วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

หมอแดง : อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี กรมสรรพากร‏

หมอดีที่สุดคือ ตัวเอง

โดย : จุฑารัตน์ ทิพย์นำภา


ภาพประกอบข่าว


เมื่อการแพทย์ในยุคปัจจุบันไม่ได้ผล กินยาเพียงเพื่อระงับอาการปวดให้ทุเลา แต่ไม่ได้แปลว่าจะหายขาด แพทย์ทางเลือกถูกหยิบยกมาพูดถึงมากขึ้น

เวลาติดปีก ใครก็พูดกันอย่างนั้น แต่กว่าจะเข้าใจว่าวันเวลาผ่านไปรวดเร็วแค่ไหน ใช้ชีวิตหัวหกก้นขวิด สำเริงสำราญกับชีวิต ใช้ทุนร่างกายสิ้นเปลือง จนถึงวันที่ทุนร่างกายถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยง เปิดทางให้โรคาพยาธิมาพักพิง

วีระชัย วาสิกดิลก อดีตข้าราชการเล่าถึงช่วงวัยหนุ่มว่า เขาใช้ชีวิตเยี่ยงคนเมืองทั่วไป เรียกว่าอยู่ดี กินดี ตกเย็นตีกอล์ฟ พลบค่ำเที่ยวเตร่ สรวลเสเพลบอย

“มารู้ตัวอีกทีตอนที่ร่างกายทรุดโทรม ปวดหัว ตัวร้อน นอนซม ป่วยไข้ต้องพึ่งยาแก้ปวดเป็นประจำ จนเพื่อนแซวว่า เป็นโรคออเซาะภรรยา” วีระชัย ซึ่งตอนนี้มีชื่อเรียกกันติดปากว่า "หมอแดง" เล่าจุดเปลี่ยนของชีวิต

จากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาษี กรมสรรพากร เปลี่ยนมาเป็นหมอทางเลือกรักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติบำบัดถึงขั้นตั้งคลินิกให้บริการรักษาแนวใหม่ เขาบอกว่า “ต้องขอบคุณความเจ็บป่วย ที่เป็นจุดพลิกผันที่ทำให้ชีวิตของหมอแดงเปลี่ยนไป”

อาการป่วยที่เขาจำต้องเผชิญมานานหลายปีมีตั้งแต่ปวดหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัวทั่วไป จนถึงเจ็บรุนแรงจากภาวะต่อมน้ำเหลืองโต ทั่วร่างกาย เรียกว่าต้องพึ่งพายาแก้ปวด ต้านอักเสบ นอนซม ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อยู่นานหลายเดือน

เขาจำคำพูดของหมอแผนปัจจุบันได้ชัดเจนว่า “ไม่มีทางรักษา วิธีทางเดียวคือประคับประคอง” ทำให้เขาจำต้องใช้ชีวิตเดินทางเข้าออกโรงพยาบาลนานหลายเดือน

โรคที่เป็นว่าทุกข์ทรมานมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เท่าวันหนึ่งที่รู้ตัวว่า โรคเส้นเลือดขอดบริเวณต้นขา ปวดรุนแรงจนเดินไม่ได้ ทั้งที่ตัวเขาเองมีภาระที่ต้องทำ มีภรรยา ครอบครัว ที่ต้องเลี้ยงดู สิ่งแรกที่เขาตัดสินใจทำ คือพยายามหาเสาะแสวงหาทุกวิถีทางที่ทำให้อาการต่างๆ ทุเลาลง

นอกจากแพทย์แผนปัจจุบันที่ช่วยประคับประคองอาการไม่ให้รุนแรงหนักขึ้น เขายังเสาะหาความรู้ และการรักษาด้วยยาสมุนไพรตำรับโบราณ ผสมผนานกับการนวดเพื่อบรรเทาอาการเส้นเลือดขอด

“ครั้งแรกที่ไปนวด เจ็บปวดทรมานมาก เป็นวิธีที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่แนะนำ เพราะตำราแพทย์ระบุว่าการนวดจะทำให้ลิ่มเลือดละลายไปที่ปอด อันตรายถึงชีวิต แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” เขา กล่าวยอมรับ

หลังจากได้ทดลองนวดตามตำราแพทย์แผนจีน 2-3 ครั้ง อาการปวดที่เป็นเริ่มดีขึ้น นั่นเป็นจุดพลิกผัน จนทำให้เขาเบนเข็มทิศชีวิต ลาออกจากราชการ หันมาศึกษาการแพทย์แผนจีน นวดกดจุด ฝังเข็ม อย่างจริงจัง ประกอบกับเรียนรู้เทคนิคการใช้ยาสมุนไพรเริ่มต้นรักษาตัวเอง ครอบครัว และขยายสู่คนทั่วไปที่สนใจการบำบัดโรคด้วยวิธีธรรมชาติ

วีระชัย วัย 61 ปีเล่าว่า ความเจ็บป่วยเกิดจากร่างกายและจิตใจที่ไม่สมดุล การแพทย์ตะวันออกเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาและดูแลสุขภาพ เน้นให้ทุกคนดูแลตัวเองก่อนป่วย โดยเข้าถึงโภชนาการที่ดี ดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง หรือหากเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมา การรักษาต้องทราบถึงสาเหตุของการเกิดโรค ซึ่งต้นเหตุส่วนใหญ่เกิดจากโภชนาการที่ไม่ถูกต้อง พฤติกรรมที่ผิดทำให้สมดุลร่างกายรวน

“การดำเนินชีวิตควรเป็นไปตามธรรมชาติ มีสมดุลในทุกมิติ ร้อน เย็น หรือหยิน หยาง ตามหลักภูมิปัญญาโบราณ” ผู้ก่อตั้ง ดิ อโรคยา คลินิกการแพทย์แผนไทย กล่าว และจากการศึกษาธรรมชาติบำบัดอย่างจริงจังกว่า 10 ปี ถึงวันที่หยิบปากกามาถ่ายทอดประสบการณ์การรักษาคนไข้สารพัดโรค อาทิ ภูมิแพ้ น้ำในหูไม่เท่ากัน กลิ่นปาก ลำไส้แปรปรวน ท้องอืด กระดูกทับเส้น ลงในหนังสือเล่มแรกที่ใช้ชื่อว่า "ใครไม่ป่วยยกมือขึ้น"

เขาบอกว่า การเริ่มต้นรักษาคนไข้ด้วยแนวทางธรรมชาติบำบัด เป็นเทคนิคที่เริ่มต้นจากการเข้าใจร่างกาย ทุกองค์ประกอบของร่างกายมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่สามารถแยกรักษาได้ เช่น หากจะโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ต้องรักษาไปพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น ร่างกายคนเราประกอบด้วยท่อ ท่อเลือด ท่อน้ำเหลือง ท่อประสาท ท่อลมปราณ หากมีการอุดตันหรือไหลเวียนได้ไม่ดี ย่อมเกิดปัญหาตามมา

การนวดสามารถสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการมือชาเท้าชา ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกต้อง เช่นดื่มน้ำน้อยเกินไป หรือมากเกินไป ไม่สัมพันธ์กับระบบย่อยอาหาร ทำให้มีอาการเจ็บป่วยตามมาได้

เขา ย้ำว่า หมอที่ดีที่สุด คือตัวเอง โรคที่ไม่มีเชื้อโรคทั้งหมดสามารถรักษาได้ด้วยแนวธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลโภชนาการ ดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามหลักธรรมชาติ นวด ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ พักผ่อนตามเวลาชีวิต เพียงเท่านี้โรคภัยไข้เจ็บก็จะไม่มาเยือน หรือหากเป็นแล้วก็สามารถบำบัดรักษาได้โดยไม่ต้องพึ่งพายามากนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา