วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

จดหมายจากเมียเก่า

จดหมายจากเมียเก่า (ไม่ใช่เมียเก็บ) (สารส้ม)



ณ บ้านจันทร์ดับ

22 พ.ย. 2552

เธอที่รัก...

ช่วงวันเกิด ฉันมีโอกาสได้เข้าวัดทำบุญ จิตใจสงบลงบ้าง และได้คิดอะไรบางอย่าง...

แผนการของเราจะสำเร็จไหม?

ฉันเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว...

ไหนเธอเคยบอกว่า ถ้าเราเพียงแต่หย่ากัน เราก็จะสามารถรักษาทรัพย์สินเงินทองเอาไว้ได้ ด้วยการอ้างว่า เธอโกงมันก็ส่วนเธอ แต่ฉันไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง ฉันไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้น ทรัพย์สินในส่วนของฉันก็ไม่ควรจะถูกยึดเป็นของแผ่นดิน

เมื่อเราหย่ากันแล้ว ทรัพย์สินของเธอและฉัน ก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง

ถ้าแบ่งกันครึ่งๆ เหมือนแบ่งสินสมรส เราก็น่ามุบมิบเอาไว้ได้สัก 30,000 ล้านบาท ไม่ใช่หรือ?

นี่คือแผนสำรองของเรา ไม่ใช่หรือ?

ไหนเธอบอกว่า เราจะกอดเงินก้อนใหญ่เอาไว้ได้ด้วยวิธีนี้

ไหนเธอบอกว่า ทนายค่าตัวแพงของเราจะมีวิธีกลบเกลื่อน ซ่อนกล ทำให้ไม่มีใครจับได้ไล่ทันว่า เงินก้อน 76,000 ล้านบาทนั้น เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดทั้งหมด เพราะถ้าไม่มีเงินก้อนใหญ่ที่เราซุกไว้ก่อนและระหว่างการเข้ามามีอำนาจรัฐ เธอก็ไม่สามารถทุจริตเชิงนโยบายได้อย่างไรเล่า

แต่ทำไปทำมา แทนที่เธอจะเข้ามาช่วยฉันสู้ในศาล ในประเทศไทย เธอกลับไปเสวยสุขอยู่ต่างแดน ซึ่งการพูดจาปลุกปั่นขอคะแนนสงสารจากนอกประเทศนั้น เธออาจจะหลอกพวกรากหญ้าได้ระยะหนึ่ง แต่ผู้พิพากษาในศาล เขารับฟังแต่คำให้การที่มีพยานหลักฐานแน่นหนัก

ถึงตอนนี้ คดีงวดเข้ามาทุกทีแล้ว เธอเห็นไหม พยานฝ่ายอัยการ เขาขึ้นเบิกความแต่ละคน ล้วนมีเอกสารหลักฐานมัดแน่นหนา ฉันจนใจเหลือเกินเธอจ๋า...

เธอคงไม่หาว่าฉันคิดมากไปนะ ที่มาพูดถึงแผนสำรองตอนนี้

เธอที่รัก... ฉันอยากให้เธอมองเห็นความเป็นจริงรอบข้างเธอบ้างเถิด

ลองตัดขาดจากพวกลูกจ้างที่คอยหลอกกินเงินเราสักพักได้ไหม เธอจะได้เห็นความจริงแจ่มชัดขึ้น

แต่ก่อน... เธอเคยหน้ามืดตามัว ติดผู้หญิง ติดลูกน้อง ติดนักร้อง ติดดารา ฉันเคยคิดว่าเลวร้ายแล้วนะ แต่มาวันนี้ ที่เธอกำลังติดกับดักความหวังลมๆ แล้งๆ หน้ามืดตามัวด้วยคำสรรเสริญ เยินยอ ทำอะไรด้วยความคั่งแค้น ผูกใจเจ็บต่อผู้หลักผู้ใหญ่ที่เธอคิดว่าเป็นศัตรูนั้น บัดนี้ ฉันเห็นว่า มันกำลังจะนำหายนะครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตมาสู่พวกเรา

ที่รัก.. นี่เรากำลังทำอะไรอยู่หรือ?

เมื่อก่อน... ตอนที่เธอยังเป็นนายกรัฐมนตรี แอบใช้อำนาจรัฐกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าพวกเราเองบ่อยครั้ง แต่เราก็ยังพอจะมั่วๆ อ้างได้บ้างว่า เราได้ประโยชน์ ปะเทศชาติก็ได้ประโยชน์ด้วย

แต่มาวันนี้ เธอเดินเกมอะไรของเธอ เล่นสละเรือประเทศไทย ย้ายข้างออกไปสมคบกับเขมร โจมตีประเทศชาติและสถาบันเบื้องสูง ยืนอยู่นละข้างกับผลประโยชน์ของประเทศไทยส่วนรวม

คนทั่วไปที่มันไม่ได้รับเงินของเรา ใครเขาจะเอากับเราล่ะ?

จะสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ปั่นป่วนบ้านเมือง เอาให้มันสุดๆ แก้ตัวหลังจากที่ตอนสงกรานต์ทำไม่สำเร็จ หรือเอาให้มันพังไปด้วยกันทั้งหมด แล้วจะได้ล้มกระดานเหรอ ?

จะปฏิวัติเหรอ... แล้วไงล่ะ?

แล้วฉันจะตอบคำถามบรรพชนชาวไทยอย่างไร ในเมื่อเรากำลังแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว บนความฉิบหายของประเทศชาติไทยส่วนรวม

เธอช่วยให้ไอ้ทนายหน้าหอของเรา ร่างคำพูดแก้ตัวแก้ต่าง เอาให้มันดูดีหน่อย ส่งมาให้ฉันอ่านเตรียมไว้ก่อนจะพบหน้าประชาชีด้วยนะ

อ้อ... ฝากบอกไปถึงนักร้องเสียงแหบขวัญใจของเธอคนนั้นด้วย จะลุ่มหลงมันอย่างไรฉันไม่ว่า แต่ฉันอุตส่าห์ซื้อกระเป๋าหลุยส์ให้ที่ดูไบ ยัยคนนี้ไม่รู้มันโง่หรือมันแค่อยากอวดตัวกันแน่ ถึงได้กลับมาให้สัมภาษณ์ว่าไปพบเธอกับฉัน อยู่พร้อมหน้ากันที่ดูไบ!

แบบนี้ ใครเขาจะเชื่อว่าเราหย่าขาดกันจริงๆ ล่ะ!

เฮ้อ... แผนสำรองของเราจะไม่เหลือ ก็เพราะตัณหาของเธอนี่ล่ะ
รักเธอนะ.. แต่รักตัวฉันเองมากกว่า
อ้อใหญ่

ปล. ที่ดินรัชดาฯ แปลงที่เธอกับฉันร่วมกันซื้อมาถูกๆ ตอนนี้ เขากำลังจะฟ้องร้องให้กลับไปเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินแล้วนะ... ไหนเธอเคยบอกว่า บนแผ่นดินนี้ เราจะทำอะไรก็ได้ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่มีใครกล้าขวางอย่างไรล่ะ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา