วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ยอมเสียเวลาอ่านสัก 5 นาที อาจพลิกชีวิตคุณ‏

> ยอมเสียเวลาอ่านสัก 5 นาที อาจพลิกชีวิตคุณ
>
>
> เรื่องราวประทับใจนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ถูกนำมาลงตีพิมพ์ใน
> หนังสือธรรมะ (มหายาน) ของไต้หวัน ค.ศ. 1988 ฉบับเดือนกันยายนค่ะ ฉันได้อ่านจากเพื่อนที่ส่งมา
> ให้ แล้วรู้สึกว่าน่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง บางทีอาจเป็นคำตอบที่เรามักนึกสงสัยว่า
>
>
> - ทำไม โอกาสหลายอย่างจึงหลุดมือเราไป
>
>
> - ทำไม ทำอะไรก็ติดขัด มีอุปสรรคให้เหนื่อยยากตลอดเวลา
>
>
> - ทำไม ขยันทำงานแทบตาย ชีวิตก็ยังแย่เหมือนเดิม
>
>
> พี่ชายและน้องชาย ตระกูลหวัน ช่วยกันตั้งโรงงานอาหารกระป๋อง (ผัก
> ดอง) ผลิตออกมาหลายรสชาติ จำหน่ายทั้งในประเทศและส่งขายนอกประเทศ แถวเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น
> ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นผักดองอัดกระป๋องยี่ห้อ "เจ" หวังจำหน่ายกับคนจีนโพ้นทะเลในหลายๆ
> ประเทศ แต่น่าเสียดาย ที่พยายามเท่าไหร่กลับมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นทุกปี จนผ่านมาถึงปีที่ 8 (ค.ศ.
> 1988) ก็มาถึงจุดที่แบกภาระต่อไปไม่ไหว เป็นลูกหนี้ของแบงค์ที่ตามมาบี้และเป็นหนี้กับนายทุนหลายๆ คน
> หนี้วัตถุดิบที่เอามาผลิตอาหารกระป๋องจนทั้งสองเกิดอาการเครียดมาก จึงพากันไปดูหมอซินแสคนดังท่านห
> นึ่งของไต้หวัน ที่มีแต่พ่อค้านายพลใหญ่ๆ ชอบไปดูดวงกับท่าน ซินแสคนนี้แหละที่เป็นผู้เอาเรื่องของพี่น้องคู่
> นี้มาเขียนในนิตยสารธรรมะฉบับดังกล่าว
>
>
> ซินแสท่านเล่าว่า ตอนแรกที่ผูกดวงของพี่น้องคู่นี้ออกมาก็รู้สึกหนักใจมากๆ
> เพราะตกตำแหน่งที่ "สูญสิ้น" ทั้งคู่ ทั้งถนนชีวิตและปีจร วัยจร ตกที่นั่งกู้ชีพให้ฟื้นขึ้นมาไม่ได้เลย "ตาย
> ลูกเดียว" คือ "เจ๊งลูกเดียว" ไม่มีวิธีแก้กรรมแก้เคล็ดใดๆ จึงสั่นหัวแจ้งข่าวร้ายให้ทั้งสองรับทราบ
> บอกว่า "ไม่รอด" พี่ชาย-น้องชาย คอตกกลับมาถึงบ้านพัก ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานและรู้สึกเศร้าเสียใจมาก
> ๆ กับชะตาชีวิตที่ตกต่ำสุดๆในตอนนี้ บังเอิญในช่วงวันนั้น บริเวณตอนเหนือของไต้หวันเกิดฝนตกหนักและน้
> ำท่วมอย่างหนัก ทีวีออกข่าวเห็นแต่ภาพน้ำท่วมหลากและบ้านเรือนเหลือแต่หลังคา มีคนเกาะต้นไม้และ
> บ้างก็อยู่บนหลังคา กำลังหิวโหย หนาวเหน็บและลำบากลำบนมาก โดยหน่วยกู้ภัยยังไปไม่ถึงบริเวณดังกล่
> าว
>
>
> ทั้งสองพี่น้องผู้กำลังกลุ้มใจสุดๆ เห็นภาพดังกล่าวก็เกิดความเวทนา จึง
> เกิดไอเดียปรึกษากันว่า "ไหนๆ ก็จะเจ๊งแน่ ตอนนี้เรายังมิได้ประกาศออกไป ชื่อเสียงที่ย่ำแย่เต็ม
> ประดา ยังไม่ถึงขั้นเน่าเหม็น อย่ากระนั้นเลย ทั้งสองคนรีบโทรศัพท์ไปหาญาติมิตรและลูกค้าเก่าๆ เท่าที่
> เรารู้จัก เอ่ยปากขอยืมเงินมาให้มากที่สุด คนไหนเป็นเจ้าของสินค้าอุปโภค บริโภคที่พอจะช่วยภัยคนตก
> น้ำเราก็ขอเป็นสินค้ามาก่อน และเขียนเช็ค(เด้ง) ไปให้พวกเขาก่อน รีบๆ รวบรวมปัจจัยให้ได้ภายใน
> คืนนี้แหละ เอาเศษเงินว่าจ้างเรือขนสินค้าอุปโภคบริโภค พวกอาหารแห้ง บะหมี่ ข้าวสาร อาหาร
> กระป๋อง เสื้อผ้า ผ้าห่ม ขอเป็นหน่วยฉุกเฉินหน่วยแรกที่บุกไปบริจาคช่วยชาวบ้านถึงที่เป็นขบวนแรกก่อนเ
> ลย เพราะไหนๆก็จะเจ๊งตายอยู่แล้ว เอาเครดิตชื่อเสียงที่พอจะเหลือเอาเงิน เอาข้าวของคนที่มีมา
> ทำบุญสักครั้งเถอะ" ทั้งสองจึงวุ่นวายกันทั้งคืน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทั้งโทรฯ ทั้งขอ และปลุกให้ลูกเมีย
> ญาติโยม ที่พอจะไหว้วานได้ รายไหนยอมให้กู้ก็ไปรับเงิน รายไหนยอมให้สินค้าก็ส่งรถขนส่งไปขนเอ
> ามา เขียนเช็คเด้ง ยื่นหมู ยื่นแมวออกไปก่อน
>
>
> แค่รุ่งเช้าทุกอย่างก็พร้อม ได้ของมาเต็มรถบรรทุก 2 คัน ส่งคนไปขอเช่า
> เรือยนต์รออยู่ที่ตำบลน้ำท่วม ได้เรือมา 4 ลำ ยังไม่ทัน 9 โมงเช้า สินค้าที่ถ่ายลงเรือทั้ง 4 ลำ
> ตระเวนแล่นเข้าไปในดงน้ำท่วม ของกินของใช้ก็จัดมัดไว้ในถุงพลาสติกใบโตๆ เจอผู้รอดตายก็รับขึ้นเรือ
> บางรายรับไม่ได้ก็ฝากถุงยังชีพถุงกู้ชีพไปให้ก่อน บอกว่าเดี๋ยวเรือด่วนของราชการคงมาช่วยพาไปขึ้นบกที่
> ปลอดภัยในภายหลัง
>
>
> การกระทำอย่างฉับไวในครั้งนี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ เพราะมีผู้สื่อข่าวทั้งทีวี
> วิทยุ หนังสือพิมพ์ไปดักรอทำข่าวอยู่แล้ว ความรวดเร็วและกล้าหาญจริงใจในการช่วยคนตกทุกข์แบบขบวน
> การของเอกชนแบบนี้ ยังไม่เคยเห็นใครทำมาก่อน ชุดนี้ช่วยในวาระแรกๆ อาหาร เสื้อผ้า ส่งตรงถึงผู้
> ประสบภัยกันถ้วนหน้า ??อเห็นหน่วยราชการ กาชาด องค์กรการกุศลอื่นๆที่ตามมาทีหลัง หน่วยแรกนี้ก็ล่า
> ถอยกลับบ้าน เพราะถือว่าสมใจ นึกแล้ว ทั้งเหนื่อยจัดและหมดแรง แต่ก็ดีใจปลื้มใจสุดๆ
>
>
> ทั้งสองครอบครัวกลับถึงบ้านก็สั่งปิดโรงงานเตรียมตัววางเฉย เพราะรู้ดี
> ว่าอีกไม่นานเจ้าหนี้ทั้งหลายคงรุมฟ้องคดีกันยืดยาว แต่เหตุการณ์กลับพลิกล็อกเหนือความคาดหมาย
> ปรากฏว่าทั้งธนาคารหลายแห่งและเจ้าหนี้ทั้งหลายกลับวางตัวเงียบเฉย ไม่มีใครยื่นฟ้องคดีล้มละลายกับคู่
> นี้สักรายเดียว เพราะทุกคนทั่วประเทศได้เห็นข่าวกล้าหาญในการส่งเสบียงกู้ภัยในนามเอกชนแท้ๆอยู่เพีย
> งรายเดียว
>
>
> เจ้าหนี้ทุกคนต่างก็คิดเหมือนกันหมดว่า "พี่น้องคู่นี้ไม่น่าจะยากจนจริงๆ
> อย่างที่เคยเข้าใจ คงจะแกล้งจนและแกล้งเบี้ยวหนี้" จึงไม่มีใครตกอกตกใจว่าคู่นี้ใกล้เจ๊ง กลับเห็นพ้อง
> ต้องกันว่าน่าจะเปิดให้มีการเจรจาปรองดองหนี้กันใหม่ และสิ่งที่แปลกกว่านั้นคือ ประชาชนตาดำๆ ทีได้
> เห็นข่าวทีวีและอ่านในหนังสือพิมพ์ต่างก็คิดว่าอาหารกระป๋องผักดองเจของโรงงานนี้น่าจะลองชิมดู
> เพราะถ้าค้าขายได้ร่ำรวยเงินทองเจียดเงินมาช่วยคนประสบภัยแบบนี้ต้องถือว่าไม่ธรรมดา ดังนั้นร้านค้า
> ต่างๆ ห้างต่างๆ รวมทั้งลูกค้าใหญ่ๆ ในต่างประเทศต่างก็โทรฯเข้ามาขอสั่งซื้อผักดองกระป๋องของโรงง
> านแห่งนี้กันโกลาหล เรียก ว่ารับแต่ใบออเดอร์ที่โทรฯ ประดังเข้ามาก็จดกันมือนิ้วชาไปหมด โรงงาน
> ของสองพี่น้องจึงฟื้นชีพขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์และขายดิบขายดีตั้งแต่บัดนั้น
>
>
> ฉันเชื่อในเรื่อง "บุญ" เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมกับบุญและบาปที่ติดตัวมา
>
>
> "บุญ" เหมือนเป็นทุนที่เราสะสมไว้ใช้ในชาตินี้ หากเราใช้บุญไปทุกๆวันจน
> ใกล้หมด บาปที่เราเคยทำทั้งในอดีตและทำเพิ่มในวันนี้ จะเข้ามาแทนที่ ชีวิตเราจึงเกิดเรื่องราววุ่นวาย
> ไม่หยุดหย่อน ทำอะไรก็ไม่สำเร็จติดขัดไปหมดทุกทีไปเพราะมีบาปคอยเข้ามากั้นขวางไว้ ลองทำดูซิคะ
> ถ้าตื่นไปใส่บาตรไม่ไหว ก็ทำแบบฉันก็ได้ ถวายสังฆทานเดือนละ 1 ครั้ง อุทิศบุญให้กับผู้ที่เราเคยล่วงเกิ
> นทั้งกาย วาจาใจ ฉันจะไม่ซื้อสังฆทานแบบเป็นถังเหลือง แต่จะเลือกซื้อของเอง ยิ่งเราพิถีพิถันในการ
> เลือกของถวาย เราก็จะได้สิ่งดีๆที่สมบูรณ์แบบเช่นกัน
>
>
> "ให้อะไร ก็ได้อย่างนั้น"
>
>
> คุณว่าจริงมั้ย ตรรกะง่ายๆที่ไม่ต้องไปคิดอะไรลึกซึ้งหรอกค่ะ เพราะเรื่อง
> บุญกรรม ไม่มีใครพิสูจน์ได้เหมือนการคำนวณตัวเลข เราจึงต้องหมั่นเติมบุญเข้าไปอยู่เรื่อยๆ ทำบุญรูป
> แบบใดก็ได้ ให้ใจสบายและมีความสุข สิ่งดีๆ ก็จะเกิดกับชีวิตเราแล้วละค่ะ เริ่มต้นจากใจเราก่อนก็ได้
> ไม่อิจฉากัน ไม่หมั่นไส้กัน ไม่ให้ร้ายลับหลัง มองกันในแง่ดีๆ และให้อภัยกันน เท่านี้บุญก็เกิดที่ใจเเล้ว
************************************************************************************************************************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา