วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

10 วิธี สุขฟรีๆ แบบมีกึ๋น‏

Subject: FW: 10 วิธี สุขฟรีๆ แบบมีกึ๋น

1. วันว่าง
ลองให้วันทั้งวันอยู่กับการว่าง ไม่มีนัด ไม่ไปธุระที่ไหน ไม่กำหนดตารางอะไรให้ชีวิต จะทำกิจวัตรอะไรก็ให้เป็นแบบช้าๆ สบายๆ ไม่รีบเร่ง อยู่กับแต่ละกิจกรรมอย่างเต็มร้อย ให้ใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริงกับการดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ วันว่างๆ จะช่วยเติมเต็มพลังกายและใจให้แก่เรา แถมยังช่วยลดใช้พลังงานโลกด้วย
วันนั้นอาจจะยอมให้ตัวเองนอนตื่นสายกว่าปกติสักนิด อาบน้ำแบบมอบความทะนุถนอมให้กับร่างกาย เบิกบานกับอาหารเช้าที่ดีกับสุขภาพ เปิดประตู เปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติ เดินสำรวจละแวกบ้าน ถ้าจะหยิบหนังสือที่ซื้อไว้ตั้งนานแต่ยังไม่ได้อ่านสักทีมาอ่านก็ไม่ผิดกฎอะไร ตกค่ำจะลองทานมื้อเย็นใต้แสงเทียน ให้หลอดไฟกับมิเตอร์ได้พักผ่อนก็ให้ความรู้สึกพิเศษดีเช่นกัน

2 . หายใจเล่น
สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่เงียบๆคนเดียว ติดทีวี ติดโทรศัพท์ อาจลองหาเวลาตีสนิทกับเพื่อนใกล้ตัวของเราทั้งสอง คือ คุณลมหายใจเข้า และคุณลมหายใจออก ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง เดิน นอน หรือ เคลื่อนไหว เราจะตระหนักรู้ถึงเพื่อนสองคนนี้อยู่เสมอ หมั่นเช็คอยู่เรื่อยๆว่า เพื่อนทั้งสองคนของเรามีสภาพอย่างไร ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า เมื่อเราดูแลลมหายใจ ลมหายใจก็จะดูแลเรา การดุแลกันและกันเช่นนี้ จะส่งผลดีต่อทางร่างกายและจิตใจ ความสงบที่เกิดจากภายในจะส่งผลที่น่าประทับใจถึงภายนอก ในเวลาที่เราต้องเผชิญกับเรื่องยากๆ ต้องคิด ตัดสินใจ และทำอะไรอยู่ตอลดเวลา การได้พักสัก 15 นาที หรือสักชั่วโมงจะช่วยให้หัวที่เคยหมุนจนร้อนใจที่เต ้ นรัวเร็ว ร่างกายที่เครียดตึงค่อยๆ ผ่อนคลายและเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ

3. ชื่นชมธรรมชาติ
ไม่ต้องรอให้ถึงวันพักร้อน แค่ตื่นเช้าขึ้นสักนิด ดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ให้แสงแรกของพระอาทิตย์ล้างตาให้สะอาด ช่วงสายๆ อาจจะมองท้องฟ้าสัก 5-10 นาที ดูเมฆที่ค่อยๆ เปลี่ยนร ู ปก็เติมความสดชื่นได้ดี บ่ายคล้อยเดินเล่นให้สายลมเย็นปะทะหน้าเบาๆ สูดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้า ได้เวลาพลบค่ำปิดไฟให้หมด จะได้ห็นดาวและเด??อนที่ลอยเกลื่อนฟ้าได้ชัดขึ้น ให้เวลาธรรมชาติได้บำบัดเราทั้งกายและจิตใจ

4. สลายไขมัน
สำหรับคนบ้าพลัง คนกลัวอ้วน คนไม่ชอบออกกำลังกาย การออกกำลังกายให้ได้เหงื่อจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น หรืออาจว่ายน้ำในความเงียบ ซึ่งนั้นหมายถึงรวมไปถึงเสียงในหัวเราด้วย ลองว่ายไปเรื่อยๆ ตระหนักรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายเรา เสียงในหัวเราจะค่อยๆ เงียบลงเอง หรืออาจจะลองปั่นจักรยานรับลม สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ ในหมู่บ้าน หรืออะไรก็ได้ที่เราชอบ นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นโรฟิน) แล้วยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย

5. ศิลปินสมัครเล่น
หยิบดินสอหรือสี ขึ้นมาวาดรูปแบบไม่ห่วงสวย ปลอดปล่อยจินตนาการ ให้ความเป็นเด็กในตัวออกมามีชีวิตผ่านงานศิลปะ หรือประดิษฐ์งานฝีมืออะไรสักอย่าง ที่ทำให้เราได้มีพื้นที่และอิสระจากความคิด ความยึดติด ทั้งนี้พบว่า การถักนิตติ้งช่วยสงบใจได้เป็นอย่างดี แถมยังเสริมสร้างสมาธ ิ บำบัดความเบื่อหน่าย ความเครียด และแรงกดดันจากการทำงาน ทั้งยังได้ผลงานเป็นของขวัญให้คนรอบข้างอีกด้วย เรียกว่า บำบัดใจผู้ให้ สุขใจผู้รับ

6. สุขใจกับงานบ้าน
การได้ลงมือ ปัดกวาดเช็ดถู จัดข้าวของในบ้านให้เป็นระเบี??บ ทำสวน ปลูกต้นไม้ ตัดแต่งใบเสีย ล ้ วนเป็นโอกาส ให้เราได้กลับมาปัดกวาดเช็ดถู จัดระเบียบ และรดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขให้ใจเราได้เติบโต งอกงาม สะอาด และใหม่สดอยู่เสมอ " บ้านสะอาดสดใส ใจก็งดงาม"

7. สนทนาใจ
ใช้เวลากับเพื่อนแลกเปลี่ยนสุขทุกข์ของกันและกัน ช่วยฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง และทำให้ตระหนักรู้ว่า เรามีคนอยู่เคียงข้างเสมอ หาวันว่างยามบ่าย บรรยากาศสบายๆ ที่บ้านใครสักคน นั่งพุดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในวิถีแห่งสติ อาจเป็นความตื่นเต้นจากความรับผิดชอบใหม่ๆ หรือมองเห็นความสดใหม่ในงานเก่าหรือจะเป็นผู้คนที่เราพบเจอได้เรียนรู้ ความสุขที่เรามี หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้า เรื่องอกหัก ความทุกข์ใจ ความยากลำบากในครอบครัวที่ต้องเผชิญ อื่นๆอีกมากมายที่เราพร้อมเปิดใจแบ่งปันต่อกัน การได้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ด้วยกันอย่างเต็มเปี่ยมถือเป็นการบำรุงหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันแบบไม่ต้องใช้สตางค์

8. กลับบ้านแล้ว
ใช้เวลาเพื่อพูดคุย ทำความรู้จัก เรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น ลองเริ่มจากการบอกกล่าวความรู้สึกภายในกับคนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวขอโทษสิ่งที่เราอาจจะพลาดพลั้งไปจนทำให้อีกฝ่ายเสียใจ หรือกล่าวขอบคุณในความน่ารัก ความดีที่อีกฝ่ายได้ทำให้แก่เรา หรือเลือกกิจกรรมที่ชอบด้วยกันที่บ้าน เช่น ดื่มน้ำชา กินขนม ทำอาหารด้วยกัน นอนดูหนังเรื่องโปรด อ่านหนังสือ ผลัดกันเล่านิทาน เล่นเกม ออกกำลังกาย ร้องเพลง เล่นดนตรี ปิดท้ายด้วยการกอดสมาธิก็อบอุ่นดีไม่น้อย

9 แบ่งปันด้วยใจ
แบ่งปันเวลาทำประโยชน์เพื่อคนอื่นและสังคม บางคนอาจเริ่มต้นง่ายๆ จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น โปรยอาหารให้นกตัวน้อยๆ ในสวนที่บ้าน เดินเก็บขยะแถวบ้าน รื้อข้าวของที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่ค่อยได้ใช้ (แถมได้ฝึกการตัดใจด้วย) มาทำความสะอาดแล้ว นำไปบริจาคหาเจ้าของที่คู่ควรคนใหม่ หรือจะเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ก็มีให้เลือกมากมาย ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์ www.volunteerspirit.org

10 ยิ้ม ยิ้ม ให้กับตัวเอง
ยิ้มแบบใสๆ ยิ้มให้กว้างๆ จนเผื่อแผ่ไปยัง คนรอบข้าง แล้วจะพบว่า ความสุขใจ ที่ไม่ต้องใช้สตางค์แบบนี้ นั้นแสนวิเศษ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา