วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ผลมาจากการบริจาค โลหิตโดยแท้ !!! (รบกวนอ่านหน่อยครับ มีประโยชน์มากๆ )

Subject: FW: ผลมาจากการบริจาค โลหิตโดยแท้ !!! (รบกวนอ่านหน่อยครับ มีประโยชน์มากๆ )


ข้อมูลเพิ่มเติมครับ ( จากด้านล่าง อย่าลืมเลื่อนลงไปอ่านด้วยครับ )


สิทธิพิเศษสำหรับผู้บริจาคโลหิตครับ

1. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษได้ ไม่เกินร้อยละ 50
2. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล + ค่าห้องพิเศษและค่าอหาร ได้ร้อยละ 50
3. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 100% + ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
4. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ " ขอพระราชทานเพลิงศพ " ได้เป็นกรณีพิเศษ ** เฉพาะผู้บริจาคโลหิตเท่านั้น
ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ **
5 ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 9 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ตรวจวิเคราะห์สารเคมีในโลหิตได้ เช่น ตรวตจหาน้ำตาล ,
ไขมัน , การทำงานของตับ , การทำงานของไต ฯลฯ โดยผู้บริจาคโลหิตสามารถใช้สิทธิ์ได้ ปีละ 1 ครั้ง เพื่อนๆ พี่ๆ คนใด ที่น้ำหนักตัวเกิน 45 ก . ก . ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ต้องทานยาเป็นประจำ ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
อยากจะชวนไปช่วยกันบริจาคเลือดทุกๆ 3 เดือนเป็นประจำนะครับ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ มักจะไปบริจาคกันปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
ซึ่งก็คือ " วันเฉลิมฯ " ทำให้ช่วงวันเฉลิมจะมีเลือดเข้าสภากาชาดเยอะจนล้น แต่ในขณะที่ไม่ใกล้กับวันเฉลิมฯจะมีปัญหาเรื่องเลือดหมดคลัง
จึงอยากจะชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ไปบริจาคเลือดกันนะครับ เพราะนอกจาก เราจะได้ทำบุญ ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์แล้ว


เรายังเป็นการตรวจสุขภาพตัวเราเอง ไปในตัวด้วยนะครับ เพราะถ้าหากสุขภาพเราไม่ดี ทางสภากาชาด เค้าก้อไม่รับบริจาคโลหิตจากเราครับ

อย่าลืม ** บริจาคเลือดทุก 3 เดือนนะครับ **
อย่าลืม ** อ่าน FW เมล์ด้านล่างด้วยนะครับ ** * v *




คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นผลมาจากการบริจาคโลหิตโดยแท้ !!!
รุ่นพี่ของเราคนหนึ่ง อายุประมาณ 35 ปี ทำงานอยู่ที่ ทีพีไอ สำนักงานใหญ่ ซึ่งบริษัทมีสวัสดิการให้
พนักงานตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี ผลการตรวจล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว ปรากฎว่าพี่เค้าเป็นโรคลิ้น
หัวใจรั่ว ซึ่งคุณหมอก็งงเหมือนกัน เพราะเกือบทั้งหมดของคนที่เป็นโรคนี้ มักเป็นมาแต่กำเนิด
หลังทราบผล พี่เค้าก็ไปปรึกษาคุณหมอ สรุปว่า ทางเดียวที่จะรอดได้ก็ต้องผ่าตัด เพื่อดูว่าสามารถ
ซ่อมลิ้นหัวใจได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ หลังจากปรึกษาที่รพ.เซ็นหลุยส์ ค่าใช้จ่ายในการ
ผ่าตัดประมาณ 3 –4 แสนบาท จึงลองไปปรึกษาที่รพ.จุฬาฯ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1 แสน
กว่า ๆ จึงตัดสินใจไปผ่าตัดที่รพ.จุฬา ฯ

แต่ก่อนหน้านี้ พี่เค้าบริจาคเลือดทุก ๆ 3 เดือนมาโดยตลอด รวมทั้งหมดที่บริจาคก็ 49 ครั้ง และ
พี่เค้าก็ได้รับคำแนะนำมาว่า ทางสภากาชาดจะช่วยเหลือในส่วนของค่าห้องในการพักรักษาตัวได้
จึงได้ไปขอจดหมายรับรองจากสภากาชาดไว้ว่าได้บริจาคเลือดจำนวนครั้งเท่านี้จริง อย่างน้อย
ก็จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง

พี่เค้าได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 48 วันที่ออกจากรพ. ก็ต้องไป
เคลียร์ค่าใช้จ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นเงิน 110,000 บาท แต่พี่เค้าต้องจ่ายจริง คือค่ายาเพียง
9,800 บาทเท่านั้น เพราะสรุปว่า สภากาชาดออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เจ้าหน้าที่ของรพ.แจ้งว่า
ได้รับสิทธิ์เหมือนกับข้าราชการคนหนึ่ง ส่วนของค่ายาที่ต้องจ่ายเองนั้น เพราะเป็นยาบัญชีประเภทสอง
ซึ่งถึงจะเป็นข้าราชการก็ต้องจ่ายส่วนนี้เองเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ยังแนะนำอีกว่า เพียงแค่คุณบริจาค
เลือดกับสภากาชาดอย่างน้อย 24 ครั้ง คุณก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้เหมือนที่รุ่นพี่เราได้รับไปแล้ว

นี่ถือเป็นโชค 2 ชั้นเลยครับ ได้บุญจากการบริจาคเลือดแล้ว ยังเหมือนได้ประกันแถมมาอีก
ถ้าใครมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี ก็พยายามไปบริจาคเลือดไว้นะ แต่ขอย้ำว่า นับเฉพาะที่บริจาค
ไว้กับสภากาชาดเท่านั้นครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา