วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2552

ดอกไม้สวย แต่อาจมีพิษถึงชีวิตได้‏

ดอกไม้สวย แต่อาจมีพิษถึงชีวิตได้


(Embedded image moved to file: pic02368.jpg)ไฮแดรนเยีย การเกิดพิษ มีพิษทุกส่วน
ถ้ารับประทานจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน เดินเซเหมือนคนเมา
หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเปลี้ย ถ้าเป็นมากหมดสติ บางรายมีอาการชัก

(Embedded image moved to file: pic28692.jpg)ชวนชม การเกิดพิษ : ถ้าน้ำยางถูกผิว
หนังจะทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดง ถ้าเข้าตา ตาจะอักเสบ กินเข้าไปจะเป็นพิษ แต่น้ำยางมีรสขมมาก
โอกาสกินมีน้อย ถ้ากินจะมีผลต่อหัวใจ อาการเบื้องต้นจะทำให้ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ตา
พร่า หัวใจเต้นอ่อน ความดันลดลงอาจตายได้


(Embedded image moved to file: pic21425.jpg)เทียนหยด ส่วนที่เป็นพิษ : ใบ ผล
สารพิษ : ใบ ผล มีสาร saponin และผลมีสาร narcotine alkaloids
การเกิดพิษ : รับประทานผลอาจตายได้ จะทำให้อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ มีไข้ ตาพร่า กระหาย
น้ำมาก ถ้าได้รับพิษมาก เม็ดเลือดแดงแตกได้ พืชนี้เป็นพิษต่อสัตว์เลือดเย็นด้วย

(Embedded image moved to file: pic10555.jpg)คริสต์มาส ส่วนที่เป็นพิษ : น้ำยางสีขาว
จากใบ ต้น
สารพิษ : resin สารออกฤทธิ์เป็นกลุ่ม diterpene ester
การเกิดพิษ : น้ำยางถูกผิวหนังจะระคายเคืองมาก ผิวหนังเป็นปื้นแดง ต่อมาจะบวมพองเป็นตุ่มน้ำ ภาย
ใน 2- 8 ชั่วโมง ถ้ารับประทานจะทำให้กระเพาะอักเสบ

(Embedded image moved to file: pic03434.jpg)ยี่โถ ส่วนที่เป็นพิษคือ ทั้งต้น มีพิษต่อระบบ
หลอดเลือดและหัวใจพืชในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีผลต่อการเต้นของหัวใจและแรงดันของหลอดเลือด

(Embedded image moved to file: pic16549.jpg)รำเพย ส่วนที่เป็นพิษ : น้ำยาง เมล็ด
การเกิดพิษ : น้ำยางถูกผิวหนัง จะมีอาการแพ้เป็นผื่นคัน แดง แสบ ถ้าเคี้ยวเมล็ดจะรู้สึกชาที่ลิ้นและ
ปาก มีอาการปวดแสบปวดร้อน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ อาจท้องเสีย ง่วงนอน ม่านตาขยาย ความ
ดันลดลง หัวใจเต้นผิดปกติ ชีพจรเต้นช้าลง ถ้ามีอาการมากและรักษาไม่ทันท่วงทีอาจตายได้
(เด็กรับประทาน 1-3 เมล็ด ผู้ใหญ่รับประทาน 8-12 เมล็ด อาจตายได้)

(Embedded image moved to file: pic07441.jpg)บานบุรีเหลือง ส่วนที่เป็นพิษคือ ทั้งต้น มีพิษ
ต่อระบบ หลอดเลือดและหัวใจ พืชในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีผลต่อการเต้นของหัวใจและแรงดันของหลอด
เลือด และทำให้ท้องเสียอย่างรุนแรง

(Embedded image moved to file: pic09512.jpg)ลำโพงขาว เมื่อ รับ
ประทานใบ ดอกหรือเมล็ด จะก่อให้เกิดอาการ สายตาพร่ามัว ปากแห้ง กระหายน้ำ มีไข้สูง มีอาการ
ทางจิตและประสาท ในกรณีที่รับประทานเข้าไปมากก็จะ เข้าขั้นโคม่า หายใจช้าลงและเสียชีวิต ในที่สุด
ส่วนที่เป็นพิษนั้นมีทั้งต้น

(Embedded image moved to file: pic30145.jpg)ราตรี โดยส่วนที่มีพิษนั้นพบ
ใน ผล ใบ ต้น ซึ่งพบสารชื่อ Solanine และ Atropine เมื่อได้รับจะทำให้เกิดอาการปากคอแห้ง
ม่านตาขยาย หัวใจเต้นเร็วแต่หายใจช้าลง ปัสสาวะไม่ออกและเสียชีวิตได้ถ้าได้รับการรักษาไม่ทันท่วงที

(Embedded image moved to file: pic18060.jpg) ดอกเข็มขาว มีสาร
บางอย่างคล้ายสารซัลยาไนท์อยู่ในดอก ไม่ควรรับประทาน

(Embedded image moved to file: pic21718.jpg)ลั่นทม ยางสีขาวขุ่นที่มีในทุก
ส่วนของต้นนั้น มีสารพิษ abobioside และ abomonoside ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของหัวใจ หัวใจ
จะเต้นเร็วกว่าปกติ ซึ่งน้ำที่คั้นจากกิ่งอ่อน หากกินเข้าไปจะทำให้เป็นตะคริว หรืออัมพาตที่กราม และ
กระเพาะปัสสาวะ เคยมีการใช้เบื่อปลา และผสมเป็นยาพิษอาบหัวลูกดอก ส่วนที่เป็นพิษคือ น้ำยางจาก
ทุกส่วนของต้น

(Embedded image moved to file: pic03753.jpg) ต้นแพงพวยฝรั่ง ส่วนที่
เป็นพิษคือ น้ำยางจากราก อาการโดยการกิน ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน น้ำเคี่ยวจากรากมีสาร
พิษที่เป็นอันตราย กับหญิงมีครรภ์ อาจทำให้แท้งได้


(Embedded image moved to file: pic16139.jpg) ผักเสี้ยน ถ้ารับประทานดิบจะ
ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน หายใจขัด กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย

(Embedded image moved to file: pic12423.jpg) มะกล่ำตาหนู อาการที่พบคือคลื่นไส้
อาเจียน กระหายน้ำ ถ่ายเป็นเลือด ระบบประสาทส่วนกลางเป็นอัมพาต ทำให้หยุด การหายใจถึงแก่เสีย
ชีวิต

(Embedded image moved to file: pic16279.jpg)ละหุ่ง ส่วนที่เป็นพิษคือ
ทั้งต้น มีพิษต่อระบบ หลอดเลือดและหัวใจพืชในกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่จะมีผลต่อการเต้นของหัวใจและแรงดันของ
หลอดเลือด

(Embedded image moved to file: pic25996.jpg)ดอกมันแกว ส่วนของมันแกว
ที่รับประทานได้ไม่มีพิษ คือ หัว ใบอ่อน และฝักอ่อน แต่เมื่อใบแก่ ฝักแก่แล้วจะเป็นพิษ กินไม่ได้ ถ้ารับ
ประทานเข้าไปจะระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และจะทำลายตับ
ไต กระเพาะอาหาร ทำให้ลำไส้อักเสบ รายที่เป็นรุนแรงอาจมีปัญหาระบบกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้ออ่อน
แรง ระบบไหลเวียนผิดปกติทำให้ชักได้ โดยสารนี้หากสูดดมเข้าไป พิษจะรุนแรงกว่า คือจะกดการหายใจ
ทำให้เสียชีวิตได้ มีการออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วจะแสดงอาการภายใน 1 ชั่วโมง ในเมล็ดมันแกวมีสารพิษ
ได้แก่ โรเทโนน (Rotenone) เพชีไรซิน (Pachyrrhizin) มีฤทธิ์ฆ่าแมลงหลายชนิด และยังพบสาร
ซาโปนิน (Soponin) สามารถละลายน้ำได้ จะเป็นพิษต่อปลา ทำให้ปลาตาย ส่วนใบแก่ของมันแกวมีสาร
พิษที่มีชื่อว่า เพชีไรซิด (Pachyrrhizid) โดยทั่วไปชาวบ้านในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักจะนำเมล็ด
แก่กับฝักแก่มาบด เพื่อทำเป็นยากำจัดศัตรูพืชอีกด้วย

(Embedded image moved to file: pic16687.jpg)มันสำปะหลัง มันสำปะหลังแบ่งเป็น 2
ชนิด(1) คือ
1. ชนิดหวาน ใช้เพื่อบริโภค มีปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคต่ำ ไม่มีรสขม สามารถใช้หัวสดทำอาหาร
ได้โดยตรง เช่น นำไปนึ่ง เชื่อม ทอด
2.ชนิดขม มีรสขมไม่เหมาะสำหรับการบริโภคของมนุษย์ หรือใช้หัวสดเลี้ยงสัตว์โดยตรง เนื่องจากมี
ปริมาณกรดไฮโดรไซยานิคสูง มีความเป็นพิษต่อร่างกาย ต้องนำไปแปรรูปเป็นมันอัดเม็ดหรือมันเส้นแล้วจึง
นำไปเลี้ยงสัตว์ได้
การเป็นพิษ หากรับประทานมันสำปะหลังดิบ (Cassava) ในส่วนหัว ราก ใบ จะมีพิษทำให้ถึงตายได้
รากของมันสำปะหลังดิบมีสาร limanarin และมีเอนไซม์ limanarinase ซึ่งสามารถย่อยเปลี่ยนรูป
limanarin ได้สารไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารพิษที่มีความเป็นพิษสูง ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลารวดเร็ว
สารทั้งสองตัวจะถูกทำลายเมื่อนำมันสำปะหลังมาผ่านความร้อนทำให้สุก
พิษในระยะแรกทำให้ชีพจรเร็ว หลอดเลือดขยายตัว ปวดศีรษะ เวียน
ศีรษะ ความดันโลหิตลดลง จากนั้นจะทำให้ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น ระบบหายใจล้มเหลว และ
เสียชีวิตในที่สุด
รากที่มีรสขมมีไซยาไนด์มากกว่ารากที่มีรสหวาน รากมันสำปะหลังดิบที่มีรสหวานมีไซยาไนด์
ประมาณ 20 mg/kg และในรากที่มีรสขมมีไซยาไนด์มากถึง 1 g/kg ปริมาณการกินสารกลุ่ม
nitrile ซึ่งมีไซยาไนด์อยู่ด้วยแล้วทำให้เสียชีวิตประมาณ 100 mg/kg

เป็นห่วง ระวังหน่อยนะ

















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา