วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553

อ่าน เ ตื อ น ภั ย : เหตุเกิดที่ central ลาดพร้าว‏

ควรอ่านมากครับ

ผมมีตัวตนแต่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ
เรื่องต่อไปนี้จะเป็นตัวบอกว่าทำไมผมจึงบอกไม่ได้

ประมาณสองสัปดาห์หลังปีใหม่ ภรรยาผมลางานเพื่อไปติดต่องานราชการ
เสร็จแล้วแวะ Central ลาดพร้าว เพื่อหาซื้อหนังสือแนวที่เธอชอบอ่านที่ B2S

ระหว่างที่กำลังเลือกหาซื้อหนังสืออยู่นั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ
สามสิบเข้ามาทักทาย

บอกว่าชอบหนังสือแนวสืบสวนสอบสวนเช่นกันและ
มีหนังสือที่น่าสนใจหลายเล่มที่น่าอ่านมาก

การสนทนาก็เป็นไปอย่างมีมิตรไมตรีต่อกัน จากลักษณะท่าทางและการแต่งตัว
ดูเหมือนเป็นคนทำงานทั่วไป

แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ให้นามบัตรภรรยาผมมา
ส่วนภรรยาผมก็ให้เบอร์มือถือเธอไปเพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกัน

การติดต่อพูดคุยก็มีขึ้นเป็นระยะๆ
และมีนัดเจอกัน! เพื่อให้หนังสือภรรยาผมมาอ่าน แล้วก็บอกว่า
จะรีบไปทำงาน

แต่หนังสือที่ให้มาเป็นหนังสือแนวสืบสวนธรรมดาที่ภรรยาผม
เคยอ่านมาแล้ว จึงอยากจะคืนกลับไป



การนัดเจอกันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นชวนทานข้าวเพราะเป็นช่วงเกือบเที่ยงวันแล้ว

และได้แนะนำให้รู้จักผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ที่ Food Center
เธอบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานชอบอ่านหนังสือแนวนี้เช่นกัน


ผู้ชายคนนั้น ถามภรรยาผมและผู้หญิงคนนั้นว่า จะทานอะไรจะไปซื้อมาให้

ด้วยความเกรงใจ จึงทานเหมือนกันเป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู
ภรรยาผมพยายามจะขอตัวไปซื้อน้ำมาให้ แต่ทางผู้หญิงคนนั้นชิงเดินไปซื้อมาให้ก่อน

พอนั่งทานไปได้ประมาณ ครึ่งชามและดื่มน้ำไปหน่อย
ภรรยาผมก็เกิดอาการมึนๆ และเริ่มง่วงนอน


เพียงอีกไม่กี่นาทีต่อมา เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้

ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาประคองตัวภรรยาผม แล้วพูดบอกผู้ชายว่า
คงเป็นลมช่วยพาออกไปสูดอากาศข้างนอกหน่อย

ตอนนั้น ภรรยาผมบอกว่าไม่สามารถพูดอะไรได้ ร่างกายยืนแทบไม่ไหว

ระหว่างเดินผ่านตัวห้างมาลานจอดรถ เห็นผู้ชายโทรศัพท์เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที
รถตู้สีขาวก็มาจอด

แล้วทั้งคู่! ก็พาภรรยาผมขึ้นรถ

วินาทีนั้นภรรยาผมบอกว่าเธอพยายามขัดขืน
แต่ทั้งคู่ก็ใช้กำลังพาเธอขึ้นรถแล้วปิดประตูรถ

บนรถมีผู้ชายสองคนนั่งมาในรถด้วย

เมื่อรถวิ่งออกจากห้างภรรยาผมพยายามร้องขอความช่วยเหลือ
แต่ก็ไม่มีเสียง และผู้ชายที่นั่งอยู่บนรถเอามือมาปิดปากเธอไว้

พอรถวิ่งออกมาระยะหนึ่งผู้ชายที่เจอกันที่ Food Center
เริ่มปลดเสื้อผ้าภรรยาผม

เธอพยายามร้องขอความช่วยเหลือและต่อสู้แต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง

ผู้ชายอีกสองคนที่นั่งรออยู่บนรถก็ช่วยกันถอด

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปคงไม่ต้องบรรยายกันอีก โดยมีผู้หญิงเป็นคนเก็บภาพเป็นระยะๆ


เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่ทราบ รู้สึกตัวอีกที่ภรรยาผมถูกนำมาทิ้ง
ที่ห้องน้ำหญิงของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวสุขาภิบาลสองย่านบางกะปิ

ผมไปรับเธอแล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอไม่พูดอะไรได้แต่ร้องไห้และไม่ไปทำงานอีกเลย นั่งซึมอยู่กับบ้าน

สามวันต่อมาคุณแม่ของภรรยาโทรมาบอก ว่ามีจดหมายลงทะเบียนส่งมาที่บ้าน
ให้ไปรับ ผมก็ไปรับแล้วเปิดออกดู

มีภาพถ่ายพร้อมขอเงินสดสี่แสนบาทเป็นค่าฟิล์มและภาพถ่ายทั้งหมด

ผมพูดไม่ออก ทุกความรู้สึกวิ่งพุ่งเข้ามาในใจ สับสน เสียใจ แค้นใจ เจ็บใจ


ผมปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อและเพื่อนท่านที่เป็นนายตำรวจ


มีความเห็นเหมือนกันว่าต้องแจ้งความกับตำรวจ

เพราะเงินสี่แสนครอบครัวเราคงหามาให้ได้ยาก ผมกับภรรยาเป็นเพียงลูกจ้าง
กินเงินเดือนเท่านั้น

ในวันส่งเงินตามนัดหมายตำรวจกองปราบวางแผนอย่างดีและสามารถจับ
พวกเดนสังคมได้สองคน ได้ฟิล์มและภาพจำนวนหนึ่ง

และตำรวจกำลังตามจับพวกที่เหลืออีกสามคน
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภาพถ่ายยังคงมีเหลืออยู่อีกหรือเปล่า

ซึ่งหลังจากพวกมันถูกจับผมก็ได้รับโทรศัพท์ขู่ว่าจะนำภาพลง

internet
สองครั้ง

ทุกวันนี้ภรรยาผมไม่ได้ทำงานอีกแล้ว
อยู่บ้านด้วยอาการซึมเศร้าและไม่ต้องการ
พบปะกับใครเลย

ส่วนผมก็ไม่กล้าออกไปไหนเช่นกันทำงานเสร็จก็กลับบ้าน
ชีวิตความเป็นอยู่มีแต่ความกลัว ระแวง คิดมาก เหมือนเป็นโรคประสาท
ผมจึงอยากฝากบอกเรื่องราวของผมให้เป็นข้อมูลกับทุกคน

ทุกวันนี้การหากินบนความทุกข์ร้อนของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วครับ

ขอบุญกุศลในการให้ข้อมูลนี้ ทำให้ชีวิตครอบครัวผมดีขึ้นด้วยเถอะ

กรุณาส่งต่อไปด้วยครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา