วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

น้ำทับทิมทำหน้าเต่งตึง-ประโยชน์เพียบ‏

น้ำทับทิมทำหน้าเต่งตึง-ประโยชน์เพียบ





มหัศจรรย์แห่งทับทิม ประโยชน์มากมาย

ทับทิม มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่าPunica granatum L.
วงศ์ Punicaceae ภาษาอังกฤษเรียก Pomegranate

ชาวเชียงใหม่และภาคเหนือทั่วไปเรียกมะก้อ ชาวน่านเรียก มะก่องแก้ว ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกหมากจัง ชาวหนองคาย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เรียกพิลา ชาวจีนเรียก เซี๊ยะลิ้ว ชาวสเปนเรียกGranada ส่วนชาวอินเดียเรียก Darim

ทับทิมเป็นไม้พุ่ม ขนาดกลาง สูงประมาณ4-6 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง มีหนามแหลมตามกิ่งก้านใบเดี่ยวขนาดเล็ก รูปใบยาวปลายแหลม ยาว3-4 เซนติเมตร ดอกสีแดงหรือสีขาว

ผลค่อนข้างกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง6-10 เซนติเมตร เมื่อแก่จัดเปลือกผลสีเหลืองอมแดงหรือน้ำตาลอมส้มผิวมักแตกออกเห็นเมล็ดใสอยู่ภายในมากมายเมล็ดมีเนื้อใสสีแดงหรือสีชมพูหุ้มอยู่แยกแต่ละเมล็ดเนื้อทับทิมมีน้ำมาก รสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน

ส่วนที่เรียกทับทิมหนูเ ป็นทับทิมเช่นกันแต่ต่างสายพันธุ์สูงเต็มที่ไม่เกิน 120 เซนติเมตร มีดอกสีแดงตลอดปีนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ

ทับทิม มีถิ่นกำเนิดบริเวณรอยต่อของเอเชียตะวันตกกับตอนบนของเอเชียใต้คือบริเวณตะวันออกของประเทศอิหร่าน ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานและทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัยทับทิมคงเป็นพืชที่ได้รับความนิยมมากว่าพันปีแล้วจึงมีการปลูกแพร่กระจายออกไปทั้งในเขตร้อน(tropical) และกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของทวีปเอเชียยุโรป รวมทั้งในทวีปแอฟริกาด้วย

ทับทิม มีบทบาทอย่างมากในตำนานต่างๆของหลายประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดความสามารถในการเจริญพันธุ์ ชีวิตชั่วนิรันดร์และความตาย เพราะทับทิมมีเมล็ดมากมาย

ชาวกรีก ใช้ทับทิมในงานแต่งงานเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์
ชาวยิว ถือว่าทับทิมเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์
ชาวฮินดู เชื่อว่า ทับทิมเป็นผลไม้โปรดของพระพิฆเณศจึงนิยมนำผลทับทิมไปถวายและใช้ดอก ทับทิม บวงสรวงบูชาพระอาทิตย์พระนารายณ์ และเทวีลักษมี อีกด้วย
ชาวจีน ถือว่าต้นทับทิมเป็นไม้มงคลโดยเฉพาะทับทิมชนิดดอกสีขาวและเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความมีลูกหลานมากมายเนื่องจากผลทับทิมมีเมล็ดมากกิ่งใบทับทิมเป็นไม้มงคลที่ใช้ทุกงานมีการปักยอดทับทิมไว้ที่สิ่งของเซ่นไหว้เจ้าใช้พรมน้ำมนต์และมีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัย

ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อนัยถึงการมีบุตรชายหลายคนในพิธีแต่งงานชาวจีนจะปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาวและให้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่บ่าวสาว

นอกจากนี้ชาวจีนยังมีความเชื่อว่าใบหรือกิ่งทับทิมมีอำนาจไล่ภูตผีปีศาจได้จึงนิยมปลูกทับทิมไว้บริเวณบ้าน และใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้าล้างมือ หลังกลับจากงานศพเพื่อมิให้วิญญาณติดตามเข้ามาในบ้าน

ส่วนชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า เด็กที่กินผลทับทิมจะปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งปวง

ทับทิม ชอบอากาศหนาว ถ้าอยู่ในที่อากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นคงจะตอบคำถามของผู้อ่านได้แล้วว ่าทำไมทับทิมจากประเทศจีนจึงมีเมล็ดสีแดงสวยงาม

ประโยชน์

เมล็ดทับทิมเป็นผลไม้มีรสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน น้ำคั้นจากเมล็ดทับทิมมีกลิ่นหอมชวนดื่มประกอบด้วยน้ำตาลและกรดที่เป็นประโยชน์รวมถึงวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียมและแมกนีเซียมซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ

ทับทิมถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านของชาวอิหร่านและอินเดียมาแต่โบราณน้ำต้มเปลือกทับทิมใช้แก้เจ็บคอ ยาพอกจากใบใช้พอกหนังศีรษะลดอาการผมร่วงน้ำคั้นเมล็ดทับทิมใช้ลดความร้อนในร่างกายเชื่อว่าช่วยล้างระบบต่างๆ ของร่างกายและเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์อีกด้วย

ชาวอาหรับใช้เปลือกรากทับทิมสดๆต้มน้ำ ดื่มถ่ายพยาธิตัวตืด เปลือกจากลำต้นทับทิมต้มน้ำใช้ถ่ายพยาธิชนิดต่างๆ ร่วมกับยาถ่ายใช้เปลือกผลทับทิมผสมกานพลูและฝิ่นรักษาโรคบิดและท้องร่วงอย่างแรง

ชาวอินเดียใช้น้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกทับทิมปรุงยาธาตุ ใช้สมานลำไส้ และแก้ท้องเสียเมล็ดทับทิมใช้บำรุงหัวใจ

ประเทศไทย แพทย์แผนโบราณใช้ทับทิมทั้งต้นหรือที่เรียกทับทิมทั้งห้าเป็นยาระบายหรือถ่ายพยาธิเส้นด้ายและตัวตืด

เปลือก ราก และเปลือกต้นมีฤทธิ์ฝาดสมาน ใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือนพยาธิเส้นด้าย

ใบ ใช้ สมานแผลแก้ท้องร่วง น้ำต้มใบใช้อมกลั้วคอ ทำยาล้างตา

ดอก ใช้ห้ามเลือด

เปลือกผล ใช้สมานแผลแก้บิด แก้ท้องร่วง

ส่วนเนื้อหุ้มเมล็ดมีวิตามินซีสูงแก้โรคลักปิดลักเปิดและใช้แก้กระหายน้ำ

สังเกตได้ว่าชาวไทยใช้ประโยชน์จากทับทิมด้านสมุ นไพรมากกว่าชาติอื่นๆ

ประโยชน์ทางเภสัชวิทยาที่ค้นพบในปัจจุบัน

ระยะนี้น้ำทับทิมได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศเนื่องจากมีคุณค่าอย่างสูงต่อการดูแลสุขภาพน้ำทับทิม 1 แก้วมีวิตามินซีร้อยละ 40 ของความต้องการของผู้ใหญ่ใน1 วัน และมีวิตามินเอ อี และกรดโฟลิกปริมาณสูงน้ำทับทิมที่ผลิตในเชิงธุรกิจจะรวมน้ำคั้นเปลือกผลไว้ด้วย

ชาวบาบิโลเนียในอดีตเชื่อว่าทับทิมเป็นผลไม้ที่ช่วยให้สามารถฟื้นคืนกำลังปัจจุบันงานวิจัยมากมายได้สนับสนุนความเชื่อโบราณนี้

การดื่มน้ำคั้นจากทับทิมวันละแก้วจะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด ลดการแข็งของหลอดเลือดแดงและมีสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้น และมีผลดีอื่นๆต่อสุขภาพ

คุณค่าสารต้านอนุมูลอิสระ

& nbsp; น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีมากเกิดจากจากสารกลุ่มโพลีฟีนอลและแอนโทไซยานินปริมาณสูงที่พบในน้ำทับทิมปริมาณเท่ากัน น้ำทับทิมมีฤทธิ์ต้านต้านอนุมูลอิสระเป็น3 เท่าของไวน์แดงและชาเขียว และสูงกว่าน้ำบลูเบอร์รีน้ำแครนเบอร์รี น้ำองุ่นสีม่วง และน้ำผลไม้ชนิดอื่น

จากการศึกษาวิจัยพบว่าเปลือกทับทิมมีสารกลุ่มแทนนินสูงถึงร้อยละ 22-25โดยประกอบด้วยสารกลุ่มแกลโลแทนนิน (gallotannin)และเอลลาจิแทนนิน (ellagitannin) ปริมาณสูง เปลือกทับทิมตากแห้งใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้สารกลุ่มเอลลาจิแทนนิน มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี

คุณค่าต่อระบบไหลเวียนเลือดลดความดันเลือด ป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดแข็งตัวและโรคหลอดเลือดอุดตัน

ป็นที่ทราบกันดีว่าสารโพลีฟีนอลมีความสามารถยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี หรือแอลดีแอล-คอเลสเตอรอล(LDL-C, low densitylipoprotein cholesterol) ลดการสร้างโฟมเซลล์และ ลดการแข็งตัวของหลอดเลือด

กลุ่มวิจัยไลพิดของอิสราเอลทำงานวิจัยเกี่ยวกับสรรพคุณของน้ำทับทิมที่มีผลต่อโรคหลอดเลือดแข็งตัว พบว่าสารโพลีฟีนอลจากน้ำทับทิมป้องกันไขมันไม่ดีจากปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของเซลล์ได้ 2 วิธี คือ โพลีฟีนอลจากทับทิมเข้าทำปฏิกิริยากับไลพิดโปรตีนโดยตรง

อีกวิธี คือโดยการสะสมของโพลีฟีนอลในมาโครฟาจของหลอดเลือด พบว่าโพลีฟีนอลจากทับทิมลดความสามารถของมาโครฟาจในการออกซิไดซ์ไขมันไม่ดีโดยทำปฏิกิริยากับโมเลกุลไขมันไม่ดี เพื่อหยุดยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระดังกล่าวและยังสะสมในมาโครฟาจในหลอดเลือด ทำให้หยุดยั้งปฏิกิริยาไลพิดเพอร์ออกซิเดชั่นและการสร้างมาโครฟาจที่อุดมไปด้วยไลพิดเพอร์ออกไซด์

นอกจากนี้ สารโพลีฟีนอลในน้ำทับทิมยังเพิ่มการทำงานของเอนไซม์พาราออกโซเนสในพลาสม่าป้องกันไม่ให้ไขมันไม่ดีถูกออกซิไดซ์ทำให้เกิดการแตกตัวของไลพิดเพอร์ออกไซด์ในไลโพโปรตีนที่ถูกออกซิไดซ์ไปแล้วและในรอยเกาะของไขมันที่ผนังหลอดเลือดเมื่อหนูที่มีไขม ันเกาะผนังหลอดเลือดได้รับสารจากน้ำทับทิมพบว่าเกิดการหยุดสร้างรอยแผลจากการเกาะของไขมันขึ้นใหม่อีกด้วย

การศึกษาทางคลินิกพบว่าน้ำทับทิมมีผลดีต่อการป้องกันการเกิดโรคหัวใจน้ำทับทิมลดความข้นของเลือดจากภาวะไขมันสูงงานวิจัยชิ้นหนึ่งกล่าวว่าน้ำทับทิมเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้เลือดสูบฉีดไปยังหัวใจได้ดีขึ้น โดยลดความหนาของผนังหลอดเลือดคาโรติดช่วยการทำงานของไนตริกออกไซด์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบผ่อนคลายลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดจากไขมันในเลือดสูงลดความดันเลือดหยุดการสะสมไขมันและสลายไขมันสะสมที่หลอดเลือดด้วย

อนุมูลอิสระเป็นตัวทำให้คอเลสเตอรอลมีการเปลี่ยนแปลงโดยปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระซึ่งคอเลสเตอรอลที่เปลี่ยนแปลงนั้นจะไปเร่งการแข็งตัวของหลอดเลือดน้ำทับทิมช่วยลดปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระลงได้ครึ่งหนึ่งสามารถลดปริมาณไขมันไม่ดีหรือคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีที่ทำให้เกิดหลอดเลือดอุดตันซึ่งนำไปสู่อาการโรคหัวใจ นอกจากนี้น้ำทับทิมยังลดปริมาณพลัค(plaque) ในหลอดเลือดแดงใหญ่ และเพิ่มปริมาณคอเลสเตอ รอลดีอีกด้วย

เมื่อเร็วๆ นี้ผู้วิจัยทำการทดลองในหนู พบว่าน้ำทับทิมลดการสะสมของไขมันบนผนังหลอดเลือดและหยุดการแข็งตัวของหลอดเลือดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติได้และเชื่อว่าน้ำทับทิมประมาณ 1 แก้วจะช่วยชะลอการแข็งตัวของหลอดเลือดในผู้ป่วยระยะต้นได้

แพทย์ที่สหรัฐอเมริกาเห็นด้วยว่าน้ำทับทิมสามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของการกินอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลัง แต่น้ำทับทิมเพียงอย่างเดียวไม่สามารถป้องกันหรือรักษาโรคหัวใจได้

คุณค่าด้านป้องกันและรักษามะเร็ง

น้ำทับทิมมีผลลดการเกิดมะเร็งเต้านมมะเร็งผิวหนัง งานวิจัยพบว่าน้ำทับทิมสดและน้ำทับทิมที่ผ่านการหมักมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งผิวหนังเชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งเต้านมจำนวนหนึ่งมีฤทธิ์เป็นเอสโทรเจนจ ากพืช

สารกลุ่มเอลลาจิแทนนินจากเปลือกผลทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งกว่า13 ชนิด ได้แก่ มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น

เอลลาจิแทนนินเป็นสารโพลีฟีนอลสำคัญที่พบอยู่ในน้ำทับทิมปริมาณมากเมื่อผ่านเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นกรดเอลลาจิกซึ่งจะถูกแบคทีเรียในร่างกายมนุษย์เปลี่ยนเป็นอนุพันธ์ของสารยูโรลิทินเอ(urolithin A derivative) ต่อไป

ในสัตว์ทดลองพบว่าหนูทดลองที่ได้รับสารสกัดเข้มข้นของน้ำทับทิมมีการสะสมสารยูโรลิทินเอมากในอัณฑะลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก

งานวิจัยเดียวกันในห้องทดลองพบว่ากรดเอลลาจิกและยูโรลิทินเอ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งอัณฑะมนุษย์คณะผู้วิจัยคิดว่าน้ำทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดมะเร็งอัณฑะด้วย

นอกจากนี้ สารดังกล่าวมีคุณสมบัติทำลายเซลล์ม ะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่พบว่าเมื่อให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลองที่ทำให้เกิดมะเร็งสารดังกล่าวจะทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้

คุณค่าป้องกันตับ

รายงานการทดลองเพิ่มเติมพบว่าเมื่อให้สารจากทับทิมกับหนูทดลองก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์เพื่อทำให้เกิดพิษต่อตับพบว่าหนูที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับได้จริง

คุณค่าลดอาการอักเสบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา