามกับมะเร็ง.... ความโกรธ การไม่รู้จักให้อภัย และความขมขื่นใจ จะทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและมีสภาวะเป็นกรดเพิ่มขึ้น ให้เรียนรู้ที่จะมีความรักและจิตวิญญาณแห่งการให้อภัย เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายและมีความสุขกับชีวิต

16. เซลมะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีอ๊อกซิเจนเป็นจำนวนมาก การออกกำลังกายทุกวัน และการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเพิ่มขึ้นลงไปจนระดับเซล การบำบัดด้วยอ๊อกซิเจนถือเป็นวิธีการอีกอย่างที่ใช้ในการทำลายเซลมะเร็ง

( กรุณาช่วย Forward ไปยังบุคคลที่คุณรักและห่วงใย )
นี่คือเรื่องที่คุณควรส่งออกไปให้คนที่มีความสำคัญกับชีวิตคุณได้รับรู้รับทราบ

ขอแปะก้วยด้วยนะ 55555555

ขอแปะก้วยมาด้วยนะ....555




เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
และก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกันที่น้องออกเสียงว่า ''น้อง! ถั่วแดงเย็นถ้วย ขอแปะก้วยมาด้วยนะ''

สักครู่ก็มีบริกรเสียงพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดมาถามว่า " พี่ แปะข้าหน้าเลอเหลอ ".

น้องจิระศักดิ์ก็ตอบชัดๆว่า " ครับ " .......

แล้วก็ได้ของหวานอย่างที่เห็นนี่แหละ..55555








เวลาพิมพ์ผิดต้องทำแบบนี้

dtac lucky email

dtac lucky email

วันอังคารที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ค่าบาทแข็งคนได้ไม่พูด ส่งออกรายใหญ่อ้างSMEs

ค่าบาทแข็งคนได้ไม่พูด ส่งออกรายใหญ่อ้างSMEs


บาทแข็งนำเข้าน้ำมันถูกลงแต่ในประเทศแพง วัตถุดิบนำเข้าถูกลง แต่กลุ่มได้ประโยชน์ไม่พูด เรื่องค่าแรงอมมาสิบปี ลูกจ้างจะเอาคืนปีเดียวกลับโวย
เงินบาทในประเทศแข็งค่าสุดในรอบ 13 ปีเมื่อต้นกันยายน อยู่ที่ระดับ 30.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกับสกุลเงินเอเชีย ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เคลื่อนไหวที่ 29.94 บาท และปิดตลาดที่ 30.04-30.06 บาท เสียงดังที่สุดว่าเดือดร้อนเสียหายมากคือกลุ่มส่งออก และได้เร่งรัดธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลังออกมาตรการดูแลค่าเงินบาท เรื่องนี้ รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความเห็นแตกต่าง
สถานการณ์บาทแข็ง ผู้ประกอบการส่งออกกังวลมาก จะส่งผลกระเทือนเศรษฐกิจไปอีกหลายภาคส่วน
ผมว่าไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มันโอเวอร์ เอ็สทิเมท(over estimate) คือมองอะไรคาดการณ์ให้เกินจริงไป เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ ถามว่ากระทบไหม กระทบแน่นอน มากไหม ก็พอสมควรอยู่แหละ แต่ถามว่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจของชาติมากน้อยแค่ไหน อันนี้เราไม่สามารถสรุปว่าการกระทบกระเทือนต่อการส่งออก จะกระทบถึงเศรษฐกิจของชาติโดยรวม เหตุเพราะว่าลักษณะเศรษฐกิจไทย ระหว่างมูลค่านำเข้าและการส่งออกใกล้เคียงกัน ถ้าถามแค่ค่าเงินบาทแข็งกระทบผู้ส่งออกใช่ไหม ใช่ ถามผู้นำเข้าได้ประโยชน์มากขึ้นไหม แต่ผู้นำเข้าไม่พูดไง เมื่อรายได้นำเข้าและส่งออกรวมกันก็เป็นรายได้ของเศรษฐกิจของชาติ
รายใหญ่ตื่นตระหนก และยังยกธุรกิจ SMEs ขึ้นมาอ้างด้วยว่าจะอยู่ไม่ได้
มันเป็นธรรมดาทุกครั้ง ในธุรกิจรายใหญ่เมื่อเกิดปัญหาจะอ้างรายย่อยด้วยเสมอ ก็เหมือนนักการเมืองอ้างชาวบ้าน รายใหญ่ก็อ้างเอสเอ็มอี เอาจริงๆ กำไรกระจุกตัวอยู่รายใหญ่ ถามจริงๆ เอสเอ็มอีที่นำเข้ามีไหมล่ะ เอสเอ็มอีที่นำเข้าและส่งออก จะมี 3 ประเภท 1.ส่งออก โดยอาศัยวัตถุดิบภายในประเทศ 2.ส่งออก อาศัยวัตถุดิบนำเข้าเป็นหลัก 3.ไม่ส่งออก แต่นำเข้าวัตถุดิบภายนอกประเทศ 4.ไม่ได้ส่งออก แต่ใช้วัตถุภายในประเทศ ซึ่งเอสเอ็มอีแบบที่หนึ่งอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แบบที่สอง อาศัยวัตถุดิบนำเข้า เช่น เพชร พลอย จากศรีลังกา ต้นทุนก็ลดลง ก็โอเค ทองนำเข้าทำทองรูปพรรณแล้ว ส่งออกก็ยังได้กำไร
นำเข้าน้ำมันถูก แต่ทำไมในประเทศน้ำมันแพงขึ้น
บาทแข็งน้ำมันควรลดลง มันเป็นการเอาเปรียบของรายใหญ่ไง ราคาน้ำมันควรลดลง น้ำมันเป็นรายใหญ่ทั้งนั้น ไม่พูดความจริง มันแหกตาชาวบ้านตลอด ปตท.นี่ ไม่ยอมบอก เราผลิตแก๊สและน้ำมันรวมกันได้ 42 เปอร์เซ็นต์ที่เราใช้ บรูไนเขาเก็บค่าภาคหลวง 40-50 เปอร์เซ็นต์ แต่ไทยเก็บแค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ เอาเปรียบไหมล่ะ
ถ้าเราทำให้น้ำมันราคาถูก เราก็สามารถผลิตสินค้าแข่งกับต่างประเทศได้ มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น
เรานำเข้าน้ำมัน 58 เปอร์เซ็นต์ที่เราใช้ ค่าบาทแข็งนำเข้าราคาถูกลง แต่ทำไมน้ำมันราคาในประเทศไม่ลดลง ยังเอารัดเอาเปรียบ ยังฉวยโอกาส คนส่งออกก็พูดแต่ประโยชน์ตัวเอง กลุ่มอื่นได้ประโยชน์จากบาทแข็งก็ไม่ยอมพูด เวลาเสียประโยชน์โวย แต่เวลากลุ่มตัวเองได้ประโยชน์ เงียบ

ข้อเรียกร้องต่อแบงค์ชาติให้แทรกแซงค่าบาท สมควรทำหรือเปล่า
ไม่น่าจะทำนะ ถ้าเขาคิดถึงระดับชาติ มันต้องคิดเฉลี่ยกัน รายได้ส่งออกลดลงเท่าไหร่ รายได้ผู้นำเข้าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่หรือลดรายจ่ายเท่าไหร่ ถ้ารายจ่ายจากการนำเข้าลดลงพอๆ กับรายได้ของผู้ส่งออกลดลง ก็น่าจะโอเคนะ ถ้าเกลี่ยกันแล้วอันไหนมากกว่า ถ้าได้รายได้ของผู้ส่งออกลดมากกว่า รายจ่ายของผู้นำเข้า อันนั้นก็จะเกิดผลเสียหาย แต่ผมดูแล้ว ระหว่างได้ประโยชน์จากการลดรายจ่ายนำเข้า กับการลดรายได้ของการส่งออก มันไม่ต่างกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่งออกสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ พวกนี้นำเข้าวัตถุดิบมากก็ได้ประโยชน์
เงินตราต่างประเทศไหลเข้ามาพักไว้ หากำไรในโซนเอเซีย ทำให้ค่าบาทแข็ง เป็นไปตามกลไกปรกติ หรือการโจมตีค่าเงิน
ปัญหาคือยุโรป อเมริกา การลงทุน ตลาดเงิน ตลาดหุ้น เห็นว่าทางเอเซียกำลังรุ่ง ผลตอบแทนดีกว่าทางโน้น เงินไหลเข้าส่วนมากมาตลาดหุ้น ตลาดเงิน เป็นหลัก ไม่ใช่ตลาดลงทุน
ก็ไม่ค่อยเป็นผลดีต่อการลงทุนระยะยาวสักเท่าไหร่
ก็ใช่ การไหลเข้าทำให้บาทแข็งแน่นอน ทันทีไหลเข้าหมายความว่าอะไร เขาจะเอาดอลลาร์มาแลกเป็นบาท เมื่อได้เงินบาทก็นำเงินบาทไปลงทุนตลาดหุ้นมากกว่าจะลงพันธบัตรที่เป็นตลาดทุน ถ้าเศรษฐกิจดีดอลลาร์แข็งจะมาลงทุนพันธบัตรมากกว่า แต่นี่ดอลลาร์อ่อนก็ไม่สนใจพันธบัตร แต่ไปลงตลาดหุ้น เอาดอลลาร์ไปแลกบาทไปลงหุ้นทำกำไร
แบงค์ชาติควรทำอย่างไร
วิธีตรึง ก็ผ่องถ่ายดอลลาร์ออกไป เหมือนเติมน้ำลงอ่าง น้ำก็คือดอลลาร์ จะดันบาทลอย เติมน้ำมากขึ้นบาทก็ยิ่งลอยขึ้น ถ้าปล่อยให้ล้นอ่าง เงินบาทก็ตกเรี่ยราดค่าบาทก็เสียหาย วิธีการคือดอลลาร์เข้าก็เจาะรูระบายออก เช่น เอาดอลไปซื้อพันธบัตร แต่ต้องไม่ใช่ของอเมริกา เช่นพันธบัตรจีน ดอลเยอะเอาไปซื้อพันธบัตรเกาหลี มาเลย์ดอลเยอะก็ไปซื้อพันธบัตรจีน หรือซื้อหยวน อีกอย่างเอาดอลลาร์ไปฝากประเทศที่มีดอกเบี้ยดีๆ แบ็งค์ชาติจึงเปิดทางให้นำดอลลาร์ไปฝากประเทศอื่นที่ดอกเบี้ยดีได้ หรือซื้อเครื่องจักร
ส่วนเรื่องดอกเบี้ยแนวโน้มจะขึ้นเพราะตลาดอื่นขึ้นไปแล้ว ขณะที่ค่าบาทแนวโน้มขาลง เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นคนก็อยากกู้ไปลงทุนเพิ่ม เมื่อเงินออกไปมากธนาคารก็ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อจูงใจให้คนนำเงินมาฝากให้มากขึ้น ยืนยันว่าเงินที่ไหลเข้าต่างก็มาเก็งกำไรกันทั้งนั้น เพราะเข้ามาในตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ซื้อวันนี้แล้วขายพรุ่งนี้ ถ้าจะให้ดีต้องลงทุนในพันธบัตรที่รอผลตอบแทน 3 ปี 5ปี และมีนโยบายดึงดูดเงินต่างชาติมาลงทุนในเรียลเซ็คเตอร์หรือภาคการผลิตจริง เช่นตั้งโรงงาน
ฟังผู้ส่งออกอ้างว่าวิธีอย่างนี้ไม่ทันการณ์ ไปลงทุนแหล่งอื่น หรือซื้อเครื่องจักร ต้องใช้เวลานาน
เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด ตามไม่ทัน ปรับตัวไม่ได้ อยู่ที่ตัวเขาเองไง ผู้ส่งออกอาจไม่คิด แต่ผู้นำเข้าสบายอยู่แล้ว โดยเฉพาะอิเล็คทรอนิกส์ ซื้ออะไหล่มาตุนไว้เยอะเลย น้ำมันถูกลงก็ไม่ยอมพูด สิ่งทอก็นำเข้าวัตถุดิบ รถยนต์ก็นำเข้าวัตถุดิบได้เยอะเลย อุตสาหกรรมรถยนต์ทั้งนำเข้าและส่งออกนะ ไม่พูดเลย เรื่องบอกว่าจะเสียหายต่อเศรษฐกิจแค่ไหน ง่ายมากคุณไปดูตัวเลขส่งออกและนำเข้าตั้งแต่มกราคมถึงมิถุนายน ถ้าตัวเลขสองตัวนี้ใกล้เคียงกัน ผลเสียหายก็น้อย ก็เจ๊ากันไป ต้องยอมรับได้ ไม่ใช่ดูแต่รายได้ส่งออกลดเพราะค่าบาท
เรื่องน้ำมันนี่ทำไมราคาในประเทศยังขยับขึ้น ผู้บริหารได้โบนัสเยอะ ตั้งตำแหน่งซ้ำซ้อนกันในองค์กร ได้เบี้ยประชุมค่าตำแหน่ง ในสหรัฐฯเขาสั่งห้ามขึ้นโบนัสสูง ๆ ให้กับซีอีโอ แต่เมืองไทยไม่พูดกันเลย ทั้งที่ผู้ถือหุ้นเสียประโยชน์
นักการเมืองได้ประโยชน์จากเขา ๆให้ทุนทุกพรรค เงินมันยัดปากพูดไม่ออก ว่าอย่างนี้ดีกว่า
เรื่องค่าแรง นายกฯเสนอปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 250 บาท แต่ลูกจ้างล่าสุดเรียกร้อง 421 บาท ตัวเลขนี้มาอย่างไร
ตัวเลขค่าจ้างในทางปรัชญามี 3 ระบบ หนึ่ง ค่าจ้างเพื่อยังชีพ 1 คนจะยังชีพอยู่ได้ควรจะมีรายได้เท่าไหร่ สอง ค่าจ้างเพื่อครอบครัวมนุษย์ เลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วย คนงานบอกต้องส่งเงินให้พ่อแม่ ต้องส่งเงินให้ดูแลลูก ตามมาตรฐานไอแอลโอ (องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) ค่าจ้างเลี้ยงตัวได้ เลี้ยงครอบครัวอีก 3 คนได้ สาม ค่าจ้างเพื่อความเป็นธรรม คือเพื่อยังชีพ บวกทักษะความรู้ 250 บาท และบวกความเป็นช่างฝีมือ อีกเช่น 100 หรือร้อยกว่าบาททำนองนี้
ตัวเลข 250 บาทมาจากไหน
คำว่ายังชีพ คือคนงานต้องทำงาน 8 ชั่วโมง เพื่อใช้ในปัจจัยสี่ อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ และยารักษาโรค บวกค่าเดินทาง บวกเบี้ยประกันสังคม คือถ้าจ่าย 5 อย่างแล้วสามารถอยู่ได้ ไม่ป่วยก็ถูกบังคับหักในประกันสังคมอยู่แล้ว นายกฯคิดยังไงไม่รู้ แต่ผมดูจากความจริง เพื่อให้ได้ปัจจัยสี่ ค่าเดินทาง เบี้ยประกัน แต่คนงานต้องทำงานวันละ 10 -12 ชั่วโมง จึงจะมีรายได้ 6,500-7,000 บาท ที่ดิ้นรนก็อยากได้เท่านี้ ถ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายก็คงไม่ทำ 6,500 -7,000 บาท คิดเป็นรายวันเท่าไหร่ ทำงานสัปดาห์ละ 6 วันก็ประมาณ 250 บาทนั่นเอง ปัจจุบันขั้นต่ำ 206 บาท อีก 44 บาทคนงานต้องทำล่วงเวลาถึงจะได้มาพอจ่าย ถ้าเราไม่ต้องการให้เขาลำบากทำล่วงเวลาก็ต้องจ่ายขั้นต่ำให้คนงาน 250 บาท
ทำไม ทางผู้ประกอบการไม่ยอม
สังคมไทยไม่ใช่สังคมเหตุผล เป็นสังคมใครมีอำนาจต่อรองมากกว่า ถามว่าเป็นเงินมากเกินไปหรือเปล่า มาดูตารางคิดแบบดัชนีค่าจ้าง ถ้าเรากำหนดให้ปี 2000 ค่าจ้างต่อวัน 200 บาท และถึงปี 2008 ค่าแรงเพิ่มเป็น 205 บาท คือ 8 ปีเพิ่มให้แค่ 5 จุด แต่มาดูประสิทธิภาพการผลิตของแรงงาน ในปี 2000 ลูกจ้างผลิตของได้ 100 บาท และผลิตได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปี 2008 ลูกจ้างผลิตเพิ่มได้ 122 บาท คือเพิ่ม 22 จุด ถามว่าค่าจ้างเพิ่มแค่ 5 จุด มันยุติธรรมหรือ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่านายทุนประเทศไหนสะสมกำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าไปคุณก็อมเขาทุกวัน ๆ วันหนึ่ง ลูกจ้างบอกคุณอมผมนี่หว่า เอาคืนผมสิ อมมาสิบปี เขาเอาในปีเดียวก็ดูเหมือนมากสิ
นายจ้างอ้างปรับขึ้นก้าวกระโดดอย่างนี้ จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ฟังขึ้นไหม
มันนิดหน่อย เพราะค่าจ้างการผลิตไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนการผลิต ต้องมองแบบสัมพันธ์กัน การขึ้นแบบนี้ ต้นทุนเพิ่มขึ้นบ้างแน่นอน ฝ่ายธุรกิจ ถ้าเขาได้ประโยชน์จากกลไกตลาดเขาจะอ้าง แต่เวลาเสียประโยชน์ไม่อ้างกลไกตลาด
นายกฯ รับปากเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่พรรคร่วมรัฐบาลจะเอาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้
คนในรัฐบาลกว่าครึ่งก็เป็นนายทุน เป็นตัวแทนของกลุ่มทุน ดังนั้นจะหวังให้พวกเขาเห็นด้วยคงยาก
เรื่องปฏิรูปการเมือง มีความหวังจะเป็นไปได้ไหมกับนักการเมือง เมื่อคณะกรรมการปฏิรูปพ้นวาระ 3 ปีไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงพรรคการเมือง ผมไม่คาดหวังเลย และเรื่องนี้เราทำงานร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนหลายกลุ่มมาก่อนแล้วปีครึ่ง รัฐบาลมาขอร่วมเท่านั้น ไม่ใช่คนริเริ่ม รัฐบาลไม่มีสิทธิ์เป็นฝ่ายนำในเรื่องนี้ และถ้าคณะกรรมการปฏิรูปหมดไป รัฐบาลนี้ยุบไป คิดหรือว่าภาคประชาชนที่เรื่องนี้จะหยุดเคลื่อนไหว เพราะเขาไม่หวังพึ่งนักการเมืองแล้ว ฉะนั้นไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองเลย
คิดปฏิรูปเมืองไทยจะเป็นจริงได้เมื่อไหร่
ผมให้ถึงปี 58 รัฐบาลไหนมาบริหารก็ล้มเหลว แก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้ และภาคประชาชนไม่ยอมแล้ว องค์กรภาคประชาชนที่ตื่นตัวและมีประสบการณ์ จะขับเคลื่อนออกมาผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเอง

ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชู เป็นสารประกอบของกรดน้ำส้มกับน้ำ ได้จากการหมักน้ำผลไม้จนเกิดแอลกอฮอล์ ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ หมักแล้วถ้าอยากได้น้ำส้มใช้เร็วๆ ก็หมั่นคนบ่อยๆ ให้ออกซิเจนลงไปทำการเปลี่ยนแปลงทางเคมีไม่ขาดตอน



ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู ส่วนใหญ่เน้นเรื่องการดูแล ป้องกันรักษาสุขภาพและโรคภัย เช่น ใช้น้ำส้มสายชูผสมต้นโทงเทงสด หรือผักคราดหัวแหวนสดๆ คั้นเอกน้ำชุบสำลีอมไว้ข้างแก้มค่อยๆ กลืนทีละนิด แก้ฝีในคอ หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้ชะงักนักแล
ยามไปเที่ยวทะเล ขอให้พกพาน้ำส้มสายชูไปด้วยทุกครั้ง หากเคราะห์หามยามร้าย เจอแมงกะพรุนไฟเข้าก็อย่าตกใจ ราดน้ำส้มตรงบริเวณถูกแมงกะพรุนทันที จะช่วยบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ทันใจ
ผิวที่เจอแดดจัดๆ จนเป็นรอยเกรียม ลูบด้วยน้ำส้มสายชู ผิวที่ไหม้จะไม่พองให้คุณปวดแสบทรมานได้อีก
ด้านการถนอมอาหาร สมัยก่อนมีการดองเปรี้ยวผักต่างๆ ด้วยน้ำส้มไว้บริโภคนานๆ เช่น ต้นหอม ผักเสี้ยน กระเทียม ขิง
ในแง่ของ การขจัดรอยเปื้อน น้ำส้มสายชูก็เป็นมือโปรสำหรับแม่บ้านได้ยอดเยี่ยม เลือกใช้ได้ตามอาการต่อไปนี้
» รองเท้าหนัง รองเท้ายาง หรือสารสังเคราะห์ใดๆ ก็ตาม หากเปื้อนน้ำมันให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูแล้วจะหมดรอย
» กระจกบานเกล็ดสกปรก ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดรับรองเงางาม สะอาดใสแจ๋ว
» หม้ออะลูมิเนียมเป็นคราบดำ น้ำส้มสายชุละลายขี้เถ้าใต้เตาถ่าน ขัดถูก็สะอาดเอี่ยมในพริบตา
» ภาชนะทองแดง ทองเหลือง ขัดด้วยน้ำส้มผสมเกลือในอัตราส่วนเท่ากัน ผ้านุ่มๆ จุ่มพอหมาดเช็ดถูแล้วจะแวววาวขึ้น
» ของใช้พลาสติก ตลอดจนภาชนะอื่นๆ ในครัวเปื้อนไขมันมากจนเป็นรอยดำ ให้แช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชู รอยเปื้อนจะหายไปพร้อมกับกลิ่นอาหาร
» ัปัญหาของเตาอบ ถาดอบเครื่องครัวสแตนเลส และพื้อนครัวเป็นคราบสกปรกล้างยาก ใช้น้ำส้มเช็ดถู คราบฝังแน่นกับเศษอาหารตามพื้นจะหลุดง่าย ไม่เปลืองแรงขัด
» เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังบ้านต่างดำ มีคราบนิ้วมือของสมาชิกตัวเล็กผ้านุ่มๆ ชุบน้ำส้มสายชูร้อนๆ เช็ดปุ๊บหายปั๊บ
» อ่างล้างมือ อ่างอาบน้ำ ราวโครเมียมสกปรก เป็นสนิม น้ำส้มสายชูกับน้ำสบู่ เช็ดถู ทุกอย่างเงางามสะอาดตา
» รอยเปื้อนสุดท้ายที่มักสร้างความอับอายให้ก็คือ เสื้อผ้าบริเวณรักแร้เป็นคราบเหลืองนั้น น้ำส้มสายชูทาตรงรอยเปื้อนให้ชุ่ม หากได้แช่เสื้อผ้าในน้ำส้มสายชุสักครู่ก่อนซักตามปกติ กลิ่นเปรี้ยวและเหม็นอับจากเหงื่อจะหายพร้อมรอยเปื้อน
น้ำส้มสายชูยังมีคุณสมบัติ ขจัดกลิ่น ได้ไร้เทียมทาน กลิ่นอาหาร กลิ่นผลไม้แรงๆ อย่างทุเรียนที่ติดตามภาชนะพลาสติกนั้น ให้เช็ดด้วยน้ำส้มสายชูตามด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
» ท่อระบายน้ำภายในอาคารบ้านเรือนที่มักสกปรกเร็ว ตามด้วยกลิ่นเหม็นรุนแรง รบกวนความสุข ให้เทผงฟูลงท่อน้ำร่องไปก่อน 1 กำมือ สักครู่ตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1 ถ้วย ทิ้งไว้สักพัก ลองเปิดน้ำระบายดุอีกที
» เนื้อสัตว์ต่างๆ โดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อควาย ถ้าแช่น้ำเกลือผสมน้ำส้มสายชูก่อนเก็บเข้าตู้เย็น กลิ่นคาวจะไม่ออกมารบกวนอาหารอื่นๆ ด้วย
การแก้ปัญหาภายในบ้าน
» ฝักบัวในห้องน้ำเกิดอุดตันใช้ไม่สะดวก น้ำที่ไหลกะปริบกะปรอย ลองถอดชิ้นส่วนออกมาแช่น้ำส้มสายชูปัดเศษฝุ่นด้วยแปรง แทงตามรูด้วยเข็มหมุด ล้างให้สะอาด ประกอบเข้าที่เดิม คราวนี้ฝักบัวไหลฉลุยแน่นอน
» ขวด แจกัน คนโทที่ปากแคบคอดเล็ก ทำความสะอาดยาก กรอกน้ำส้มสายชุ ผสมเปลือกไข่ทุบพอละเอียด แช่ไว้ แล้วเขย่าๆ เศษคราวสกปรกจะหลุดโดยง่าย
» หม้อและกาต้มน้ำชา กาแฟทั้งหลาย ใช้ไปนานๆมักมีตะกรัรนหินปูนจับหนา น้ำส้มสายชูผสมน้ำอย่างละถ้วย เทลงในภาชนะ ต้มให้เดือด แล้วทิ้งให้เย็นค้างไว้ 1 คืน ตะกอนทั้งหลายจะหลุดเป็นกระบิทีเดียว
ท่านสุภาพสตรีที่มีปัญหาม้วนผม หรือเซ็ทผมแล้วไม่อยู่ตัว หรือหยิกไม่ทนนาน โกรกผมด้วยน้ำส้มสายชูทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เมื่อสระและเซ็ทตามปกติ ผมจะหยิกเป็นลอยสลวย ทนนานสะใจหลายวัน
» ไข่สดและใหม่มากเกินไป เวลาทำไข่ต้มมักมีปัญหาปอกเปลือกยาก ไข่เป็นรอยขรุขระไม่น่ารับประทาน ลองเติมน้ำส้มสายชูครึ่งช้อนชาลงในน้ำต้มไข่ ไข่ขาวจะไม่ติดเปลือก ปอกง่ายขึ้นกว่าเดิม
» ต้มแปรงสีฟันขนแข็งๆ ในน้ำส้มสายชู ขนจะนุ่มไม่ทิ่มเหงือกให้เจ็บปากอีก
» ปัญหาหินปูนจับตามเครื่องซักผ้า เครื่องล้างชาม แก้ด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย เทใส่เครื่องพร้อมน้ำ ปิดฝา เปิดเครื่องให้ทำงานตามปกติจะเห็นเครื่องสะอาดทันตา
น้ำส้มสายชูกับเคล็ดลับบางประการ
» อยากรับประทานผัดไทย หอยทอด ขนมจีน กับถั่วงอกอวบอ้วน ขาวกรอบละก็ แช่น้ำผสมน้ำส้มสายชูไว้สักครู่
» ดอกกุหลาบช่อใหญ่ อยากให้สดอยู่นานๆ น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 กรัม ผสมน้ำสะอาด 5 ถ้วย ด้วยสูตรนี้รดกุหลาบทั้งช่อ
» หม้อหุงข้าวไฟฟ้าใช้ไปนานๆ เกิดอาการน่าเป็นห่วง ก้นหม้อเปลี่ยนจากขาวเป็นดำ ผสมคราบไคลน้ำข้าวจับหนาเตอะ อย่าใช้ฝอยขัดหม้อหรือใยเหล็กไปขัดเข้านะ เดี๋ยวหม้อเป็นรอยขีดข่วน หมดสวย ซ้ำพาเอาคุณภาพเสื่อม สารเคลือบผิวออกไปด้วย
สูตรเด็ดเคล็ดไม่ลับ ก็น้ำส้มสายชูเจ้าเดิมครึ่งส่วน ผสมน้ำ 1 ส่วน เติมลงหม้อ เสียบปลั๊ก รอจนเดือดปุดๆ จึงถอดปลั๊ก เทน้ำทิ้ง แล้วล้างตามปกติคุณจะได้หม้อที่สะอาดเหมือนเดิม
» หยดน้ำส้มสายชูลงบนแว่นตาเช็ดด้วยผ้านุ่ม รอยขีดข่วนจะหายไป พร้อมคราบเหงื่อไคล
» เสื้อผ้าสีขาวสะอาด มักกลายเป็นสีขาวขุ่นเข้าทุกที เมื่อใช้ไปนานๆ เพียงผสมน้ำส้มสายชูลงขณะซัก วิธีนี้ผ้าจะขาวสะอาดยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องใช้น้ำยาซักผ้าขาวให้ผ่าเปื่อยก่อนเวลา
» ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำสะอาดชำระล้างผมในน้ำครั้งสุดท้าย ดูสักครั้งจะพบว่า ความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู ช่วยล้างแชมพูออกได้สะอาดหมดจดเส้นผมเป็นเงางาม มีน้ำหนัก ปราศจากรังแคด้วย


"น้ำส้มสายชูราคาย่อมเยาเพียงขวดเดียว ที่มีอยู่ในครัว สามารถทำประโยชน์สารพัดอย่าง สุดแต่เราจะสร้างสรรค์ให้ถูกวัตถุประสงค์ ตรงตามความต้องการได้ไม่ยากนัก ในภาวะเงินทองเป็นของหายากนี้ น้ำส้มสายชูคงช่วยคุณประหยัดแรงงาน และค่าใช้จ่ายได้ดีทีเดียว"
แช่ผักชีสักก้านในน้ำส้มสายชู ดูว่าใบไม่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เพื่อทดสอบว่าเป็นน้ำส้มสายชูแท้

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี

เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี

วิตามิน ซี จากธรรมชาติ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ “ วิตามินซี มีฤทธิ์ต่อกระบวนการทางชีวภาพอย่างซับซ้อนและหลากรูปแบบ บางทีอาจเป็นที่สุดของบรรดาวิตามินและสารอาหารทุกชนิด ” วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ ร่างกายของเราไม่สามารถสังเคราะห์ได้เอง ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น พบมากในผักผลไม้สด วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อระบบร่างกาย เห็นได้จากการวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า วิตามินซี มีประสิทธิภาพในการป้องกัน และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีตัวหนึ่ง



การค้นพบ วิตามินซี
เกิด ขึ้นในช่วงสงครามครูเสด เมื่อโรคลักปิดลักเปิดกลายเป็นสาเหตุสำคัญของการตายและทุพพล-ภาพของคนในสมัย นั้น ทำให้มีการศึกษาและค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์ซึ่งภายหลังได้สรุปว่า สาเหตุมาจากการขาด วิตามินซี ซึ่งมีในผักและผลไม้
ต่อมา ในปี ค.ศ. 1933 โครงสร้างของ วิตามินซี ถูกค้นพบโดย เฮเวิร์ดและเฮิร์สต์ และทั้งคู่ก็ได้สังเคราะห์ วิตามินซี ได้สำเร็จในปีเดียวกันนี้ โดยตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “ กรดแอสคอร์บิก ” ( Ascorbic Acid )



ความ สำคัญของ วิตามินซี
วิตามิน ซี แจ้งเกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์ทางชีวเคมี นำโดย ไลนัส พอลิง ( Linus Pualing ) ตีพิมพ์ผลการค้นคว้าเรื่อง “ วิตามินซี กับ อาการหวัด ” ( Vitamin C and the Common Cold ) ออกมา



ดร.ไลนัส พอลิง นักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลถึงสองครั้ง และเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวถึง 93 ปี ยังกล้าประกาศว่า “ ผมจำต้องยอมรับว่า การมีสุขภาพดีของผมเกิดจากวิตามินและเกลือแร่ที่กินเข้าไป ” เขาเชื่อว่า วิตามินซี ช่วยชะลออาการลุกลามของมะเร็งในตัวเขาได้นานถึง 20 ปี และหลังจากกิน วิตามินซี ในปริมาณสูงทุกวันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1965 เขาก็ไม่เป็นหวัดอีกเลย
ปัจจุบัน วิตามินซี จัดได้ว่าเป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกาย เป็นอย่างมาก ในอดีตทราบกันดีว่า วิตามินซี สามารถนำมาใช้ในการป้องกัน และบรรเทาอาการหวัดได้ดี แต่จากผลการศึกษาและวิจัยหลายๆ ฉบับพบว่า วิตามินซี นี้มีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย
ปี ค.ศ. 1990 สถาบันมะเร็งแห่งชาติอเมริกาได้ประกาศว่า “ วิตามินซี มีฤทธิ์ต่อกระบวนการทางชีวภาพอย่างซับซ้อนและหลากรูปแบบ บางทีอาจเป็นที่สุดของบรรดาวิตามินและสารอาหารทุกชนิด ”



บทบาท ของ วิตามินซี
คุณสมบัติ ที่โดดเด่นของ วิตามินซี ก็คือ ความเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ( Anti-oxidant) นั่นเอง โดยประโยชน์หลักๆ เมื่อร่างกายได้รับวิตามินซี เป็นประจำคือ เพิ่มภูมิต้านทานแก่ร่างกาย ป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง บำรุงผิวพรรณหรือชะลอความแก่ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันหรือเหงือกอักเสบ



- รักษาและป้องกันโรคหวัด
จากการศึกษาพบว่า การรับประทาน วิตามินซี 1-8 กรัม ต่อวัน ในตอนเริ่มต้นเป็นหวัด สามารถลดระยะเวลาในการเป็นหวัดได้มากถึง 23%
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและภูมิแพ้
เมื่อ ร่างกายได้รับ หรือสัมผัสกับเกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง โปรตีนแปลกปลอมในอาหาร ฯลฯ ซึ่งมีผลให้เกิดอาการแพ้ มีไข้ ลมพิษ ผื่นคัน หายใจหอบ ภูมิคุ้มกันจะถูกกระตุ้นให้หลั่งเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้น ภูมิคุ้มกันนี้ถูกสร้างขึ้นโดยตับ โดยมี วิตามินซี เป็นส่วนในการกระตุ้นกระบวนการทางเคมี
นอกจากนี้ วิตามินซี ยังช่วยยับยั้งและต้านทานเชื้อโรค กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวและภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันโรคภูมิแพ้ ลดอัตราการเกิดอาการของเก๊าท์ ข้ออักเสบ ภาวะผื่นแพ้ต่าง ๆ หรือการติดเชื้อไวรัส
- ช่วยสร้างและรักษาสภาพของ คอลลาเจน
วิตามิน ซี มีบทบาทสำคัญในการสร้าง โปรตีน คอลลาเจน ซึ่งช่วยในการส่งเสริมสุขภาพผิวพรรณ ป้องกันการเกิดภาวะริ้วรอยแก่ก่อนวัย บำรุงกระดูก เสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก โดยเฉพาะบริเวณส่วนปลายกระดูกและข้อต่อ ลดอาการปวดจากโรคไขข้อต่างๆ
- ต่อต้านการสร้างสาร ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง
วิตามิน ซี นอกจากจะสร้าง คอลลาเจน ซึ่งเป็นเสมือนตาข่ายคลุมเซลล์ให้พ้นจากมะเร็งแล้ว วิตามินซี ยังช่วยขัดขวางการเกิดสารไนโตรซามีน อันเป็นต้นเหตุของมะเร็งกระเพาะและตับ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ช่วยในการสร้างสารที่ต้านมะเร็ง
- ต้านอนุมูลอิสระ
วิตามิน ซี เป็นวิตามินที่ป้องกันการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่นที่ดี จึงป้องกันความเสื่อมของเซลล์และพบว่ามีผลในการต่อต้านการเกิดเซลล์ที่ผิด ปกติต่าง ๆ เช่น เซลล์มะเร็งได้ ( Anti-Cancer)
หาก วิตามินซี นั้น มีสารประเภทไบโอเฟลวานอยด์ร่วมอยู่ด้วย ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มฤทธิ์ในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น ป้องกันการแตกของเส้นเลือดฝอยที่บริเวณผิวหนัง และหากเป็นไปได้พยายามลดสารพิษในร่างกายหรือใช้กรรมวิธีการทำดีท็อกซ์ร่วม ด้วยก็ได้
- ป้องกันโรคโลหิตจาง
ธาตุ เหล็ก เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายเราใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง ดังนั้น โลหิตของคุณจะข้นหรือจาง ส่วนหนึ่งจึงเกี่ยวพันกับปริมาณธาตุเหล็กในร่างกาย
มี ข้อสังเกตกันว่า เหตุใดบางคนรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง แต่กลับเป็นโรคโลหิตจาง นั่นเป็นเพราะว่า ธาตุเหล็กในอาหารหากไม่ได้อยู่ในรูปของเฟอร์รัส เมื่อเคลื่อนผ่านลำไส้เล็กร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้
วิตามิน ซี มีหน้าที่เปลี่ยนธาตุเหล็กที่มีอยู่ในอาหารให้อยู่ในรูปเฟอร์รัส ซึ่งช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี
- ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง
วิตามินซี ช่วยให้กระดูกมีสภาพแข็งแรง สมบูรณ์ และซ่อมแซมยามเกิดการแตกหัก หรือร้าวบิ่น นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ป้องกันภาวะโรคหัวใจ
วิตามิน ซี ช่วยให้หลอดเลือดแดงมีความยืดหยุ่นตัวได้ดีขึ้น ทำให้ระดับความดันโลหิตอยู่ในระดับปกติ ป้องกันการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ป้องกันการเกิดภาวะโรคหัวใจได้ต่อไป ซึ่งหากใช้ร่วมกับ วิตามินอีก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันภาวะโรคหัวใจนี้ดียิ่งขึ้น
- รักษาค่าของ คลอเลสเตอรอล ในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
ผลการวิจัยหลาย ชิ้นชี้ให้เห็นว่า วิตามินซี มีส่วนในการเผาผลาญไขมัน รวมทั้งคลอเลสเตอรอล
- ประโยชน์ต่อสมอง
วิตามิน ซี เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนกรดอะมิโน ให้กลายเป็นสารจำเป็นในสมอง ซึ่งทำหน้าที่ของระบบประสาท การขาด วิตามินซี อาจก่อให้เกิดอาการทางจิตด้วย
- เป็นส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์อะดรีนาลีน
เมื่อ เกิดความเครียด ต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนระงับความเครียดออกมา จากนั้นความดันโลหิตและปริมาณน้ำตาลในเลือดจะสูงกว่าปกติ พลังงานจะถูกนำมาใช้มากขึ้น เพื่อระงับความ เครียด และสารที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างฮอร์โมนดังกล่าว คือ วิตามินซี
- ช่วยให้ผิวสวย
วิตามินซี ช่วยบำรุงผิวพรรณ สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ๆ และช่วยต้านการเกิดเม็ดสีเมลามิน อันเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า
- ช่วยรักษาอาการท้องผูก
อาการ ท้องผูกเรื้อรัง เป็นต้นเหตุของสารพัดโรค การรับประทานวิตามินซี ในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยให้กากอาหารในลำไส้ไม่แข็งตัว จึงขับถ่ายสะดวก
- ประโยชน์อื่นๆ
- ช่วยในกระบวนการสร้างฮอร์โมนในต่อมต่างๆ ของร่างกาย
- เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อในบริเวณทางด้านปัสสาวะ
- ช่วยลดการเกิดก้อนเลือดแข็งตัวในเส้นเลือด เพิ่มสมรรถนะของผนังหลอดเลือด
- ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง และป้องกันอาการเลือดไหลไม่หยุด
- ป้องกันต้อกระจกในผู้สูงอายุ
- ช่วยลดอัตราการเป็นหมันในชาย และทำให้สเปิร์มแข็งแรงเคลื่อนที่ได้ดีขึ้น
- ลดอันตรายจากโลหะหนักหรือสารพิษต่างๆ ที่ร่างกายได้รับจากสิ่งแวดล้อม



ไบ โอเฟลวานอยด์ คืออะไร
ไบ โอเฟลวานอยด์ ( Bioflavanoid ) เป็นสารที่ละลายในน้ำ ประกอบขึ้นด้วยสสารที่เป็นสีที่พบในผลไม้และผัก อยู่รวมกับ วิตามินซี พบในเปลือกผลไม้รสเปรี้ยวตรงที่เป็นสีขาวใต้ผิวนอกที่เป็นสีเขียวแต่ไม่มีใน น้ำผลไม้ ผลไม้ที่มีไบโอเฟลวานอยด์มากคือ มะนาว องุ่น ส้มโอ เชอรี่ พลัม
ประ โยชน์ของไบโอเฟลวานอยด์ คือ
• ช่วยให้ร่างกายสามารถนำ วิตามินซี ไปใช้ได้มากขึ้น
• ช่วยเสริมฤทธิ์ของ วิตามินซี ในการเสริมสร้างภูมิต้านทานและประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ



จะ เกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณขาด วิตามินซี
• เป็นหวัดง่าย ภูมิต้านทานโรคและความสามารถในการกำจัดพิษลดลง
• ผิวหนังขาดความยืดหยุ่น เกิดจุดด่างดำ ฝ้า มีเลือดออกตามไรฟัน
• อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง ประสาทสัมผัสด้อยลง
• มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ ตับ และส่วนอื่นๆ
• ประสิทธิภาพของต่อมหมวกไตลดลง เป็นภูมิแพ้ได้ง่าย
• เป็นโรคโลหิตจาง หรือโรคต่างๆ ง่าย บาดแผลหายยาก หากขาดมากจะเป็นโรคโลหิตเป็นพิษ
• เกิดโรคลักปิดลักเปิด



พิษของ วิตามินซี
“ ดร.ไลนัส พอลิง นักวิทยาศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบลถึงสองครั้ง และเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวถึง 93 ปี กินวิตามินซีขนาดสูงถึง 18,000 มิลลิกรัมทุกวัน ก็มิได้รับอันตรายแต่อย่างใด ”
คู่มือบัญชียาหลักแห่ง ชาติ ซึ่งจัดทำโดยคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา เล่ม 2 พ.ศ. 2529 กล่าวถึงพิษของวิตามินซี ว่า “ ไม่พบพิษที่ร้ายแรง ”
ในเอกสารทางด้าน วิชาการจากต่างประเทศจำนวนมาก ระบุว่า วิตามินซี เป็นวิตามินที่ปลอดภัยมากที่สุดตัวหนึ่ง



ปฏิกิริยาต่อกัน ระหว่าง วิตามินซี กับยาอื่นๆ
• วิตามินซี ห้ามใช้กับยาจำพวกกันเลือดแข็ง เช่น วอร์ฟารินโซเดียม เพราะจะทำให้เลือดออกมากขึ้น
• การที่ วิตามินซี มีฤทธิ์เป็นกรด จะทำให้ปัสสาวะมีความเป็นกรดมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆ ได้ เช่น จะมีการดูดกลับของยาที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากขึ้น และเร่งการขับถ่ายของยาที่มีฤทธิ์เป็นด่าง
• ถ้าใช้ วิตามินซี ร่วมกับแร่เหล็ก จะทำให้การดูดซึมของเหล็กดีขึ้น



แหล่งของ วิตามินซี
เราได้รับ วิตามินซี จากอาหารที่มีอยู่ในธรรมชาติทั่วไป แต่แหล่งที่มีมาก คือ ผักสดและผลไม้ต่างๆ

ประเภทของอาหาร (100 กรัม)
วิตามินซี (มิลลิกรัม)

มะขามป้อม
276

ฝรั่ง
160

พุทรา
154

มะขามเทศ
133

มะปรางสุก
107

มะละกอสุก
73

แคนตาลูป
33

มะนาว
25

มะยม
8



ใคร ต้องการ วิตามินซี
อย่าง ที่กล่าวไว้แล้วว่า วิตามินซี เป็นวิตามินที่มีความสำคัญเช่นเดียวกับวิตามินอื่นๆ และร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นได้เอง ดังนั้น ทุกคนจึงควรบริโภค วิตามินซี ส่วนปริมาณความต้องการขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ



ข้อแนะนำ ในการบริโภค
ปริมาณ วิตามินซี ที่ร่างกายต้องการต่อวัน


Recommend Daily Allowance ( RDA ) กำหนดดังนี้


ผู้ใหญ่
60
มิลลิกรัม


หญิงมีครรภ์
70
มิลลิกรัม


หญิงระยะให้นมบุตร
95
มิลลิกรัม


ผู้สูบ บุหรี่
100
มิลลิกรัม


เด็กเล็ก
40
มิลลิกรัม



หมาย เหตุ : * ข้อมูลจากตำราวิชาการ
- นักวิชาการส่วนใหญ่แนะนำขนาดต่ำสุดที่ 100 – 150 มิลลิกรัม
- คนที่ทานยาแอสไพริน จะต้องเพิ่มขนาดวิตามินซีเป็น 200 – 300 มิลลิกรัม
ต่อการได้รับ แอสไพรินหนึ่งเม็ด
- คนสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า ต้องการวิตามินซีมากขึ้นกว่าปกติ ขนาดที่เหมาะสมคือ
1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- คนที่มีความเครียดสูง ควรบริโภควิตามินซีวันละ 500 มิลลิกรัม
- หากต้องการบริโภคเพื่อป้องกันโรคอันเกิดจากผลของอนุมูลอิสระ เช่น มะเร็ง
หรือ โรคชราต่างๆ คือ 250 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินซี ในอาหารเสริม จำเป็นหรือไม่
อย่าง ที่ทราบกันดีว่า วิตามินซี มีอยู่ในพืชผักผลไม้ทั่วไป ดังนั้นหากคุณบริโภคเพียงพอคุณก็ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งอาหารเสริม วิตามินซี


สถาบันโภชนาการแห่งชาติอเมริกาแนะนำว่า หากคุณบริโภคผักผลไม้รวมกันได้วันละ 5 ถ้วย คุณจะได้รับ วิตามินซี มากพอ และยังได้สารสำคัญอีกมากมายหลายชนิด เช่น ไฟเบอร์ แร่ธาตุจำเป็นอื่นๆ เช่น เหล็ก สังกะสี ทองแดง ฯลฯ


อย่างไรก็ตาม วิตามินซี เป็นวิตามินที่สามารถสลายตัวไปได้ง่ายเมื่อทิ้งไว้ เช่น แตงกวาสดเมื่อหั่นทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง วิตามินซีจะสลายไปได้มากถึง 49% วิตามินซี ในผัก จะสูญเสียในระหว่างการประกอบอาหารประมาณ 50 – 60 % นอกจากนี้กระบวนการปรุงอาหารและการถนอมอาหารก็ยังทำให้ วิตามินซี สูญเสียไปได้
ดังนั้น การรับประทานผักผลไม้สดให้มากๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาหารเสริม วิตามินซี ก็ควรเลือกชนิดที่อยู่ในรูปแบบของอาหารสกัดจากธรรมชาติ


จะ เลือกอาหารเสริม วิตามินซี อย่างไรดี
ใน ธรรมชาติ วิตามินซี ไม่ได้อยู่ในรูปสารเคมีเดี่ยว แต่มักจะรวมอยู่กับสารอื่นๆ ที่มีประโยชน์อีกหลายตัว เช่น ไบโอเฟลวานอยด์ กรดอะมิโน สารประกอบเชิงซ้อนประเภทโปรตีน และส่วนประกอบอื่นๆ ของอาหารตามธรรมชาติ


ไบโอเฟลวานอยด์ ของ วิตามินซี มีประโยชน์คือ ทำให้ วิตามินซี ไม่ถูกทำลายจากออกซิเจน นอกจากนี้ยังเป็นตัวพาหะโปรตีนที่นำวิตามินซีไปยังที่ที่ควร ช่วยเสริมฤทธิ์ต่อ วิตามินซี ให้เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมากขึ้น


วิตามิน ซี ในรูปแบบสารเสริมอาหารมีข้อดีตรงที่ เราสามารถทราบปริมาณเป็นจำนวนมิลลิกรัมที่แท้จริง การเลือก วิตามินซี ควรเลือกชนิดที่ระบุว่าสกัดมาจากแหล่งธรรมชาติ มิใช่เป็นสารสังเคราะห์ ( Synthetic ) ข้อสังเกตคือ เลือกชนิดที่มีส่วนประกอบของ ไบโอเฟลวานอยด์ ( Bioflavonoid ) ตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุดและคุ้มค่าที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ วิตามินซี ที่ได้จากการสังเคราะห์ที่เรียกว่า กรดแอสคอร์บิก ( Ascorbic Acid ) ซึ่งอาจทำให้เกิดการระเคืองต่อกระเพาะอาหารและเกิดการสะสมได้


หาก คุณเลือกบริโภค วิตามินซีที่อยู่ในรูปแบบของอาหารธรรมชาติ ร่างกายจะยอมรับและนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่า นอกจากนี้ หากได้รับมากเกินไป ร่างกายก็จะรู้จักมันในรูปแบบของอาหารและขับออกมาทางปัสสาวะและเหงื่อ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีการสะสมในร่างกาย และสามารถรับประทานติดต่อกันได้


เอกสารอ้างอิง
- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา http://www.fda.moph.go.th/
- เภสัชกรสรจักร ศิริบริรักษ์, พลังมหัศจรรย์ในอาหาร, บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)
- ผศ.ดร.พรรณวิภา กฤษฎาพงษ์, ขุมทรัพย์สู่สุขภาพ, พิมพ์ที่ วัชระออฟเซ็ท
- อ.พนิดา กุลประสูติดิลก, คัมภีร์สุขภาพ, พิมพ์ที่ สุขภาพใจ
- ประสาร เปรมะสกุล, อ้วน ไม่อ้วน ก็ควรลดไขมัน , พิมพ์ที่อรุณการพิมพ์
- Hemile H. Dose Vitamin C alleviate the symptoms of the common cold,Areview of current evidence, Scand J Infec Dis 1999 : 26 : 1-6
- Roger Henderson, 100 Ways to Live too 100, Judy Piatkus (Publishers) Limited

เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วไง

เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วไง



ชำนาญ จันทร์เรือง



ผลพวงของการชี้มูลทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอของ ปปช.และข่าวลือเรื่องการใช้เงินเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านนักการเมืองที่กระหน่ำประโคมข่าวกันถี่ยิบในช่วงหลัง ทำให้กระแสการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดเริ่มมีการหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกันอีกด้วยเหตุที่ว่าไหนๆตอนนี้ตำแหน่งดังกล่าวก็ผูกพันกับการเมืองอยู่แล้ว เรามาเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดกันเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ

แต่ก่อนที่จะไปถึงข้อสรุปว่าควรหรือไม่ควร เรามาดูนานาอารยประเทศทั้งหลายว่ามีรูปแบบการปกครองกันอย่างไรบ้าง



ฝรั่งเศส



ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรป มีรูปแบบของรัฐเป็นรัฐเดี่ยว (Unitary State) วิวัฒนาการของการปกครองประเทศมีการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่รัฐบาลหรือส่วนกลางมาอย่างยาวนาน ซึ่งเน้นหลักการรวมอำนาจและเอกภาพแห่งรัฐโดยถือว่ารัฐบาลมีอำนาจเต็มในการปกครองและบริหารประเทศ



ส่วนการปกครองและการบริหารท้องถิ่นเกิดจากการกระจายอำนาจของรัฐบาล โดยรัฐบาลมอบอำนาจบางประการให้แก่ท้องถิ่น ดังนั้น ท้องถิ่นจะมีอำนาจในการปกครองตนเองและมีความเป็นอิสระมากน้อยเพียงใดจึงขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งประเทศไทยเราได้ลอกเลียนแบบการปกครองของฝรั่งเศสมาอย่างยาวนานแต่ไทยเราแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงดังเช่นของฝรั่งเศสที่เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของฝรั่งเศสอยู่ที่การออกกฎหมายว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของเทศบาล จังหวัดและภาค 2 มีนาคม ค.ศ. 1982 (The Law on the Rights and Liberties of Communes, Departments and Regions 2 march 1982) ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีฟรังชัวส์ มิตเตอร็องด์ (Francois Mitterrand) การออกกฎหมายฉบับนี้นำมาสู่การออกกฎหมายอื่น ๆ ตามมาอีกหลายฉบับ เพื่อให้การปรับปรุงการปกครองท้องถิ่นมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น



เดิมจังหวัดจัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกหลังการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1789 ในฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลกลาง เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1830 จังหวัดได้กลายเป็นองค์กรปกครองที่มี 2 สถานะ คือ สถานะหนึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐบาลกลาง โดยเป็นส่วนราชการในการบริหารราชการส่วนภูมิภาค และอีกสถานะหนึ่งเป็นเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยผู้บริหารยังคงมาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลาง



ต่อมาเมื่อมีการปฏิรูปการกระจายอำนาจครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ ปี 1980 โดยเฉพาะเมื่อมีการออกกฎหมายว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของเทศบาล จังหวัดและภาคเมื่อ 2 มีนาคม ค.ศ. 1982 จังหวัดเปลี่ยนสถานะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเดิมได้กลายเป็น“ผู้ตรวจการแห่งสาธารณรัฐ” (Commissioner of the Republic) อำนาจหน้าที่ซึ่งแต่เดิมเป็นของผู้ว่าราชการจังหวัดถูกถ่ายโอนไปเป็นของประธานสภาจังหวัดซึ่งเป็นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหาร



สมาชิกสภาจังหวัดมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน มีจำนวนตั้งแต่ 14 คน จนถึง 76 คน ขึ้นอยู่กับจำนวน “กังต็อง” หรือเขตเลือกตั้งในแต่ละจังหวัดว่าจะมีจำนวนเท่าใด โดยแต่ละกังต็องมีสิทธิเลือกสมาชิกสภาจังหวัดได้ 1 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 6 ปี จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดใหม่จำนวนกึ่งหนึ่งของสภา สภาชิกสภาจังหวัดจะคัดเลือกสมาชิกคนหนึ่งให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาจังหวัด และรองประธานสภาฯ อีก 4 – 10 คน มีวาระในการดำรงตำแหน่ง 3 ปี โดยประธานสภาฯ ยังดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายบริหารด้วยในคราวเดียวกัน ทั้งนี้ สภาจังหวัดมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบกิจการต่าง ๆ ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของจังหวัด



ญี่ปุ่น



ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชีย มีรูปแบบของรัฐเป็นรัฐเดี่ยว และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา มีองค์พระจักรพรรดิทรงเป็นประมุข โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ เช่นเดียวกับประเทศไทย ญี่ปุ่นจัดโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น 2 ส่วน คือ การบริหารราชการส่วนกลาง และการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น



การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นของญี่ปุ่นได้รับการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับปี ค.ศ. 1947 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นโดยคณะผู้ยึดครองของสหรัฐฯ ที่เข้ามาจัดระเบียบทางการเมือง การบริหาร และระบบเศรษฐกิจ หลังจากญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตร



กฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น จัดระดับชั้นการปกครองท้องถิ่นของญี่ปุ่นออกเป็น 2 ชั้น (Two-Teir System) คือ ระดับบน (Upper Tier) ได้แก่ จังหวัด (Prefecture) และ ระดับล่าง (Lower Tier) ได้แก่ เทศบาล (Municipal) จึงมีผลทำให้จังหวัดมีพื้นที่ในการดำเนินงานครอบคลุมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับเทศบาลทั้งหมดที่ขึ้นตรงต่อจังหวัด อย่างไรก็ตาม จังหวัดและเทศบาลมีสถานะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เท่าเทียมกัน ไม่ได้หมายความว่าเทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ภายใต้สังกัดจังหวัด ดังนั้น จังหวัดจึงมีอำนาจเพียงให้คำแนะนำและแนวทางแก่เทศบาลเท่านั้น ไม่สามารถใช้อำนาจสั่งการเทศบาลได้



ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นมาจากการเลือกตั้งโดยอำนาจหน้าที่ที่สำคัญก็คือบริหารงานของจังหวัดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เสนอร่างกฎหมายต่างๆเพื่อให้สภาจังหวัดพิจารณา เสนอร่างข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อให้สภาจังหวัดอนุมัติและบริหารงบประมาณตามที่ได้รับการอนุมัติอย่างมีประสิทธิภาพ จัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม และค่าปรับต่างๆ(โดยมีหลักการว่าท้องถิ่นเก็บภาษีแล้วนำบางส่วนส่งส่วนกลางตามอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตรงกันข้ามกับของไทยที่ส่งส่วนกลางก่อนแล้วจึงแบ่งบางส่วนมาให้ท้องถิ่น) แต่งตั้งและปลดรองผู้ว่าราชการจังหวัด อำนาจในการยุบสภาจังหวัด ที่สำคัญคืออำนาจหน้าที่ในฐานะเป็นตัวแทนรัฐบาลกลางเพื่อดำเนินกิจการบางอย่างแทนให้สำเร็จลุล่วงตามกฎระเบียบและแนวทางที่รัฐบาลกลางวางไว้



เกาหลีใต้



ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชีย มีรูปแบบของรัฐเป็นรัฐเดี่ยวเช่นเดียวกับไทย มีการแบ่งการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น 2 ระดับ คือ รัฐบาลกลางในระดับชาติ และระดับท้องถิ่น แต่ประเทศเกาหลีได้กลับทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศ



การบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเกาหลีใต้ เพิ่งจะมีการปฏิรูปกันอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยรัฐธรรมนูญของเกาหลีใต้มีบทบัญญัติรองรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของเกาหลีใต้แปรเปลี่ยนตามสถานการณ์ทางการเมืองในระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นช่วงสงครามเกาหลีทีทำให้การปกครองท้องถิ่นของเกาหลีใต้ต้องหยุดชะงักลง หรือจะเป็นการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลเผด็จการของปัก จุง ฮี ก็ตาม



แต่อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้ก็มีกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ฉบับแรกตั้งแต่ปี ค.ศ.1949 (Local Autonomy Act in 1949) และได้มีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้หลายต่อหลายครั้ง เพื่อให้การการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นมีความเข้มแข็งและกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันมีการแก้ไขปรับปรุงเมื่อปี ค.ศ. 1995 ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 เป็นต้นมา ซึ่งถือว่ามีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมากขึ้น กล่าวคือเปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง



อังกฤษ



อังกฤษเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปยุโรป มีรูปแบบเป็นรัฐเดี่ยว (Unitary State) เช่นเดียวกับฝรั่งเศส แต่มีความแตกต่างจากฝรั่งเศส ในขณะที่ฝรั่งเศสมีการจัดระบบบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น 3 ระดับ คือ การบริหารราชการส่วนกลาง การบริหารราชการส่วนภูมิภาค และการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น แต่อังกฤษจัดระบบบริหารราชการเพียง 2 ระดับเท่านั้น คือ การบริหารราชการส่วนกลาง และการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น โดยไม่มีการบริหารราชการส่วนภูมิภาค



จากที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นโดยมิได้กล่าวถึงสหรัฐอเมริกาซึ่งมีรูปแบบการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นที่หลากหลายรูปแบบโดยไม่มีการบริหารราชการส่วนภูมิภาคแต่ว่าเป็นรูปแบบของรัฐรวมหรือสหรัฐซึ่งแตกต่างจากไทยเราซึ่งเป็นรัฐเดี่ยว โดยผมยกตัวอย่างเฉพาะที่เป็นรัฐเดี่ยวเช่นเดียวกับไทยเพราะเมื่อใดที่มีการยกประเด็นการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นมา ก็จะถูกยกประเด็นการเป็นรัฐเดี่ยวและการมีกษัตริย์เป็นประมุขของประเทศขึ้นมาโต้แย้งอยู่เสมอ และแน่นอนว่าผมมิได้ยกตัวอย่างประเทศพม่า ลาว กัมพูชา หรือประเทศในแถบอาฟริกาที่ยังคงมีการบริหารราชการส่วนภูมิภาคอยู่เช่นเดียวกับไทยอยู่แล้ว



ประเทศไทยถึงเวลาเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วหรือยัง



คำตอบของผมก็คือหากอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดของไทยเรายังเป็นเสมือนบุรุษไปรษณีย์ที่ไม่มีอำนาจและงบประมาณเป็นของตนเอง การตัดสินใจต่างๆ ล้วนแล้วแต่รวมศูนย์อำนาจอยู่แต่ในส่วนกลางคือตัวปัญหา การเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดโดยยังคงมีการบริหารราชการส่วนภูมิภาคจึงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเพราะผลที่ได้มาภายหลังการเลือกตั้งก็ยังคงเหมือนเดิม



การบริหาราชการส่วนภูมิภาคนั้นนอกจากจะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาทางด้านการเมืองและการปกครองเพราะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ไว้วางใจประชาชนในท้องถิ่นแล้ว ยังทำให้เกิดความล่าช้าในการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะเป็นการเพิ่มขั้นตอน อีกทั้งยังก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อท้องถิ่น เพราะถูกบริหารจัดการจากเจ้าหน้าที่ที่มาจากที่อื่น ซึ่งไม่มีทางที่จะเข้าใจปัญหาของท้องถิ่นเท่ากับคนท้องถิ่นเอง



ฉะนั้น การมีการบริหารราชการส่วนภูมิภาคนั่นเองที่เป็นตัวปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน การยกเลิกเสียซึ่งการบริหารราชส่วนภูมิภาคต่างหากคือคำตอบที่ถูกต้อง ไม่ว่าตำแหน่งหัวหน้าผู้บริหารราชการส่วนท้องถิ่นจะเรียกชื่อว่าอะไรก็ตาม



----------------------------

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 19 ตุลาคม 2553

หมายเลขพิเศษ 4 หลัก

Print มาเก็บไว้ครับ มีประโยชน์



1100 บริการข่าวสารข้อมูลของ ทศท บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่คิดค่าบริการ
1103 ให้บริการข้อมูลข่าวสารการให้บริการของบริษัทฯ TT&T อัตราปกติ
1111 บริการข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อัตราปกติ
1113 ให้บริการข้อมูลเลขหมายโทรศัพท์และอื่นๆ บริษัทสามารถ นาทีละ 6 บาท
1115 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารออมสิน อัตราปกติ
1120 ศูนย์บริการลูกค้า ทศท บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่คิดค่าบริการ
1123 ให้บริการข้อมูลข่าวสาร กระทรวงคมนาคม สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ไม่คิดค่าบริการ
1125 แจ้งน้ำประปาขัดข้องในเขตนครหลวง การประปานครหลวง อัตราปกติ
1128 บริการลูกค้า Hutch อัตราปกติ
1130 ให้ข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า ( Call Center ) การไฟฟ้านครหลวง อัตราปกติ
1133 สอบถามเลขหมายโทรศัพท์ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่คิดค่าบริการ
1134 รับแจ้งเบาะแสและให้ความช่วยเหลือเด็ก มูลนิธิปวีณา หงสกุล ไม่คิดค่าบริการ
1135 บริการให้ข้อมูลในเรื่องคดีเศรษฐกิจ กองบังคับการสืบสวนคดีเศรษฐกิจ อัตราปกติ
1136 รับแจ้งเหตุการทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กรมตำรวจป่าไม้ อัตราปกติ
1137 แจ้งข้อมูลการจราจร สถานีวิทยุ จส. 100 ไม่คิดค่าบริการ
1139 ให้บริการข่าวกรองทหาร หน่วยข่าวกรองทหาร ไม่คิดค่าบริการ
1140 รับเรื่องร้องทุกข์และข้อเสนอแนะมายังศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงบประมาณ อัตราปกติ
1142 PAGING (PACKLINK) บริษัทเปอร์คอมเซอร์วิช จำกัด อัตราปกติ
1143 PAGING (PACKLINK) โดยไม่ผ่าน Operator บริษัทเปอร์คอมเซอร์วิช จำกัด อัตราปกติ
1144 PAGING (PACKLINK) โดยผ่าน Operator บริษัทเปอร์คอมเซอร์วิช จำกัด อัตราปกติ
1149 AIS Corporate Call Center บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส อัตราปกติ
1150 ให้บริการสั่งอาหาร บริษัทเคเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อัตราปกติ
1154 สอบถามเลขหมายโทรศัพท์ธุรกิจ (สมุดหน้าเหลือง) บริษัทเทเลอินโฟมีเดีย จำกัด อัตราปกติ
1155 ให้ความช่วยเหลือปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไม่คิดค่าบริการ
1156 ให้ข้อมูลและรับผิดข้อคิดเห็นเกี่ยวกับ พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ อัตราปกติ
1157 ให้ข้อมูลด้านกฎหมายทั่วไป สำนักงานอัยการสูงสุด อัตราปกติ
1158 ให้ข้อมูลและคำปรึกษางานคดีแรงงาน สำนักงานอัยการสูงสุด อัตราปกติ
1159 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานบริการของกรมการกงศุล กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศ อัตราปกติ
1160 ให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการเกษตร โครงการวิทยุเพื่อนเกษตร อัตราปกติ
1164 สอบถามการนำเข้าและส่งออก กรมศุลกากร ( กระทรวงการคลัง) อัตราปกติ
1165 ให้บริการฮอทไลน์แก้ปัญหายาเสพติด กรมการแพทย์ ( กระทรวงสาธารณสุข) อัตราปกติ
1166 รับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับสินค้าบริโภค คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค อัตราปกติ
1167 ให้แนะนำเผยแพร่และให้คำปรึกษาแก่ประชาชน สภาทนายความ อัตราปกติ
1169 บริการข้อมูลการค้าเร่งด่วนเกี่ยวกับการส่งออก กรมส่งเสริมการส่งออก อัตราปกติ
1170 บริการข้อมูลข่าวสารด้านการเกษตร บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) อัตราปกติ
1173 บริการข้อมูลรายละเอียดของหน่วยงานหรือบริษัทที่ต้องการติดต่อ บริษัทเยลโลว์ เพจเจสโฟนเซิร์ซ จำกัด อัตราปกติ
1174 บริการข้อมูลเกี่ยวกับข่าวสารยางพารา กรมวิชาการเกษตร อัตราปกติ
1175 บริการข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของบริษัท AIS บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส อัตราปกติ
1176 TOT SME Call Center บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ( มหาชน) ไม่คิดค่าบริการ
1177 แจ้งโทรศัพท์ขัดข้อง บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่คิดค่าบริการ
1178 รับแจ้งเหตุด่วน-เหตุร้ายเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าว สำนักตรวจคนเข้าเมือง อัตราปกติ
1179 ให้บริการข้อมูลข่าวสารระดมเงินออมระยะยาว กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ อัตราปกติ
1180 ใช้เป็นเลขหมายสำหรับเรียกไปยังลูกข่ายของ TRUNK PHONE บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อัตราปกติ
1182 ให้ข้อมูลพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา อัตราปกติ
1187 Paging (Post Tel) ฝากข้อความโดยไม่ผ่าน Operator กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ
1188 Paging (Post Tel) โดยผ่าน Operator กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ
1189 Paging (Post Tel) บริการข้อมูลข่าวสาร กรมไปรษณีย์โทรเลข อัตราปกติ
1190 แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ไม่คิดค่าบริการ
1192 บริการกำกับดูแลการป้องกันแบะปราบปรามการโจรกรรมรถ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่คิดค่าบริการ
1193 แจ้งอุบัติเหตุบนทางหลวง กองบังคับการตำรวจทางหลวง ไม่คิดค่าบริการ
1194 รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับพฤติกรรมข้าราชการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่คิดค่าบริการ
1195 กองปราบปราม กองบังคับการตำรวจปราบปราม อัตราปกติ
1196 แจ้งอุบัติเหตุทางน้ำ กองบังคับการตำรวจน้ำ ไม่คิดค่าบริการ
1197 ให้ข้อมูลจราจร ตำรวจจราจร อัตราปกติ
1199 รับแจ้งข้อเสนอ ข้อสังเกตและคำร้องเรียนต่างๆ เกี่ยวกับกรมเจ้าท่า กรมเจ้าท่า อัตราปกติ
1222 Internet Access (TOTonline) บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 3 บาท / call ทั่วประเทศ
1238 Tip card บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นาทีละ 2 บาท
1239 บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ( Tip card) บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 3 บาท / call ทั่วประเทศ
1318 CALL CENTER นกแอร์ อัตราปกติ
1322 CAT CONTACT CENTER บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) อัตราปกติ
1323 - โรงพยาบาลนิติจิตเวช อัตราปกติ
1330 โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค กระทรวงสาธารณสุข อัตราปกติ
1331 บริการลูกค้า Orange บริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ จำกัด อัตราปกติ
1333 บริการบัวหลวงโฟน ธนาคารกรุงเทพ อัตราปกติ
1355 บริการข้อมูลข่าวสารศาลปกครอง ศาลปกครอง อัตราปกติ
1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม อัตราปกติ
1364 บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)
1365 บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)
1477 แจ้ง Lease Line ขัดข้อง บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
1500 Paging (Easy Call) โดยผ่าน Operator บริษัทแมทริกซ์ ( ประเทศไทย) จำกัด อัตราปกติ
1501 Paging (Easy Call) โดยไม่ผ่าน Operator บริษัทแมทริกซ์ ( ประเทศไทย) จำกัด อัตราปกติ
1502 Paging (Easy Call) ( ยังไม่เปิดให้บริการ) บริษัทแมทริกซ์ ( ประเทศไทย) จำกัด อัตราปกติ
1503 ให้ความช่วยเหลือและประสานงานในสภาวะฉุกเฉินในเขต จ.ระยอง กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อัตราปกติ
1504 ให้ความช่วยเหลือและประสานงานในสภาวะฉุกเฉินในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อัตราปกติ
1505 รับแจ้งเบาะแสผู้ที่หลีกเลี่ยงภาษี กรมสรรพากร อัตราปกติ
1506 รับเรื่องร้องทุกข์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม อัตราปกติ
1507 ศูนย์บริการให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ กรมประชาสงเ?ราะห์ อัตราปกติ
1508 รับแจ้งเรื่องราวร้องทุกข์เกี่ยวกับการบริการรถโดยสาร บริษัท ขนส่ง จำกัด อัตราปกติ
1509 เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย ( School Net) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ 3 บาท / call ทั่วประเทศ




1540 บริการรับแจ้งแก๊สรั่ว บริษัท ปตท. จำกัด ( มหาชน) อัตราปกติ
1541 รับแจ้งข้อมูลอาชญากรรมและยาเสพติด มูลนิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย อัตราปกติ
1542 บริการให้คำปรึกษาการแก้ปัญหาฆ่าตัวตาย มูลนิธิสะมาริตัน อัตราปกติ
1543 บริการข้อมูลและรับแจ้งเหตุเกี่ยวกับบริการทางด่วน การทางพิเศษแห่งประเทศไทย อัตราปกติ
1547 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร บริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส ( ประเทศไทย จำกัด) อัตราปกติ
1548 บริการข้อมูลเกี่ยวกับงานทะเบียนราษฎร์ สำนักงานกลางทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง อัตราปกติ
1549 Prepaid Card บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน)
1551 บริการข้อมูลและข่าวสารของ ธ.กรุงไทย ธนาคารกรุงไทย อัตราปกติ
1552 จองห้องพักโรงแรมในสมาคมโรงแรมไทย สมาคมโรงแรมไทย อัตราปกติ
1553 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดนครธน อัตราปกติ
1554 บริการให้คำปรึกษาแนะนำผู้ป่วย สำนักงานแพทย์กรุงเทพฯ อัตราปกติ
1555 ให้บริการข้อมูลและบริการของ กทม. กรุงเทพมหานคร ไม่คิดค่าบริการ
1556 ให้คำปรึกษาอาหารและยา สำนักกรรมการอาหารและยา 3 บาท / call ทั่วประเทศ
1557 ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ บริษัทวิริยะประกันภัย อัตราปกติ
1558 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารทหารไทย อัตราปกติ
1560 บริการสำรองที่นั่งเครื่องบิน บริษัท การบินไทย อัตราปกติ
1561 บริการข่?วสารและข้อมูลของ ธ.ไทยพาณิ ชย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ อัตราปกติ
1566 บริการข่าวสารและข้อมูลของบริษัทการบินไทย บริษัท การบินไทย อัตราปกติ
1567 ให้บริการข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย อัตราปกติ
1569 รับแจ้งการร้องทุกข์เกี่ยวกับราคาสินค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ อัตราปกติ
1571 บริการข่าวสารและข้อมูลของ ธ. กสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย อัตราปกติ
1575 ให้ข้อมูลที่อยู่อาศัย บริษัท ดิจิตอล แอสเซ็ท จำกัด อัตราปกติ
1576 บริการให้คำปรึกษาปัญหาเยาวชนและครอบครัว ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อัตราปกติ
1578 รับแจ้งขอความช่วยเหลือเพื่อดูแลเด็ก กรมประชาสงเคราะห์ ไม่คิดค่าบริการ
1580 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารยูโอบี รัตนสิน จำกัด (มหาชน) อัตราปกติ
1581 ให้บริการข่าวสารข้อมูลของบริษัท AIA อัตราปกติ
1582 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารอาคารสงเคราะห์ อัตราปกติ
1584 - ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ อัตราปกติ
1585 ให้บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารเอเซีย อัตราปกติ
1588 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารซิตี้แบงก์ สาขากรุงเทพฯ อัตราปกติ
1589 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคาร ดีบีเอส ไทยทนุ จำกัด อัตราปกติ
1590 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ อัตราปกติ
1591 บริการข่าวสารข้อมูลของธนาคาร ธนาคารกรุงเทพ อัตราปกติ
1593 ศูนย์การเกษตรกรให้ข้อมูลข่าวสารเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตร (ธ.ก.ส.) อัตราปกติ
1595 บริการข้อมูลข่าวสาร ธนาคารแสตนดาร์ด ชาเตอร์ นครธน อัตราปกติ
1598 ร้องเรียนความไม่สะดวกจากหน่วยงานราชการ สำนักงาน กพ. อัตราปกติ
1599 บริการข่าวสารและข้อมูลของตำรวจ ศูนย์อำนวยการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัตราปกติ
1600 ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่ผู้ต้องการเลิกสูบบุหรี่ มูลนิธิหมอชาวบ้าน อัตราปกติ
1601 ให้บริการ Internet ศูนย์บริกา??อินเตอร์เน็ต ประเทศไทย อัตราปกติ
1602 ให้บริการ Internet บริษัทสามารถอินโฟเนต จำกัด อัตราปกติ
1609 เผยแพร่ความรู้ทางวิชาการผ่านคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อัตราปกติ
1620 Call Center บริษัทกรุงเทพประกันภัย จำกัด ( มหาชน) อัตราปกติ
1643 ให้บริการ Internet บริษัท เอดีเวนเจอร์ จำกัด อัตราปกติ
1644 ให้บริการข้อมูลข่าวสารการจราจร สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ( คจร) ไม่คิดค่าบริการ
1645 ให้ความรู้เรื่องโรคเอดส์และให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย สมาคมแนวร่วมภาคธุรกิจไทยต้านภัยเอดส์ อัตราปกติ
1646 บริการประสานงานการรับส่งตัวผู้ป่วย สำนักการแพทย์ กทม. อัตราปกติ
1661 บริการรถแท็กซี่ สหกรณ์แท็กซี่สยาม จำกัด อัตราปกติ
1662 แจ้งน้ำประปาขัดข้องในภูมิภาค การประปาภูมิภาค อัตราปกติ
1663 ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคเอดส์ สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1664 บริการข้อมูลเพื่อรณรงค์ขจัดโรคขาดสารไอโอดีน สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1665 ให้คำแนะนำในการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้น สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1666 รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย อัตราปกติ
1667 ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต ไม่คิดค่าบริการ
1668 ให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็ง กรมการแพทย์ อัตราปกติ
1669 รับแจ้งอุบัติเหตุและให้คำแนะนำฉุกเฉินในการดูแลคนป่วย กระทรวงสาธารณสุข ไม่คิดค่าบริการ
1670 ให้บริการสังคมเพื่อคลายปัญหาดับทุกข์ทางใจ กรมสุขภาพจิตร่วมกับ อ.ส.ม.ท. FM. 95.5 MHz อัตราปกติ
1675 บริการสายด่วนโภชนา (กรมอนามัย) กระทรวงสาธารณสุข อัตราปกติ
1677 รับแจ้งเหตุและช่วยเหลือสาธารณะทั่วไป บริษัท UCOM จำกัด อัตราปกติ
1678 ศูนย์บริการข่าวสารและข้อมูลด้านสินค้าของบริษัท บริษัท UCOM จำกัด อัตราปกติ
1679 ให้บริการเคเบิลทีวีของบริษัท การท่?เรือแห่งประเทศไทย อัตราปกติ
1680 ให้บริการ Internet บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อัตราปกติ
1681 บริการรถแท็กซี่ ศูนย์บริการวิทยุสื่อสารบนรถรับจ้างสาธารณะ อัตราปกติ
1685 บริการข้อมูล บ้านแสนศิริ อัตราปกติ
1688 รับแจ้งข้อมูลการผลิตและจำหน่ายยาเสพติด ตำรวจปราบปรามยาเสพติด / ศาลากลางปัตตานี ไม่คิดค่าบริการ
1690 สอบถามข้อมูลฉุกเฉิน การรถไฟแห่งประเทศไทย อัตราปกติ
1691 รับแจ้งอุบัติเหตุ โรงพยาบาลตำรวจ ไม่คิดค่าบริการ
1694 ให้คำปรึกษาด้านการช่วยเหลือการจัดหางาน กรมการจัดหางาน อัตราปกติ
1695 รับแจ้งร้องทุกข์เกี่ยวกับผู้ถูกหลอกลวง กรมการจัดหางาน อัตราปกติ
1696 รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ อุบัติภัยทางน้ำ กรมสื่อสารทหารเรือ ไม่คิดค่าบริการ
1697 ให้คำปรึกษาด้านการช่วยเหลือการจัดหาแรงงาน กระทรวงมหาดไทย อัตราปกติ
1698 ให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างการว่างงาน กระทรวงแรงงานฯ อัตราปกติ
1699 ให้ข้อมูลบริการของโรงแรม โรงแรมดุสิตธานี อัตราปกติ
1719 CALL CENTER โรงพยาบาลกรุงเทพ อัตราปกติ
1772 Call Center โรงพยาบาลพญาไท 2 อัตราปกติ
1777 Call Center Thai Mobile อัตราปกติ
1888 บริการ TOT POSTPAID บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ไม่คิดค่าบริการ

ต้องดูเอง

http://link.brightcove.com/services/player/bcpid1418565565?bctid=23207933001

ดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารช่วยลดอาการหัวใจวาย

Subject: Fw: ดื่มน้ำอุ่นหลังอาหารช่วยลดอาการหัวใจวาย






PA very good article which takes two minutes to read. Sent by a friend who had about 25 or 30 years in the field with such emergencies....I ' m sending this to persons I care about......why not do the same ?????

This is a very good article. Not only about the warm water after your meal, but about Heart Attacks . The Chinese and Japanese drink hot tea with their meals, not cold water, maybe it is time we adopt their drinking habit while eating.

นี่เป็นบทความที่ดีมาก ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำอุ่นหลังอาหาร แต่เป็นเรื่อง หัวใจวาย เ ลยทีเดียว
คนจีนและคนญี่ปุ่นจะดื่มชาร้อนกับอาหาร ไม่ดื่มน้ำเย็น และตอนนี้คงถึงเวลาแล้วที่เราจะนำ นิสัยการดื่ม แบบนี้มาใช้เวลาเรากิน

For those who like to drink cold water, this article is applicable to you. It is nice to have a cup of cold drink after a meal. However, the cold water will solidify the oily stuff that you have just consumed. It will slow down the digestion. Once this ' sludge ' reacts with the acid, it will break down and be absorbed by the intestine faster than the solid food. It will line the intestine. Very soon, this will turn into fats and lead to
cancer . It is best to drink hot soup or warm water after a meal.

บทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มน้ำเย็น มันรู้สึกดีที่ได้ดื่มน้ำเย็นๆซักแก้วนึง หลังอาหาร แต่น้ำเย็นจะทำ ให้ไขมันจากอาหารที่เรากินเข้าไปจับตัวกันและมันก็ทำให้การย่อยช้าลงด้วย
เมื่อกากไขมันเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับกรด มันจะแตกตัวและถูกดูดซึมโดย ลำไส้ และในไม่ช้า มันจะกลายเป็นไขมันซึ่งส่งผลให้เกิด มะเร็ง ได้ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดถ้าเราดื่มซุบร้อนๆ หรือ น้ำอุ่นหลังอาหาร

Common Symptoms Of Heart Attack...
A serious note about heart attacks - You should know that not every heart attack symptom is going to be the left arm hurting .. Be aware of intense pain in the jaw line .
อาการสามัญของหัวใจวาย
หมายเหตุที่สำคัญของหัวใจวาย - คุณควรรู้ว่าไม่ทั้งหมดของอาการหัวใจวายนั้นจะเป็น การเจ็บที่แขนซ้าย ระวัง การปวดที่รุนแรงของแนวกราม ด้วย

You may never have the first chest pain during the course of a heart attack. Nausea and intense sweating are also common symptoms. 60% of people who have a heart attack while they are asleep do not wake up. Pain in the jaw can wake you from a sound sleep. Let ' s be careful and be aware. The more we know, the better chance we could survive.
คุณอาจจะไม่มี อาการเจ็บหน้าอก เป็นอันดับแรก ระหว่างการเป็นหัวใจวาย อาการคลื่นไส้และเหงื่อออกอย่างมาก ก็เป็นอาการสามัญ 60% ของผู้ที่มีอาการหัวใจวายขณะนอนหลับจะไม่ตื่นเลย อาการปวดที่กรามสามารถปลุกคุณจากการนอนได้
จงระวังและตระหนักไว้ ยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่เราจะมีชีวิตรอดเท่านั้น

A cardiologist says if everyone who reads this message sends it to 10 people, you can be sure that we ' ll save at least one life. Read this & Send to a friend. It could save a life. So, please be a true friend and send this article to all your friends you care about.
นักหัวใจวิทยาท่านหนึ่งพูดว่า ถ้าใครก็ตามที่ได้อ่านข้อความนี้ส่งมันต่อไปยังคนอีก 10 คน คุณแน่ใจได้เลยว่าเราจะช่วยชีวิตคนๆหนึ่งได้ ดังนั้น โปรดเป็นเพื่อนที่ดีและส่งบทความนี้ให้เพื่อนทุกคนที่คุณห่วงใย

ค้นหา