วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สลายนิ่ว อาจถึงชีวิตได้‏

สวัสดีครับ เพื่อนๆ

อันตราย จากการสลายนิ่ว



วันนี้ว่างๆ พอจะมีเวลา เลยขอเล่าประสบการณ์ อันตรายจากการสลายนิ่ว เป็นเรื่องทิ่ได้เกิดกับพี่สาว ซึ่งได้เสียชีวิต



พี่สาวผมอายุ 66 ปี มีโรคประจำตัว คือความดันโลหิตสูง และ มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานไปหน่อย ทำให้ข้อเข่าเสื่อม อันเป็นผลให้ การเดินค่อนข้างลำบาก เจ็บ และ ปวดเข่า พี่สาวผมได้ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ที่ผมส่งให้ ทำการตรวจรักษา ที่โรงพยาบาลรัฐบาล ( ขออนุญาตไม่บอกชื่อ )



คุณ หมอแผนก ประกันสังคมได้ตรวจ ปัสสาวะตามระยะเวลาทั่วไป และ พบเชื้อในปัสสาวะ ก็ได้ให้ยาฆ่าเชื้อมาทาน 2-3 ครั้ง จึงเกิดความสงสัยว่า ทำไมเชื้อจึงไม่หมดซักที เลยส่งต่อให้แผนก ศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ทำการ เอ็กซ์เรย์ จึงพบก้อนนิ่ว ขนาด 2 เซ็นต์ บริเวณกรวยไต จึงได้นัดทำการสลายนิ่ว โดยใช้คลื่นไฟฟ้า ซึ่งไม่ต้องทำการผ่าตัด หมอแจ้งว่าหากเก็บไว้ ตัวนิ่วอาจจะออกฤทธิ์วันใดวันหนึ่งได้ และ จะเป็นอันตรายต่อไต

ซึ่งพี่สาวผม ยังไม่มีอาการบวม หรือ ปัสสาวะลำบาก ร่างกายยังปกติ



พี่สาวผมได้ ขอให้คุณหมอกระดูก ทำการผ่าข้อเข่าก่อน เพื่อเปลี่ยนข้อเข่า เพราะอยากเดินได้ปกติก่อน ส่วนเรื่องนิ่วนั้น ขอให้ทำทีหลัง หลังจากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ได้ผลดีพอสมควร เริ่มเดินได้มากขึ้น ใช้ชีวิตเดินห้างได้

หลังจากที่ได้ผ่าเข่า ช่วงห่างประมาณหนึ่งเดือน คุณหมอแผนกนิ่ว ได้นัดนอนโรงพยาบาล ในวันศุกร์ ได้สลายนิ่วโดยไม่ต้องผ่าตัด พี่สาวเล่าเพียงแต่ว่า หมอได้ให้นอนคว่ำหน้า จากนั้นมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมากระแทกหลัง หมอได้ใช้วิธีบล๊อกหลัง ช่วงบ่ายๆ พี่สาวบอกว่า ปัสสาวะออกเป็นสีแดง ปนเลือด ซึ่งพยาบาลบอกว่าเป็นเรื่องปกติของการสลายนิ่ว พี่สาวสามารถเดินไปห้องน้ำเองได้ และในคืนนั้นเอง พี่สาวผมได้จับไข้ หนาวสั่น เหงื่อออกมาก พยาบาลได้ให้ พารา มากินสองเม็ด พี่สาวผมบอกให้ผมไปรับออกจากโรงพยาบาลได้ใน วันเสาร์ตามที่หมอได้ แจ้งไว้ เหมือน เคส ปกติทั่วไป



ผมได้รับพี่สาวกลับบ้าน ก่อนเที่ยงของวันเสาร์ โดยพี่สาว ไม่ยอม บอกว่า เมื่อคืนมีไข้หนาวสั่น เพราะอยากกลับบ้านมาก เห็นคนไข้ในตึกเสียชีวิต สองคน เลยกลัวมาก เมื่อกลับถึงบ้าน ประมาณบ่าย 2 โมง ก็มีอาการ หนาวสั่น เหงือออกมาก หน้าซีด อาเจียน และเป็นลม ช๊อก ผมจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง เนื้อตัวพี่สาวเกร็งไปหมด ทำท่าหมดสติ คุณหมอห้องฉุกเฉิน ได้รับไว้อีกครั้ง และได้ทำการ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะซึ่งพบเชื้อในปัสสาวะ แต่ไม่ทราบแน่ว่าเป็นตัวไหน ! ต้องรอเพาะเชื่ออีก 2-3 วัน ผมเบาใจหน่อยเพราะยังไงก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วใกล้หมอ ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คิดไปเองว่าพี่สาวคงแพ้ยา ที่หมอไต ให้ไปกิน



`เช้าวันอาทิตย์ ผมได้ไปเยี่ยมดูอาการ แต่เช้า สังเกตเห็นว่า พี่สาวความดันโลหิตตก 60 กว่า และไม่ยอมลืมตา ยังไม่ได้สติ พอดีมีคุณหมอ ผู้ใหญ่ ซึ่งผมรู้จัก มาตรวจคนไข้ในตึก วอร์ดเดียวกัน จึงเข้าไปทัก และ ขอให้มาช่วยดูอาการหน่อย คุณหมอ เห็นเข้า ตกใจ ต่อว่าพยาบาลว่า ความดันตกขนาดนี้ทำไมไม่ส่งไปที่ห้องไอซียู และได้ให้สั่งให้ แผนก ไอซียู ทำการ รับตัวด่วน เมื่อเข้าห้องไอซียู ไม่นาน พยาบาลก็ออกมาแจ้งว่า พี่สาวผมได้หยุดหายใจไป แปดนาที จะให้ปั้มหัวใจไหม ผมตอบกลับ ว่าให้ปั้ม ขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าการหยุดหายใจนาน แปดนาที นั้น ก้านสมองจะไม่ทำงานแล้ว คนไข้จะเป็น เจ้าหญิงนิทรา คืนนั้นพี่สาวไม่ได้สติ ชักกระตุกตลอดเวลา น่ากลัว มาก



เช้าวันจันทร์ คุณหมอ ที่ทำการสลายนิ่ว จึงได้รับรายงาน และมา เยี่ยมดูอาการ แล้ว ยอมรับว่า ที่เป็นอย่างนี้ เพราะ เกิดจากการสลายนิ่ว ก้อนนิ่วชิ้นนี้เป็นนิ่วโรค ไม่ใช่นิวกรวดธรรมดาทั่วไป เสมือนว่า เราไปทุบมัน ให้แตก มันจึงเข้าไปในระบบกระแสเลือด แล้วโรคมันกระจาย เข้าไปทำลาย อวัยยวะ ทุกระบบ หัวใจ ม้าม ไต ตับ

ผลปัสสาวะ หลายวันต่อมา แจ้งว่า เป็นเชื้อ อีโคไลน์ ชนิด ดื้อยา ซึ่งจะมีเฉพาะในโรงพยาบาล มันซ่อนตัวอยู่ในก้อนนิ่วชิ้นนี้นานแล้ว แต่ยังไม่ออกฤทธิ์ เราดันไปยุ่งกับมันเอง



พี่สาวผม เป็น เจ้าหญิง นิทรา อยู่ ร่วมสองเดือน ตัวบวม ใช้เครื่องช่วยหายใจ อาการขึ้นๆ ลง ๆ ผมได้แต่ทำบุญ ตักบาตร ทุกเช้า และในที่สุดก็เสียชีวิต ยังดีที่ไม่ต้องเจาะคอ และเจาะไหปลาร้าเพื่อฟอกไต ไม่ต้องเจ็บตัวเพิ่มกว่านี้



ผมวิเคาะห์ เหตุการ อีกครั้ง พบข้อผิดพลาด

1. คุณหมอไต อาจจะไม่ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ มากินก่อนทำการสลายนิ่ว หรืออาจจะเห็นว่า ยาที่หมอกระดูกให้พี่สาวอยู่ นั้นพอเพียงแล้ว และไม่ได้ตรวจปัสสาวะซ้าอีกครั้ง ว่าเชื้อโรคไม่มีแล้ว

2. พยาบาลเวรดึก ไม่รายงาน หมอ ว่าผู้ป่วย มีอาการไข้ หนาวสั่น ในกลางคืน ติดวันหยุด ( วันเสาร์ ) หมอไม่มาทำงาน อุทาหรณ์ ว่า ผู้ป่วยต้อง แข็งแรง และ หมอ ต้องมาดู คนไข้ ไม่ใช่เซ็นชื่อให้กลับบ้านได้ล่วงหน้า

3. การผ่าตัด ในโรงพยาบาล ของรัฐบาล นั้น ไม่สมควรทำในวันศุกร์ เพราะจะไม่มีหมอผู้ใหญ่ มาดูคนไข้ในวันเสาร์ – อาทิตย์ หลายๆ แผนกจะหยุด

4. การรักษาโรค หลายอย่าง ในเวลาเดียวกัน ยาหลายอย่างมีผลข้างเคียงมาก หากโรคใดไม่ออกฤทธิ์ อย่าได้ไปยุ่งกับมัน ยิ่งอายุเกิน 50 ปี แล้ว สภาพร่างกาย จะพื้นตัวได้ช้า ไม่จำเป็นอย่าผ่าตัด โอกาสติดเชื้อมีมาก

หมอไต บอกว่า กรณี อย่างพี่สาวนี้ มีเพียง 1 ใน 100 แต่มันก็น่ากลัว มากกว่า ไข้หวัดนก เพราะนิ่วโรคตัวนี้ มันทำลายอวัยวะทุกอย่าง ภายใน 48 ชั่วโมง กว่าหมอจะรู้ก็สายไปแล้ว ดังเช่น พี่สาวผม ครับ



ค่ารักษาพยาบาลครั้งนี้ เป็นเงิน สามแสนสี่หมื่นบาท โดยที่ประกันสังคม รับภาระไปครับ



ผมได้ทำการปาณะกิจเรียบร้อยแล้วครับ พี่สาวค่อนข้างเฮี้ยนมาก ขณะพระนำศพเข้าประตูวัด แกไม่ยอมเข้า รถตู้บรรทุกศพ ชนกับรถมอเตอร์ไซท์ที่ขับใจลอย จนคนขับรถจักรยานยนต์กระเด็นลอยขึ้นมาหน้ากระจกรถตู้ เดชะบุญ ไม่เป็นอะไรมาก แถมยังมาเข้าฝันลูกชาย มาบอกว่า เอาทรัพย์สินซ่อนไว้ตรงไหน และยังเข้าฝันคนงานอีก



ผมได้ตักบาตรให้เกือบทุกวัน เพื่ออุทิศส่วนบุญให้

ก่อนสลายนิ่ว ต้องตรวจให้แน่ใจนะครับ ว่า ไม่เป็นนิ่วก้อนโรค

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีนะครับ

สกุล งามเลิศชัย

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากนะคะ สำหรับการแนะนำ เพราะพ่อของฉัน กำลังมีปัญหา นี้อยู่เหมือนกัน พ่อของดินฉัน ป่วยเป็น โรค นิ่วในใต ตอนพ่อเด็ก ๆ เคยผ่าตัดไปแล้วหนึ่ง ครั้ง และตอนนี้ก็มาตรวจเจอก้อนนิ้ว อีกแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้ารักษาโดยการสลายนิ้ว ตอนนี้พ่อใช้วิธี ทานยา สลานนิ้ว อย่างพวกหญ้าหนวดแมว จากโครงการหลวง อยู่คะ

    ตอบลบ

ค้นหา