วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ระวังเดินห้างจะกลายเป็นหัวขโมย โดยไม่รู้ตัว‏

ระวังเดินห้างคาฟูร์จะกลายเป็นหัวขโมยไม่ได้ตั้งใจ















เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 07/07/2009ที่ผ่าน มา

คือดิฉันสามีและลูกได้พากันไปเดินซื้อของที่ห้างคาร์ฟูสาขาอ่อนนุช ช่วงประมาณบ่ายๆซึ่งได้พากันไปซื้อใช้กับพวกอุปกรณ์เรียนให้ลูก ใช้เวลาอยู่ในนั้นถึง16.00เพราะออกจากห้างไม่ได้ฝนตกหนักมาก

ดิฉันสามีและลูกๆก็เลือกของได้ครบแล้ว คิดว่าฝนคงหยุดแล้วก็ไปคิดเงินจ่ายค่าสินค้า พอจ่ายค่าสินค้าเสร็จก็พากันออกมาจากห้าง แต่ยังไมได้ทันออกไปแค่ลงตรงบรรไดเลื่อนจู่ก้มีชายคนหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นรปภ. ของห้าง (เขาไม่ใส่เครื่องแบบรปภ. ) เขาลูกชายดิฉันขโมยสินค้ามาเป็นของเล่นดิฉันก็ให้เขาตรวจสอบในถุงที่ใส่ของมาเขาบอกให้ดูที่ตัวลูกชายของดินฉันเพราะมันอยู่ในกางเกงลูกชายดิฉัน

ซึ่งดิฉันก้ล้วงที่กระเป๋ากางเกงลูกชายก็พบของเล่นจริงๆ รปภ.นอกเครื่องแบบคนก็เชิญดิฉันทั้งหมดไปห้องพักสอบสวนของห้างซึ่งตอนนั้นมีผูหญิงคนหนึ่งถูกสอบสวนเรื่องขโมยสินค้าอยู่

รอจนเขาสอบสวนเสร็จรปภ.นอกเครื่องแบบก็เชิญครอบครัวดิฉันทั้งหมดเข้าไปในห้อง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่าลูกดิฉันขโมยสินค้าต้องจ่ายค่าปรับของที่ขโมยมา

ซึ่งตอนนนั้นดิฉันก็ถามลูกชาย ประมาณใส่อารมณ์กับเขานิดหนึ่งว่า ไปหยิบของเขามาแล้วทำไมไม่เอาให้แม่จ่ายเงินทำอย่างมันเท่ากับเราขโมยของเขานะ เห็นไมทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อน

แต่ลูกชายดิฉันบอกไม่ได้ขโมยนะแม่ เขาแจกฟรี ก็มีเด็กรุ่นประมาณเขา ใส่เสื้อสีฟ้ากางเกงขาสั่นยีน รองเท้าแตะ เข้ามาบอกลูกชายดิฉันว่าของเล่นตรงนี้นะเขาแจกฟรีหยิบได้เลย

ซึ่งตอนแรกลูกดิฉันก็ไม่ได้เอาจนเด็กคนเดินเข้ามาหาอีกครั้งบอกให้หยิบซิเดียวหมดนะ แล้วเด็กคนนั้นก็หยิบไป ลูกชายดินฉันก็เลยไปหยิบของนั้นมาโดยที่ไม่ได้บอกดินฉํน

ซึ่งระหว่างนั้น ตัวดิฉันเองก็มัวเลือกซื้อของให้ลููกๆอยู่ส่วนสามีอยู่มุมหนังสือลูกดิฉันก็อยู่ด้านหลัง
ไม่ไกลกันซึ่งตัวดิฉันพยามถามลูกกี่ครั้งลูกชายก็บอกคำตอบเดิมคือเด็กผู้ชายคนนั้นให้หยิบของมาส่วนรปภนอกเครื่องแบบก็บอกกับดิฉันสามีว่า น้องเพิ่งทำผิดครั้งแรกก็จะปรับแค่10เท่า เป็นเงิน 1400บาทซึ่งสามีดิฉันก็เอาตังค์จ่ายให้เลย

พอจ่ายค่าปรับเสร็จสามีดิฉันก็เลยพูดกับรปภ.ว่าขอดูเทปวงจรปิดหน่อยที่คุณบอกว่า เห็นลูกชายผมขโมยสินค้า บอกว่าเห็นจากกล้องวงจรปิดห้างตอนขโมย เพราะผมเลี้ยงลูกชายผมมา11ปี
ลูกชายผมไม่มีพฤติกรรมเป็นขโมย ขอดูให้เห็นกับตาว่าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ เพราะจะได้ๆไปปรับปรุงอบรมนิสัยเขาใหม่ ว่าทำไมพฤติกรรมชายถึงได้ขโมยของ

เพราะเขานะเคยเข้าไปในเนตแล้วเจอคนที่โพสในกระทู้ในเวปต่างว่ามีมิจฉาชีพแฝงตัวในคราบพนักงานคือประเภทมีหน้าม้า มาแล้วแอบหยิบของใส่กระเป๋าลูกที่เดินซื้อของ แล้วก็ถูกจับปรับว่าขโมยสินค้า

ซึ่งส่วนมากก็จะยอมจ่ายค่าปรับเพราะอายและเงินค่าปรับ พนักก็เอามาแบ่งกัน รปภ คนนั้นยื่นอึ่งไปสักพักก็บอกดูไม่ได้สามีดิฉันยืนยันว่าก็คุณบอกว่าเห็นลูกชายผมขโมยสินค้าจากกล้องวงจรปิด ผมก็ขอดูเทปม้วนนั้นเป็นหลักฐานว่าขโมย เขายืนยันว่าไม่ให้ดู

สามีดิฉันเลยถามว่าถ้าคุณเห็นในกล้องวงจรปิดจิงๆก็ต้องดูได้ รปภ.คนที่บอกว่ากลับบอกว่าใม่ได้เห็นจากกล้องแต่ยืนอยู่ข้างหลังลูกชายดิฉันตอนฉีกกล่องเอาของเล่นใส่กระเป๋า

ซึ่งที่ตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด สามีดิฉันเลยถามว่าสรุปเห็นลูกชายดิฉันขโมยของยังไง เขาบอกเห็นด้วยตาของเขาเอง และห้างนี้กล้องจะมีที่ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องออกกำลังกาย ตรงของชิ้นเล็กไม่มีกล้องวงจรปิด

ซึ่งตอนนั้นพนักของห้างที่นำเงินไปจ่ายค่าปรับก็เข้ามาพร้อมกับเงินทอน ถามว่ายังตกลงกันไม่ได้หรอ
และตอนนั้นดิฉันก็โทรไปถามพี่ชายดิฉันที่เป็นผู้จัดการอีกสาขาว่าปกติห้างคาร์ฟูเขามีกล้องทั่วห้างไหม

พี่ชายดิฉันบอกมีดิฉันก้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ดิฉันพอพี่ชายบอกว่ามีกล้องทั่งหมด ดิฉันก็บอกรปภ ว่า งั่นถ้าลูกชายฉันขโมยของเจ้าเด็กนั้นก็ขโมยของไปด้วย เด็กที่ใส่เสื้อสีฟ้กางเกงขาสั้นยีนส์รองเท้าแตะ มันฏ็ต้องขโมยและคิดว่ามันยังอยู่ในห้างนี้แน่ๆ

คุณก็ต้องไปตามจับไอ้เด็กคนนั้นด้วย ไม่งั่นเราไม่ยอม และถ้าไปเด็กนั้นเดินทั่วห้างมันต้องปรากฏตัวในกล้องวงจรปิดของห้างบ้างละ จะได้รู้ว่าลูกชายดิฉันโกหกไหม

ซึ่งรปภคนนั้น ยืนหน้าซีดเลยพอเราบอกอย่างนั้นเรายืนว่าจะดูกล้องของห้างเพื่อตามหาเจ้าเด็กคนนนั้น สุดท้ายพนักห้างกับรภป. ก็บอกดิฉันและสามีว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน เดียวเราจะคืนเงินค่าปรับให้ทั้งหมด พร้อมกับยกของชิ้นนั้นให้ด้วย ไม่ติดใจเอาความ แล้ว เขาก็คืนเงินดิฉันมา แล้วก็ปล่อยออกมาจากห้องสอบสวนของห้าง

ซึ่งดินฉันเสียความรู้สึกกับห้างคาร์ฟูมากๆเพราะตัวดิฉันจะมาใช้บริการที่นี้บ่อย ลูกชายดินฉันก็มาด้วยกันบ่อยแต่ไม่น่าเกิดเหตุการณแบบนี้กับครอบครัวดิฉันเลย ตอนนี้ลูกชายดิฉันตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นเขากลายเป็นเด็กซึมไปเลยจากเด็กที่ร่าเริง

และดิฉันได้โทรคุยกับญาติกันก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เขาก็บอก ปกติทางห้างจะมีกล้องทึทุกจุดนะ และเวลาที่จับคนขโมยสินค้าได้เขาก็ต้องให้ดูกล้องด้วยว่าเราทำจริงๆ และทางห้างไม่ยอมง่ายๆหรอก

และที่บอกว่าเห็นลูกดิฉันฉีกกล่องเพื่อเอาของถ้าเขาอยู่ข้างหลังจิงหรือเห็นเหตุการณ์เขาต้องจับปรับเราแล้วเพราะเราไปทำลายสินค่าของเขาเสียหาย ดิฉันมานั้นทบทวนดูก็จริงนะที่น้องชายบอก

น้องชายดิฉันเลยโทรเข้าไปร้องเรียนให้โดยประชุมสายกับพนักเพื่อให้ดิฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง พนักงานชื่อคุณรัตนาพร บอกว่าจะส่งเรื่องให้ที่สำนักงานใหญ่ให้แล้วก็เบอร์โทรดิฉันไป

ดิฉันโทรไปที่ callcenter วัน ศุกร์ที่10 ตอนเย็นๆ จนบัดนี้เรื่องมันก็เงียบไปไม่มีใครติดต่ออะไรมาเลย ดิฉันอย่างเตือนทุกคนว่าเวลาเดินห้างไปกับเด็กๆแยอะๆก็พยามดูนะคะว่าเขาหยิบของอะไรหรือเอาอะไรใส่กระเป๋าหรือเปล่า

หรือกระเป๋าสะพายก็รูดซิปไว้อย่าเปิดอ้าไว้นะคะแล้วคุณอาจเป็นขโมยแบบไม่รู้ตัว มิจฉาชีพมันมีได้ทุกที่ มีแต่พนักงานห้างเอง ดิฉันไม่นึกว่าเรื่องที่เคยอ่านในหนังสือพิมพ์อ่านในเนต มันจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของดิฉัน

หากวันนั้นสามีดิฉันไม่ยืนยันจะดูกล้องเป็นหลักฐานพวกเราคงต้องเสียค่าโง่กับพนักงานของห้างคาร์ฟูสาขาอ่อนนุชแน่ๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา