วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

Top Secret.‏

ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย



การ นอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับ เครื่องยนต์ overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว) ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก

1. ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า
2. ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้
ระบบการย่อยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึก อุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษ อะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า แนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึกแม้ เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อ สัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวารจะถามหา (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนม แทนไข่)
ท้องผูก มี 2 ลักษณะ
1. ผูกแข็ง คือ อุจจาระแข็ง
2. ผูกเหลว คือ อาการถ่ายอุจจาระไม่หมด ยังค้างอยู่ แต่ลำไส้ล้า กระเพาะอาหารล้า ทำให้ไม่มี แรงบีบให้ออกจนหมด ดังนั้นในวันหนึ่งๆ จึงต้องถ่ายหลายครั้ง

โรคที่จะตามมาก็คือ ผื่นคันบริเวณขาหนีบ (ไม่ใช่เพราะความ สกปรกหมักหมม) จะคันทั้งวัน ปกติอุจจาระจะกึ่งแข็งกึ่งเหลว ถ้าแข็งแสดงว่าส่วน ที่เป็นน้ำได้ซึมกลับเข้ามาในลำไส้ ซึ่ง มันเป็นของเสีย ที่ต้องขับออก ผลก็คือทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะมาประทุบริเวณเนื้ออ่อนๆ เช่นที่ขาหนีบ สาเหตุก็มาจาก ท้องผูกนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก ถ้าต้องดึกก็ให้ออกกำลังหน้าท้อง ให้ท้องเกิดกำลัง จะได้รีดอุจจาระออกมา ได้เร็ว ทานเสร็จแล้วอย่านอน ให้เดินสักครึ่งชั่วโมง เพราะพอขาได้เดิน ลำไส้มันก็ต้องไปกับขาด้วย จะช่วย ทำให้ย่อยได้ดีขึ้น ท้องจะผูกน้อยลง ผื่นคันก็จะหาย ถ้ายังไม่หาย (เนื่องจากอายุมาก) ให้ทานน้ำขิงสด (ไม่ใช่ขิงผง เป็นซองๆ) พวกที่นอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หา ถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชา
ระบบปัสสาวะ ถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้อง ลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย overload ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อยทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับ ปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่ แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซี่ยมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทาน แคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง สรุปแล้วการอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง
การนอนดึกต้องดื่มน้ำให้มาก และเติมเกลือในน้ำด้วย คือพอเราดื่มแล้วมันออกมาหมดทั้งทางปัสสาวะและเหงื่อ เราทานเกลือมากๆ ยังออกทางเหงื่อได้ แต่ถ้าทานแคลเซี่ยมมากทำให้กระดูกงอก ส่วนโค้ก เป๊ปซี่ กระทิงแดง อย่าทาน พอเราอยู่ดึกและกลั้นปัสสาวะ มันจะซึมกลับเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ก็จะไปประทุที่ขาหนีบ หรือท้องแขนเป็นเม็ดแดงๆ เป็นจ้ำขึ้นทั่วเลย บางคนไม่กลั้น แต่ดื่มน้ำน้อย อาการก็จะเหมือนกับการโม่ แป้งฝืดๆ ลำไส้บีบตัวไม่ไหว ต้องเค้น ก็จะเพลีย แต่ถ้าดื่มน้ำมาก ทำให้ถ่ายสบาย ถ้าดื่มน้ำน้อยจะทำให้กรดยูเรียเข้มข้น พอเรากลั้นปัสสาวะมันก็จะซึมเข้าเส้นเลือด ทำให้น้ำเหลืองเสีย ถ้ากลั้นบ่อยๆ จะทำให้ปัสสาวะไม่หมด ระบบเหงื่อ คนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก
ระบบหายใจ ระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่ อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ ได้ แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้ เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า การใช้สบู่ ให้ใช้สบู่เด็ก เพราะเป็นสบู่อ่อน การกัดจะน้อย อย่าใช้สบู่แรงๆ ให้ฟอกสบู่วันละครั้งก็พอ ถ้าฟอกวันละหลายๆ ครั้งไขมันจะหมด จะทำให้ผิวแตก ถ้าคันมากๆ อันเนื่องมาจากการนอนดึก ถ้า เราไม่ทราบเราจะยิ่งฟอกสบู่หนักเข้าซึ่งไม่ดี ให้ฟอกวันเว้นวัน การดูแลรักษาร่างกายให้ดี จะทำให้นั่งสมาธิได้ดี นั่งได้นาน ไม่คัน ไม่เข้าห้องน้ำบ่อย




นิสัยที่ทำร้ายสมอง



1. ไม่ทานอาหารเช้า หลายคนคิดว่าไม่ทานอาหารเช้า แล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ แต่นี้จะเป็นสาเหตุให้สารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองเสื่อม

2. กินอาหารมากเกินไป จะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคความจำสั้น

3. การสูบบุหรี่ เป็นสาเหตุให้เป็นโรคสมองฝ่อและเป็นสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์

4. ทานของหวานมากเกินไป จะไปขัดขวางการดูดกลืนโปรตีนและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ เป็นสาเหตุของการขาดสารอาหารและขัดขวางการพัฒนาสมอง

5. มลภาวะ สมองเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุดในร่างกายการสูดเอาอากาศที่เป็นมลภาวะ เข้าไปจะทำให้ออกซิเจนในสมองมีน้อยส่งผลให้ประสิทธิภาพของสมองลดลง

6. การอดนอน เป็นเวลานานจะทำให้เซลล์สมองตายได้ ส่วนการนอนหลับจะทำให้สมองได้พักผ่อน

7. นอนคลุมโปง จะเป็นการเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้มากขึ้นและลดออกซิเจนให้น้อยลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

8. ใช้สมองในขณะที่ไม่สบาย การทำงานหรือเรียนขณะที่กำลังป่วย จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเหมือนกับการทำร้ายสมองไปในตัว

9. ขาดการใช้ความคิด การคิดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการฝึกสมองการขาดการใช้ความคิดจะทำให้สมองฝ่อ

10. เป็นคนไม่ค่อยพูด ทักษะทางการพูดจะเป็นตัวแสดงถึงประสิทธิภาพของสมอง

สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญยังไงก็อย่าลืมหันมาเอาใจใส่กันด้วย.




เคล็ดลับกำจัด..กลิ่นปาก


เรื่องกลิ่น โดยเฉพาะที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าเกิดที่ไหนย่อมไม่ดีแน่ เดี๋ยวใครต่อใครจะพาลเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นสาวหมักหมม ชอบบ่มเพาะความสกปรกไว้กับตัว อย่ากระนั้นเลย เรามาเริ่มพิชิตกลิ่นปากกันเถอะค่ะ

กลิ่นนี้มีที่มา ถามถึงที่มาของกลิ่น ที่รวยรินออกมาจากปากมากจากคุณหมอ ฟังแล้วต้องตบอกผาง เพราะท่านตอบมาว่า.. นานาสารพันเชียวหนูจ๋า ทั้งกลิ่นจากอาหารที่เรากินเข้าไป, เศษอาหารที่ค้างคาอยู่ตามซอกฟัน, แบคทีเรียในหมากฝรั่ง, การกินอาหารไม่ถูกหลัก (อันนี้พวกสาวไดเอ็ทต้องระวัง), การติดเชื้อทางระบบหายใจ, ระบบย่อยอาหารเกิดอาการผิดปกติ,การ เสื่อมและผุพังของเนื้อฟัน รวมถึงกลิ่นจากการสูบบุหรี่

แต่จะขอบอกไว้ให้รู้กันทั่วว่า ตัวการร้ายอันดับหนึ่ง คือแบคทีเรียไม่รักดี ที่ทั้งเกิดและอาศัยอยู่บนลิ้นของเราๆท่านๆ นั่นเอง

แบคทีเรีย ชนิดนี้มีอยู่ในปากของทุกคน มีหน้าที่อะไรไม่รู้แน่ แต่ชอบเปลี่ยนตัวเองเป็นสารประกอบซัลเฟอร์ (กำมะถัน) ซึ่งสารประกอบตัวนี้พอมีมากๆเข้าก็จะทำให้เกิดกลิ่นปากตามมา

ดัง นั้น ถ้าไม่นับกรณีของอาการป่วยต่างๆ การที่บางคนมีกลิ่นปาก แต่บางคนไม่มี จึงขึ้นอยู่กับปริมาณของเจ้าแบคทีเรียตัวที่ว่านี่แหละเป็นสำคัญ



กลเม็ดพิชิตกลิ่นปาก

อย่าง ที่บอกไว้ว่า กลิ่นปากเกิดจากแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนลิ้น จึงไม่มีทางกำจัดมันออกไปได้ (นอกจากจะตัดลิ้นทิ้ง) แต่เราก็ยังมีวิธีที่จะช่วย ไม่ให้เจ้าตัวร้ายก่อการได้สะดวกโยธินนัก ดังนี้ค่ะ
· อย่าปล่อยให้ปากแห้ง เพราะเมื่อปากแห้งความเข้มข้นของแบคทีเรียในปากจะเพิ่มมาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย
· ดื่มน้ำมากๆ ช่วยล้างแบคทีเรียออกจากน้ำลาย
· แปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร และอย่าลืมแปรงด้านบนของลิ้น อันเป็นที่เกิดของแบคทีเรียด้วย 4.ใช้ไหมขัดฟันวันละ 2-3 ครั้ง
· ถ้าไม่สะดวกจะแปรงฟัน ให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำยาบ้วนปาก
· เคี้ยวหมากฝรั่งชนิดที่ไม่มีน้ำตาล
· เคี้ยวใบผักชีฝรั่งหรือกานพลูหลังมื้ออาหาร
· งดอาหารกลิ่นแรง เช่น กระเทียม,หอมใหญ่,พริกไทย และชีส
· หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
· กินอาหารให้ครบหมู่ แม้ว่าคุณจะกำลังลดความอ้วนอยู่ก็ตาม
· เลิกสูบบุหรี่
· ตรวจสุขภาพฟันสม่ำเสมอ



คุณเผลอทำร้ายสมอง โดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า

นอก จากจิตใจแล้ว สมองดูเหมือนจะสำคัญรองลงมา ที่คอยควบคุมร่างกายต่าง ๆ ให้ทำตามที่ใจนึก ปกติคนเราจะทำงานโดยเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมง แต่สมองของคนเรานั้นทำงานมากกว่า สมองจะเริ่มทำงานตั้งแต่เราตื่นนอน กว่าจะได้พักก็ต่อเมื่อเรานอนหลับเท่านั้น



แต่ก็มีบางพฤติกรรมที่เราอาจจะเผลอทำลงไปโดยไม่รู้ว่าเป็นการทำร้ายสมองของเรา มาเช็คดูสิว่าคุณเผลอทำอาการดังต่อไปนี้หรือเปล่า



กินของหวานหรืออาหารมากเกินไป

การ กินอาหารมากเกินความจำเป็นอาจจะทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยอาหารได้หมด เมื่ออาหารที่ย่อยไม่หมดเกิดตกค้างก็จะทำให้ระบบในร่างกายรวนไปหมด แถมยังทำให้เกิดอาการความจำสั้นด้วย
ส่วนการกินของหวานนั้นอาจจะทำให้มีน้ำตาลในกระแสเลือกมาก ขัดขวางการดูดซับโปรตีนและสารอาหารอื่น ๆ ที่จะไปเลี้ยงสมอง



นอนคลุมโปง

ตามปกติเมื่อเราหายใจออกเราจะเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ออกมาด้วย และเมื่อคลุมโปงคุณก็จะหายใจเอาก็าซที่ว่าเข้าไปด้วย
แต่ !!! ร่างกายของเราต้องการอ็อกซิเจนค่ะ ไม่คาร์บอนฯ หากคุณคลุมโปงนานอาจจะทำให้สมองตายหรือเป็นอัมพาตได้เลยนะคะ



ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง

ขนาด พนักงาน 7-11 เขายังมีเปลี่ยนกะกันเลย แต่นี่สมองนะคะ คุณจะไม่พักสักหน่อยหรือ จำไว้ว่าถ้าร่างกายคุณไม่สบายก็อย่าฝืน แม้ว่าคุณอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่สมองคุณล่ะคะ ถามเค้าหรือยังว่าไหวหรือเปล่า ?
คิดสักนิด ชีวิตจะได้มีรอยหยัก (ในสมอง)

เคยได้ยินชื่อโรคสมองฝ่อใช่มั้ยค่ะ นั่นแหล่ะ มันเกิดจากการที่คนเราไม่ยอมคิดอะไรเลย

ดัง นั้นหมั่นใช้สมองทุก ๆ วัน คุณอาจจะหาเกมปริศนาอักษรไขว้ หรือ สุโดกุ มาเล่นเพื่อฝึกสมองก็ได้นะคะ ถือเป็นการออกกำลังสมองค่ะ ชีวิตเป็นสิ่งมีค่า เมื่อได้มาต้องรักษาให้ดีนะคะ แล้วคนที่จะรักษาชีวิตเราได้ดีที่สุด ก็คือตัวเราเอง ไม่ใช่ใครอื่นไกลเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา