วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผลมาจากการบริจาคโลหิตโดยแท้ !!!‏

Subject: ผลมาจากการบริจาคโลหิตโดยแท้ !!!

ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ ( จากด้านล่าง อย่าลืมเลื่อนลงไปอ่านด้วยนะ ) สิทธิพิเศษสำหรับผู้บริจาคโลหิตค่ะ

1. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษและค่าอาหารพิเศษได้ ไม่เกินร้อยละ 50
2. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 16 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล + ค่าห้องพิเศษและค่าอหาร ได้ร้อยละ 50
3. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 24 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาล 100% + ค่าห้องพิเศษและค่าอาหาร ได้ร้อยละ 50
4. ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 100 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ "ขอพระราชทานเพลิงศพ" ได้เป็นกรณีพิเศษ ** เฉพาะผู้บริจาคโลหิตเท่านั้น ไม่สามารถโอนสิทธิ์ให้ผู้อื่นได้ *
5 ผู้บริจาคโลหิต ตั้งแต่ 9 ครั้งขึ้นไป สามารถขอใช้สิทธิ์ ตรวจวิเคราะห์สารเคมีในโลหิตได้ เช่น ตรวจหาน้ำตาล, ไขมัน, การทำงานของตับ, การทำงานของไต ฯลฯ โดยผู้บริจาคโลหิตสามารถใช้สิทธิ์ได้ ปีละ 1 ครั้ง

เพื่อน ๆ พี่ ๆ คนใด ที่น้ำหนักตัวเกิน 45 ก.ก. ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ต้องทานยาเป็นประจำ ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ อยากจะชวนไปช่วยกันบริจาคเลือดทุก ๆ 3 เดือนเป็นประจำนะคะ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ มักจะไปบริจาคกันปีละ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งก็คือ "วันเฉลิมฯ" ทำให้ช่วงวันเฉลิมจะมีเลือดเข้าสภากาชาดเยอะจนล้น แต่ในขณะที่ไม่ใกล้กับวันเฉลิมฯ จะมีปัญหาเรื่องเลือดหมดคลัง จึงอยากจะชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ไปบริจาคเลือดกันนะคะ เพราะนอกจากเราจะได้ทำบุญช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์แล้ว ยังเป็นการตรวจสุขภาพตัวเราเองไปในตัวด้วยนะคะ เพราะถ้าหากสุขภาพเราไม่ดี ทางสภากาชาดเค้าก้อไม่รับบริจาคโลหิตจากเรานะคะ


อย่าลืม **บริจาคเลือดทุก 3 เดือนนะค๊า**


อย่าลืม ** อ่าน FW เมล์ด้านล่างด้วยนะ ** * v *

คือเรื่องจริง ที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นผลมาจากการบริจาคโลหิตโดยแท้ !!!

รุ่นพี่ของเราคนหนึ่ง อายุประมาณ 35 ปี ทำงานอยู่ที่ ทีพีไอ สำนักงานใหญ่ ซึ่งบริษัทมีสวัสดิการให้พนักงานตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี ผลการตรวจล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว ปรากฎว่า พี่เค้าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ซึ่งคุณหมอก็งงเหมือนกัน เพราะเกือบทั้งหมดของคนที่เป็นโรคนี้ มักเป็นมาแต่กำเนิด

หลังทราบผล พี่เค้าก็ไปปรึกษาคุณหมอ สรุปว่า ทางเดียวที่จะรอดได้ก็ต้องผ่าตัด เพื่อดูว่าสามารถซ่อมลิ้นหัวใจได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนให ม่ หลังจากปรึกษาที่ รพ.เซ็นหลุยส์ ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดประมาณ 3 - 4 แสนบาท จึงลองไปปรึกษาที่ รพ.จุฬาฯ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1 แสนกว่า ๆ จึงตัดสินใจไปผ่าตัดที่ รพ.จุฬาฯ แต่ก่อนหน้านี้

พี่เค้าบริจาคเลือดทุก ๆ 3 เดือนมาโดยตลอด รวมทั้งหมดที่บริจาคก็ 49 ครั้ง และพี่เค้าก็ได้รับคำแนะนำมาว่า ทางสภากาชาดจะช่วยเหลือในส่วนของค่าห้องในการพักรักษาตัวได้ จึงได้ไปขอจดหมายรับรองจากสภากาชาดไว้ว่า ได้บริ จาคเลือดจำนวนครั้งเท่านี้จริง อย่างน้อยก็จะได้ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้บ้าง

พี่เค้าได้รับการผ่าตัดเรียบร้อย เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 48 วันที่ออกจาก รพ. ก็ต้องไปเคลียร์ค่าใช้จ่าย ซึ่งทั้งหมดเป็นเงิน 110,000 บาท แต่พี่เค้าต้องจ่ายจริง คือ ค่ายาเพียง 9,800 บาทเท่านั้น

เพราะสรุปว่า สภากาชาดออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ เจ้าหน้าที่ของ รพ. แจ้งว่า ได้รับสิทธิ์เหมือนกับข้าราชการคนหนึ่ง ส่วนของค่ายาที่ต้องจ่ายเองนั้น เพราะเป็นยาบัญชีประเภทสอง ซึ่งถึงจะเป็นข้าราชการก็ต้องจ่ายส่วนนี้เองเหมือนกัน เจ้าหน้าที่ยังแนะนำอีกว่า เพ ียงแค่คุณบริจาคเลือดกับสภากาชาดอย่างน้อย 24 ครั้ง

คุณก็จะได้รับสิทธิประโยชน์นี้เหมือนที่รุ่นพี่เราได้รับไปแล้ว นี่ถือเป็นโชค 2 ชั้นเลยนะ ได้บุญจากการบริจาคเลือดแล้ว ยังเหมือนได้ประกันแถมมาอีก ถ้าใครมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี ก็พยายามไปบริจาคเลือดไว้นะ แต่ขอย้ำว่า นับเฉพาะที่บริจาคไว้กับสภากาชาดเท่านั้นนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา