วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

ระวัง! อ้างเป็นโยคี (เรื่องจริง อยากให้อ่าน)‏

เสียเวลาอ่านสักนิดนะ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหญิงคนหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ อยากให้อ่านไว้เป็นอุทาหรณ์ เรื่องมีอยู่ว่า


วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผู้หญิงคนนี้ไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีวงเวียนใหญ่ เพราะเป็นสถานีต้นทางที่เป็นวันหยุดของบริษัทต่างๆ รถจึงว่าง พอขึ้นไป ก็เลือกหาที่นั่งที่ว่าง ระหว่างที่รอรถออก มีผู้ชายแขกคนหนึ่ง โพกศีรษะด้วยผ้าสีขาว รูปร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงแสล็ค ใส่รองเท้าผ้าใบแต่งตัวเหมือนแขกที่ขายผ้าแถวพาหุรัด ประมาณวัยกลางคน มีหนวด เข้ามานั่งเก้าอี้แถวเดียวกัน แต่คนละมุม ทีแรกยังไม่ทันเห็นตอนที่เขาเดินเข้ามา แต่พอได้ยินเสียงเขาพูดอะไรออกมา จึงหันไปมอง

พอหันไปมองเขา เขาก็ทักว่า "วาสนาดีนะ" หญิงคนนั้นยิ้มให้เฉยๆ แล้วเขาก็ลุกย้ายมานั่งติดกับเธอ จากนั้น เขาก็บอกว่า เขาเป็นโยคี เป็นพราหมณ์ กินมังสวิรัติ ยุ่งกับผู้หญิงไม่ได้ อยู่นครปฐม เลี้ยงเด็ก 100 กว่าคน ไม่เคยมากรุงเทพฯ แล้วก็พูดเรื่องของเธอว่า เธอเคยทำสิ่งที่ผิดพลาดมาอย่างหนึ่ง ซึ่งเขาได้บอกออกมาด้วย แต่สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยบอกใคร แล้วทำไมคนที่อ้างตัวว่าเป็นพราหมณ์ หรือโยคี คนนี้ถึงรู้ ทำให้หญิงคนนั้นเริ่มเชื่อว่าเขาเป็นคนมีญาณวิเศษจริง เขาบอกว่า เขาช่วยได้ จะบอกวิธีแก้ให้ เดี๋ยวไปคุยกัน

พอลงที่สถานีสยาม เขาพาไปนั่งที่ร้านแห่งหนึ่ง เขาเอากระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่ง ขยำแล้วให้เธอกำไว้ในมือ ระหว่างนั้น ถามอายุของทุกคนในครอบครัว แล้วก็ให้บอกตัวเลขที่ชอบมา 3 ตัว เขาจดตามที่เธอบอกลงในกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ระหว่างนั้นก็พูดอะไรไปเรื่อย พอให้แบมือแล้วคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกมาดู ปรากฎว่า ตัวเลขทุกตัว ตรงกับที่เธอบอกเขาหมดเลย สร้างความประหลาดใจให้เธอเป็นอย่างมาก

ต่อมา เขาเอาด้ายดำออกมา ดึงยาวพอควร ส่งให้เธอดึงออกมาเป็น 3 ตอน แล้วให้เอาด้าย 3 ตอนนั้น ขยำแล้วกำไว้ในมืออีก ระหว่างนั้น ก็พูดบอกวิธีแก้ว่า ต้องไปปล่อยนก ปลา เต่า กบ ทำ 5 ครั้ง 5 วัน แล้วตัวเขาก็จะช่วยด้วย เพราะทำคนเดียวจะไม่สำเร็จ เขาจะช่วยสวดมนต์ วันละ 2 ครั้ง แล้วเขาก็จะต้องซื้ออุปกรณ์ เช่น ผ้าสี...........และอื่นๆอีกหลายอย่าง และ ต้องสวด ตามจำนวนวันของ อายุของคนในครอบครัวของเธอที่บอกไปรวมกัน คิดแล้วเป็นเงิน 2 หมื่นกว่าบาท ซึ่งถ้าหากไม่ทำพิธีแก้ คนในครอบครัวจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ถึงขั้นพิการในเวลาอันใกล้นี้

อ้อ! ก่อนหน้านี้ เขาขอค่าดูแล้ว 900.- เธอก็ให้ไป 1000.- พอสาธยายวิธีแก้เสร็จ เขาก็ให้เธอแบมือออกมาดู ก็ต้องประหลาดใจอีก ที่ ด้ายกลายเป็นเส้นเดียว โดยไม่มีปมใดๆเลย เขาบอกว่า ถ้าสวรรค์ไม่ให้ช่วย ด้ายจะไม่กลายเป็นเส้นเดียวกัน นี่แสดงว่า สวรรค์ให้ช่วย

แล้วบอกให้เธอไปกดเงินค่าทำพิธีสวดมาให้เขา เธอบอกเขาว่า ไม่ได้ใช้เอทีเอ็ม เขาแสดงหน้าตาไม่พอใจคิดว่าโกหก แต่เธอยืนยันว่าไม่มีจริงๆ เขาก็เลยถามว่า แล้วตอนนี้มีเท่าไหร่ เธอบอก มี 2000.- เขาก็ขอทั้ง 2000.-นั่น โดยไม่คิดเลยว่า จะเหลือไว้ให้เธอติดตัวบ้าง แล้วก็บอกว่า ที่เหลือให้โอนเย็นนี้ เธอบอกว่า ไม่สะดวก งั้นก็พรุ่งนี้ (วันอาทิตย์) เธอก็บอกไม่สะดวกอีก สุดท้าย ต่อรองเป็นวันจันทร์ เขาคะยั้นคะยอถามว่า กี่โมง แต่เธอก็ไม่ได้บอกแน่นอน

เย็นนั้น เธอตัดสินใจปรึกษาเพื่อน (ความจริง เขาสั่งว่า อย่าบอกใคร ไม่งั้น จะไม่สำเร็จ) ทุกคนลงความเห็นว่า โดนหลอกชัวร์ แล้วเพื่อนของเธอก็ลองโทรศัพท์ไปที่เบอร์ที่เขาจดให้ โทรตั้งแต่คืนนั้น จนบ่ายจนเย็น ของวันจันทร์ ก็ไม่สามารถติดต่อได้

สิ่งที่น่าสังเกตุก็คือ 1. เขาบอกว่าไม่เคยมากรุงเทพฯ แต่พอลงที่สยาม เขาเป็นคนเดินนำไปร้านที่จะนั่งคุย แบบคล่องมาก
2. ถามว่า จะไปปล่อยปลา ปล่อยนก ที่ไหน เขาบอกทันที วัดระฆัง อยู่ใกล้รพ.ศิริราช (ทำไมคนที่ไม่เคยมากรุงเทพฯถึงรู้ดี)
3. ถามว่า ยังไม่เริ่มทำพิธีวันจันทร์ที่จะถึงนี้ได้ไหม เพราะไม่สะดวก ให้เลื่อนไปก่อน เขาบอกว่า ไม่ได้ งั้นเขาจะทำให้แทน เพราะที่ๆเขาอยู่มีครบหมดทุกอย่าง พอปล่อยเสร็จจะโทรมาบอก ให้เธอ อธิษฐานเอา (เป็นไปได้หรือ ของแบบนี้สามารถทำแทนกันได้ด้วย)
4. เขาบอกว่า โอนเงินแล้วโทรบอกด้วย แต่เขาไม่เปิดโทรศัพท์เลย (คงไม่คิดว่า เธอจะไม่โอน)
5. ทำไมต้องถามเธอถึง อาชีพ และ รถที่ใช้ (เพื่อประเมินความร่ำรวย รึเปล่า)
6. ระหว่างที่นั่งในร้าน เขามีท่าที ระมัดระวัง กลัวคนที่นั่งโต๊ะอื่นรู้ แล้วเหมือนจะมีคนมอง เขารีบบอกให้ไปที่อื่น บอกว่าที่นี่ไม่สะดวก แล้วก็ย้ายไปที่อื่น
7. เมื่อเธอไม่ได้โอนเงินให้ คืนนั้นมีเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่รู้จัก โทรเข้ามาหาเธอ แต่เธอไม่รับ จากนั้น ก็เป็นเบอร์ที่ชายแขกคนนั้นให้เธอไว้โทรตามเข้ามาทีหลัง (ทั้งๆที่เขาไม่เปิดโทรศัพท์เลยทั้งวัน) แต่เธอก็ไม่รับอีกเช่นกัน

ขอให้ช่วยกันบอกต่อให้ระมัดระวังตัวให้ดี อย่าหลงเชื่อ การที่เขาทายถูกในเรื่องของเธอ อาจเป็นการเดาสุ่ม แต่บังเอิญถูก รวมทั้งเรื่องที่ทายตัวเลขถูก และเรื่องด้าย ก็อาจเป็นการเล่นกล ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ว่า เขาทำได้ยังไง แต่หากว่าเขาจะเป็นผู้วิเศษจริงก็ตาม การช่วยเหลือคน โดยเรียกร้องเงินมากมาย ซ้ำยังคะยั้นคะยอกดดันเร่งรีบให้ทำ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่วิสัยของผู้ที่มีจิตใจเมตตา ต้องการช่วยเหลือคนอย่างแท้จริง เป็นบาปด้วยซ้ำ ขอให้มีสติ ถ้าบังเอิญไปเจอคนที่เข้ามาในลักษณะนี้ อย่าไปพูดคุยกับเขา จะได้ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว

ขอฝากข้อตวามตอนหนึ่ง จากหนังสือ Secret คอลัมน์ News Remark เขียนโดย ทันตแพทย์สม สุจีรา
" การตัดกรรม ดูกรรม การหยั่งรู้อนาคต เป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน (ปัจจัตตัง) แม้แต่พระภิกษุที่บรรลุญาณก็ยังไม่สามารถไปฝืนกรรมของคนอื่นได้ ถ้าคนๆนั้น ไม่ลงมือเจริญสติด้วยตนเอง ดังนั้น การไปให้คนอื่นที่อ้างว่าล่วงรู้กรรม ช่วยตัดกรรมให้ โดยเก็บเงินครั้งละพัน สองพัน เป็นการหลงผิดอย่างแรง และตกเป็นเหยื่อของผู้รู้หลักทางจิตวิทยา"



เรื่องนี้ให้แง่คิดสำหรับคนที่อยู่ในสังคมปัจจุบันว่า คนที่ไม่ดีเราควรหลีกเลี่ยง
ไม่มีคนใดที่จะทำอะไรให้โดยไม่หวังประโยชน์ โดยเฉพาะคนที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คนเหล่านี้เราควรช่วยกันประนาม ความชั่วของเขาและอย่าได้มีใครตกเป็นเหยื่อของเขาอีกต่อไป

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องตั้งมั่นอยู่ในความดีและมีสติ สองสิ่งนี้จะทำให้เราพ้นจากคนชั่วทั้งปวง สาธุขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ที่ดีสำหรับทุกคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา