วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553

นาทีชีวิต ภัยคุกคามคนเมืองหลวง !!!

สุนิสา นิติประเสริฐ
หญิงสาวตกเป็นเหยื่ออาชญากร ขณะนั่งโทรศัพท์อยู่ในรถส่วนตัว
มีดแหลมที่จี้คอทำให้ยอมเบิกเงินให้คนร้าย ก่อนถูกเชือดคอนำไปทิ้ง
โชคดีไม่ตาย เธอบอกว่า...เมืองหลวงเต็มไปด้วยภัย

'ขับไปภาคใต้' เสียงตะโกนสั่งเพื่อนร่วมแก๊ง ของชายฉกรรจ์วัยประมาณ 30 ปี ที่ใช้มีดปอกผลไม้จี้อยู่ที่ลำคอ
ขณะถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าที่พื้นด้านหลังรถ ยังดังก้องหู น.ส.สุนิสา นิติประเสริฐ
นักธุรกิจประมูลงานรับเหมาก่อสร้าง แม้เวลาจะผ่านมานานกว่าสัปดาห์แล้วก็ตาม

ประสบการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอดครั้งนี้ ทำให้นักธุรกิจรายนี้ถึงกับผวา
และไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สิน . . . เธอบอกว่า
ไม่คิดมาก่อนว่าโจรจะกล้าลงมือชิงทรัพย์เธออย่างอุกอาจ กลางเมืองหลวงของประเทศ
โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และไม่คิดมาก่อนว่ากรุงเทพมหานครจะอันตรายเช่นนี้

'ตอนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.40 น. ฉันกลับจากเยี่ยมเพื่อนในซอยลาดพร้าวซอย 71
ขณะรถวิ่งมาถึงกลางซอยลูกชายก็โทรศัพท์มาหา ตอนแรกก็ไม่อยากรับ
เพราะมีกฎหมายห้ามคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ แต่คิดว่าลูกชายคงโทรมาสั่งให้ซื้ออาหาร
เข้าไปรับประทานที่บ้าน จึงจอดรถข้างทางคุยโทรศัพท์
ระหว่างนั้นเห็นชายฉกรรจ์อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อแขนสั้นสีดำ นุ่งกางเกงยีน
เดินเข้ามาประชิดรถ ท่าทางไม่น่าไว้ใจ จึงพยายามล็อกประตู
แต่ก็ไม่ทัน ชายคนดังกล่าวกระชากประตูเปิดออกอย่างแรง'
สุนิสา ย้อนลำดับเหตการณ์ขณคนร้ายลงมือชิงทรัพย์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ท่ามกลางความตกใจของ 'สุนิสา' คนร้ายได้เข้าประชิดตัวและชกเธอเข้าที่ใบหน้าด้านซ้ายอย่างแรง
1 ครั้ง แรงปะทะของกำปั้น ทำให้ร่างของเธอถึงกับเซล้มลงบนเบาะด้านข้างคนขับ
พร้อมๆ กันนั้นก็มีชายวัยเดียวกับคนร้ายคนแรกกระชากประตูด้านหน้าซ้ายแล้วขึ้นมาบนรถ
พร้อมกับใช้ข้อศอกล็อกคอ แล้วลากเธอจากที่นั่งคนขับจนไปตกลงตรงที่ว่างระหว่างเบาะด้านหน้ากับเบาะหลังรถ
พร้อมกับใช้มีดปอกผลไม้จี้ที่ลำคอ ขู่บังคับไม่ให้ขัดขืน

แม้ สุนิสา จะพยายามดิ้นรนต่อสู้โดยหวังจะหนีออกจากรถ ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทาง
แต่เธอไม่สามารถทำได้ คนร้ายปิดประตูรถได้สำเร็จ พร้อมกับขับรถทะยานออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
โดยคนร้ายไม่ลืมที่จะปรับเบาะที่นั่งด้านข้างคนขับจนเอนทับตัว สุนิสา ไว้ เพื่อป้องกันการหลบหนี

'ตอนนั้นเหมือนจะเป็นลม กลัวอย่างบอกไม่ถูก คนร้ายใช้มีดเฉือนลงที่ลำคอจนเลือดไหลซิบๆ
ก่อนจะขู่ให้บอกรหัสเอทีเอ็ม หลังจากพวกมันรื้อค้นได้จากกระเป๋าถือของฉันที่วางไว้หน้ารถ
มันขู่ จะฆ่าทิ้งหากไม่บอก ด้วยความกลัวจึงบอกรหัสจริงไป มันตระเวนกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอยู่หลายจุด
หลังจากได้เงินแล้วฉันก็ถามมันไปว่า ทำไมต้องทำอย่างนี้ มันตอบกลับมาว่าต้องการเงินไปเลี้ยงลูกเมีย
หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที พวกมันก็จอดรถ แล้วลากฉันลงมาทิ้งไว้ที่พงหญ้าข้างทาง
ตรงข้ามกับปั๊มน้ำมันในย่านสามพราน จ.นครปฐม ก่อนที่พวกมันจะขับรถฉันหนีไป' สุนิสา ลำดับเหตุการณ์

หลังเกิดเหตุ สุนิสา ขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านในละแวกที่คนร้ายนำเธอมาทิ้งไว้ ให้ช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาล
หลังจากแพทย์ตรวจดูอาการแล้ว สุนิสา จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.สามพราน โดยแจ้งความรถหายด้วย
กระทั่งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ได้รับแจ้งจากตำรวจว่า รถยนต์โตโยต้ายาริส สีบรอนซ์ทะเบียน สส 847 ของเธอ
ถูกคนร้ายนำไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านอาหารเทสตี้ชอยส์ เลขที่ 866 ถนนภาณุรังษี แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม.

คนร้ายได้เงินไปจาก สุนิสา ประมาณ 1.4 แสนบาท เธอยังโชคดีที่มีชีวิตรอดกลับมา
แม้จะถูกคนร้ายทำร้ายร่างกายจนสะ บักสะบอมก็ตาม

สุนิสา บอกว่าไม่คาดคิดมาก่อนว่าในเมืองหลวงของประเทศไทยโจรผู้ร้ายจะชุกชุม
และลงมือก่อเหตุอย่างอุกอาจเช่นนี้ และขอเตือนไปยังสุภาพสตรีทุกท่านให้ระมัดระวังตัว
ทำงานเสร็จแล้วให้รีบกลับบ้าน นั่งในรถยนต์ต้องล็อคประตูทุกครั้งและต้องหมั่นมองกระจกหลัง
และกระจกข้างซ้ายขวาเป็นระยะ หากพบสิ่งไม่ชอบมาพากลให้แจ้งตำรวจทันที

ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ หากเผลออาจตกเป็นเหยื่อโจรผู้ร้ายได้ทุกเสี้ยววินาที

***ส่งต่อให้เพื่อนๆๆๆที่ขับรถนะ***

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา