วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คนมีลูก.. คนกำลังจะมีลูก..และคนที่ยังไม่มี...สำคัญมากลองอ่านดู

อุทาหรณ์จากการยัดเยียดการเรียนเกินไปทำให้เด็กสติขาดเรื่องจริงที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตหวัดดีค่ะ...

ก่อนอื่นจะเล่าเรื่องให้ฟังค่ะ... เพิ่งได้รับทราบมาเหมือนกันจากปากของเพื่อนทั้งน้ำตา...และคิดว่ามีประโยชน์ไม่มากก็น้อย...เพื่อนคนนี้ไม่ได้ติดต่อมานาน ประมาณเกือบๆ 4 ปีเห็นจะได้คือไม่สนิทเท่าไรแต่พูดคุยกันได้และตอนนี้ เพื่อนมีลูกแล้วค่ะ...แต่มีเพื่อนน้อยเพื่อนแต่งงานกับวิศกร(สามี)ที่เก่งมากค่ะ และตัวเพื่อนเองก็จบมหาลัยเอกชน ก็เกียรตินิยมอันดับ2ด้านภาษาต่างประเทศค่ะคือเหมาะสมถึงไม่รวยมากแต่ก็เกินปานกลางนะคะพอแต่งงานก็ไม่ได้ติดต่อใครแต่ทราบว่ามีลูก ณ.ปัจจุบันก็ 7 ขวบกว่าแล้วค่ะ โทรไปหาเพื่อนเพราะตอนนี้เรามีลูก 4 ขวบกว่าค่ะ

ก็หาข้อมูลเรื่องการเรียนในนี้เป็นหลักและ อาศัยถามคนอื่นด้วยและไม่อายที่จะถามด้วย เพราะคิดว่ายิ่งรู้มากก็ยิ่งดีจึงได้โทรไปหาเพื่อนค่ะและถามเรื่องลูกสิ่งที่ได้รับ คือการปล่อยโฮอย่างแรงร้องไห้จะเป็นจะตายเดี๋ยวนั้นเราก็ตกใจเฮ้ยแกเป็นไรว่ะเป็นไร.... มันบอกว่ามันอึดอัดมันจะบ้าอยู่แล้วปรึกษาใครก็ไม่ได้ทุกวันนี้ มันถูกตราหน้าว่าเป็นคนผิด...'ผิดอย่างร้ายกาจ' จากครอบครัวสามีและแม่ตัวเองมันปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะพื้นฐานคือ...ทั้งสามีและเพื่อนเป็นคนเสียเงินเท่าไรเท่ากันแต่อายหรือไม่สมบูรณ์ไม่ได้ดังนั้นมันจึงไม่ปรึกษาใครเลยเพราะมันอายและไม่อยากให้ใครดูถูกมันเรื่องคือ... ลูกชายเข้าเรียนตอน 3 ขวบกว่านิดๆได้เข้าเรียนในระดับโรงเรียนดังเลย ค่าเทอมเป็นแสนคอมพร้อม เพื่อนดี สังคมดูดีเพอร์เฟ็กและโรงเรียนเป็นที่หมายตามากค่ะ

ที่นี้โรงเรียนดังก็พ่อแม่ต่างก็ผลักและดันกันสุดฤทธิ์(มันบอกอย่างนี้ค่ะ)เงินพร้อมซะอย่างก็คุยกันต้องติวอย่างนั้นต้องครูคนนี้ ฝรั่งคนนี้ ต้องเรียนนี้เสริมเจ๋งค่ะเพื่อนก็เป็นเช่นนั้น ที่นี้... ลูกเรียนวันจันทร์–ศุกร์ยัน 6 โมงเย็น และเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง 3... เข้านอน ไม่เกิน 3ทุ่มเพราะต้องตื่นเช้าไปส่งตื่นตอน... ตี 5 ครึ่งเพราะเพื่อนมีบ้านในหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเขตและห่างจากโรงเรียนค่อนข้างมากออกจากบ้านไม่เกิน 6 โมงเช้าเท่านั้นและไปถึงโรงเรียนประมาณเกือบ 7 โมง วันเสาร์...เรียนพิเศษเสริมเริ่ม 8 โมงเช้าถึงบ่ายโมงและ ตอนบ่าย 3 เรียนว่ายน้ำจึงได้กลับบ้าน ส่วนวันอาทิตย์...ครึ่งวันเช้าเรียนที่สถาบันคุมองต์เสริมครึ่งวันหลังผักผ่อน...ตอน 1 ทุ่มวันอาทิตย์ต้องทบทวนงานและเตรียมความพร้อม เพื่อไปเรียนวันจันทร์ไม่เกิน 3 ทุ่มเข้านอน

และเหตุการณ์ที่มันเล่าแบบสะเทือนใจตอนหลังคือ.... ลูกไม่มีเพื่อนในหมูบ้านเลยสักคนเดียว...เพราะไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้วสังคมเมืองของแท้ปั่นแต่จักรยานของเค้าเท่านั้นวันนั้น..วันอาทิตย์ลูกก็ปั่นจักยานไม่ยอมเข้าบ้าน แม่ก็เรียกให้มาอาบน้ำได้แล้ว 6 โมงเย็นแล้ว เตรียมกินข้าวและทบทวนการบ้าน.ลูกก็ไม่ฟังเพื่อนและสามีโมโหบอกว่า'เข้าบ้านเดียวนี้เข้าบ้านเลยทำไมดื้ออย่างนี้ยิ่งโตยิ่งดื้อ'(เพื่อนว่าลูก) จะไม่ให้ขี่จักรยานอีกต่อไปตัวสามีก็ไปดึงจักรยานออกจากลูกและแม่มาจับลูกเข้าบ้านสามีบอกว่า...ป๋าจะโยนจักรยานทิ้งซะถ้าทำอย่างนี้อีกลูกชายเข้าไปกอดขาพ่อ...และยกมือไหว้ป๋าอย่าทำหนูไม่มีเพื่อนที่ไหนจักรยานคือเพื่อนของหนูหนูมีจักรยานเป็นเพื่อนเท่านั้น...

ป๋าอย่าทำนะทั้งเพื่อนและสามีก็ไม่ใส่ใจอะไรเพียงต้องการให้เข้าไปอ่านหนังสือเท่านั้นและ...อีกเหตุการณ์หนึ่งกว่าจะจับใจความได้มันร้องไห้ไม่หยุดเพื่อนร้องไห้เหมือนจุดพลุเลย...ลูกกลับจากบ้านคุยกับพ่อและแม่อยากดูอุลตร้าแมนมดเอ๊กช์บ้างเพื่อนๆคุยกันที่โรงเรียน...เค้าไม่รู้เรื่องเลยเพื่อนยังบอกว่าที่บ้านไม่มีทีวีหรือไง(เด็กอนุบาลนะค่ะ) ทำให้เค้าไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ...เค้าได้ดูแต่การ์ตูนเสริมความรู้เช่นถ้าดู UBC ก็ประมาณ ดอร่าหมาบลูประมาณนี้...สามีและเพื่อนบอกว่าลูกอย่าทำตัวไร้สาระได้หรือเปล่าตอนนี้เพื่อนๆลูกอยากทำอะไรก็ปล่อยเค้าไปการ์ตูนมีแต่ความรุนแรงไม่เสริมความรู้อะไรเลยเราได้เปรียบ...เราใช้เวลาทบทวนและเรียน...

ในขณะที่คนอื่นเค้าไร้สาระ...ลูกลองคิดดู...โตขึ้นลูกก็จะเป็นนายของคนพวกนี้และคนพวกนี้จะไม่เหนือลูกเด็ดขาดการสอนจะประมาณนี้ตลอด... แต่เพื่อนบอกว่าเค้าและสามีทำดีที่สุดและให้ในสิ่งที่ดีที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา