วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เปลวสีเงินพูดถึง เงินแสนล้านกับ (อาการ ป่วยของ)ชายผู้น่าสงสารคนนั้น‏

เปลวสีเงินพูดถึง เงินแสนล้านกับ (อาการป่วยของ)ชายผู้น่าสงสารคนนั้นหมายเหตุบลอกเกอร์ วันนี้ ผมขอนำข้อเขียน ของคุณเปลว สีเงิน ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับประจำวันที่ ๖ สิงหาคม มาเผยแพร่ครับ ข้อเขียนชิ้นนี้ คุณเปลวได้พูดถึง "อาการป่วย" ของชายผู้น่าสงสารคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะทำให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจ "พฤติกรรม" ที่แสดงออกมาในระยะหลังของชายคนนี้ "พฤติกรรม" ที่ว่า คือ ความรุกลี้รุกลน การรุกทางการเมือง แบบ "สิ้นหวัง" หรือ "กำลังหมดเวลา" ผมติดตาม การรุก ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่หนุนโดยชายคนนี้ และ ถามตัวเองว่า เขาทำเช่นนั้นไปทำไม เพราะ ไม่ว่าจะแพ้ หรือ ชนะ เขามีแต่เสีย (แน่นอน ประเทศไทย อาจจะเสียหายยิ่งกว่า) มาอ่านข้อเขียนนี้ของคุณเปลวแล้ว จึงพอได้ข้อสรุปว่า "เวลา" ของหมอนี่ น่าจะกำลังหมดลง และ เขากำลังสู้แบบ คนกำลังจะ ....(เติมกันเอาเองครับ) ขออนุญาต คุณเปลว ในการเผยแพร่บทความนี้ด้วยครับ


เห็นลูกน้องทักษิณคุยว่าลูกพี่ดีใจมากที่ติดอันดับ "ยอดนิยม" จากการโหวตของผู้เข้าชมเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ผมก็นึกชมเขาอยู่ในใจว่า..เก่ง เพราะผมนั้น แค่ระดับยาฮูยังเปิด-ปิดไม่ค่อยจะถูก ใครต่อใครติดต่อให้คุยกันในเว็บนั้น-เว็บนี้ อยากคุย แต่ทำอะไรนอกหลักสูตรที่เด็กเขาตั้งหน้าจอไว้ให้ไม่เป็น ก็เลยเหมือนหยิ่ง คือไม่ติดต่อกลับกะใครเลย ฉะนั้น โปรดเข้าใจ ไม่ใช่ผมปฏิเสธ แต่ไม่สามารถน่ะ! เอาเป็นว่า มีอะไรคุยกะผมก็ plew_seengern@yahoo.com อย่างที่จั่วหัวคอลัมน์ไว้ก็พอแล้ว ผาดโผนพิสดารไปกว่านี้ รอให้พระอาจารย์ไก่ กูรูคอมพิวเตอร์ขี้เมาของไทยโพสต์มาสอนก่อน แต่แค่นี้วันๆ ก็อ่านที่หลายๆ ท่านส่งเรื่องนั้น-เรื่องนี้เข้ามาจนตาลายแล้ว อย่าง ๔-๕ วันมานี้ ตาแฉะอยู่กับเวอร์ชั่นใหม่-ล่าสุด "ภาพชุดเบิร์ธเดย์แม้ว" จากดูไบ ใครต่อใครคงเกรงว่าผมจะไม่มีบุญได้ชื่นชม ก็เลยกระหน่ำส่งต่อกันมาจนผมต้องนั่งลบทั้งวัน เพราะกลัวจะล้นเครื่องคอมพ์ ภาพคงคัดมา "ต่างกรรม-ต่างวาระ"

แต่แหม...อยู่ถึงดูไบ ยังอุตส่าห์อิมพอร์ตหลวงพ่อ-หลวงพี่ลาแมร์จากเมืองไทยไปสวดมนต์ "ทำบุญวันเกิด" ฉันเช้า-ฉันเพล ประเคนอาหารไทยถิ่นเหนือกันถึงที่โน่น สาธุสะ ขอให้พระคุ้มครองเน้อ! ผมพิศดูหน้าตาท่านจากรูปแล้ว "เป็นห่วงจับใจ" ที่พูดกันว่า "หน้าชื่น-อกตรม" เป็นอย่างไร ถ้าคุณทักษิณอยากรู้ เอารูปที่ถ่ายหมู่กับลูกๆ ที่น่ารักในอพาร์ตเมนต์วันนั้นมาดู หรือจะส่องกระจกดูเงียบๆ คนเดียวก็ได้ แล้วท่านจะเห็นอย่างที่ผมเห็น ปี ๒๕๔๔ "ตาดูดาว-เท้าติดดิน" แต่ปี ๒๕๕๒ "ตาโรย-เท้าลอย" ชัดเจนมาก! ตาคือหน้าต่างใจ จากตาที่สิ้นแสง-โรยแรง-ไร้พลัง นั้นบอกความจริงว่า Vitality คือพลังชีวิตของท่านถึงจุด "เสียสมดุล" และริบหรี่ ด้วยเหลือน้อยเต็มทีแล้ว!?

ผมนั้น เอะใจตั้งแต่ตอนเห็นภาพท่านจากวิดีโอลิงค์ที่เข้ามาปลุกระดมคนเสื้อแดงใน พิธีกงเต็กตอนวันเกิด ๒๖ กรกฎา ที่วัดแก้วฟ้า นนทบุรี โน่นแล้ว ขนาดโปะหน้าอำพรางโทรมจนขาววอก และสวมเสื้อแขนยาวแดงสดใส แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดโครงร่างที่เริ่มอกรวบ เป็นสัญญาณซูบตรอมด้วยโรคอย่างใด-อย่างหนึ่งกำลังรุมเร้า เพราะอย่างนี้กระมัง ท่านจึงกระตุ้นสมุนแดงออกหน้า-ออกตากว่าแต่ก่อนว่า "อยากกลับบ้าน" ถึงขั้นเพ้อกำหนดวันนั้น-วันนี้ในตอนปลายปี ให้สมุนรีบตีหักชิงเมืองไว้รอท่า? จากวันนั้น คือวันเกิดท่านที่ ๒๖ กรกฎา นั่นแหละ ผมก็มานั่งทบทวนความเคลื่อนไหวแต่ละฉาก แต่ละตอน จนมาบรรจบที่ ๓ เกลอหัวขวด ลุกลี้ลุกลนขมวดปมสร้างเงื่อนไขสำหรับใช้ก่อการใหม่ๆ ต่อจาก "ล่ารายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ" โดยไม่ดูดำ-ดูดีว่าสิ่งนี้ "ผิดหรือถูก"

มีอะไรสำคัญเป็นเบื้องหลังนักหรือที่ทักษิณจึงดู "กระเหี้ยนกระหือรือ" เร่งเร้าจะกลับเมืองไทย ทั้งที่จริงๆ แล้วจะกลับเข้ามาวันไหน-เวลาไหนก็ไม่มีใครห้ามอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมกลับเข้ามาเอง เพราะเกรง...โทษหนีคุกตะหาก! ผมประเมินว่า เวลานี้ทักษิณต้องการหมอ และการพยาบาลรักษาด้วย "โรคเฉพาะทาง" อย่างใด-อย่างหนึ่งซึ่งหาการรักษาไม่ได้ในดูไบ หรืออย่างใน มอนเตเนโกร นิการากัว กระทั่งในแอฟริกาที่โม้ว่ากำลังเซ็นสัญญาทำเหมืองเพชร ชีวิตการทำมาหากินทักษิณนี่ สังเกตดูเถอะ ไม่ว่าเรื่องจริงหรือเรื่องโม้ ไม่หนีเรื่อง "สัมปทานผูกขาด" ซึ่งก็ส่อนิสัย-สันดานชัดเจนว่าเป็นคนประเภทใด อะไรที่ "ผูกขาด" ละถนัดนัก?

ท่านจำได้มั้ย ไม่กี่เดือนก่อนมีข่าวว่า "เยอรมนี" ไล่ตะเพิดทักษิณ ไม่ยอมให้เข้าประเทศ! พูดง่ายๆ คือ ขณะนี้ทักษิณเป็น "บุคคลน่ารังเกียจ" ที่สหรัฐและประเทศในเครือสหภาพยุโรปไม่ต้อนรับ ไม่ยอมให้เข้าเมือง ฉะนั้น ก็แค่ลัดเลาะอยู่แถวๆ แอฟริกา ในเอเชียนี่ก็แค่นอนกินทราย-กินแดดที่ดูไบเป็นหลัก เผอิญสัปดาห์ก่อน มีผู้หลัก-ผู้ใหญ่เล่าถึง "ชายคนหนึ่ง" ที่หลบไปซุกทรายอยู่แถบประเทศตะวันออกกลางให้ผมฟัง เมื่อฟังแล้วผมก็นำมาเข้าสมการจากหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏ ก็ให้รู้สึกเป็นห่วง เพราะสิ่งที่ผู้ใหญ่ท่านเล่ามันสอดคล้องกับพฤติกรรมที่ประจักษ์ของ "ชายคนหนึ่ง" ในขณะนี้มาก คือเมื่อเดือน-สองเดือนนี้ มีนายแพทย์คนหนึ่งได้รับการขอร้องให้เดินทางไปทำคีโมให้กับผู้ป่วยด้วยโรค "มะเร็งต่อมลูกหมาก" คนหนึ่งที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผมก็สงสัยว่าประเทศร่ำรวยขนาดถมทะเลสร้างเมือง จะหาโรงพยาบาลด้วยเครื่องมือทันสมัยและหมอผู้มีความชำนาญการไมได้เชียวหรือ จำเป็นอะไรต้องอิมพอร์ตหมอไปจากเมืองไทย?

เขาก็อธิบายว่า ที่นั่นเติบโตด้วยการก่อสร้างสารพัด ยกเว้นการแพทย์-การพยาบาล ก็ไม่เห็นหรอกหรือที่ทุกวันนี้ โรงพยาบาลในเมืองไทยอย่าง บำรุงราษฎร์ กรุงเทพ ปิยะเวท ฯลฯ ขวักไขว่ไปด้วยคนเจ็บป่วยจากตะวันออกกลางที่บินมารักษาในเมืองไทย ซึ่งทันสมัยทั้งแพทย์ ทั้งเครื่องมือ และทั้งวิทยาการ "คีโม-ก็ไม่มีอะไรนอกจาก 'กินกับฉีด' ปะทะ-ปะทังไปเป็นระยะ" ท่านว่า พร้อมอธิบายว่า ในตัวผู้ชายทุกคนมีสาร "มะเร็งต่อมลูกหมาก" อยู่ทุกคน โดยเฉลี่ย-ธรรมชาติจะไม่ยอมให้ผู้ชายมีอายุเกิน ๑๐๐ ปี สมมุติว่าใครอยู่ถึงร้อยปีแล้วยังไม่มีท่าทีว่าจะเป็นโรคอะไร ธรรมชาติจะจัดสรรให้ โดยอภินันทนาการโรค "มะเร็งต่อมลูกหมาก" ตายโดยอายุไม่เกิน ๑๐๐ ปี ก็อาจจะมีผู้ชายที่ "มะเร็งขยาด" อายุเกินร้อยอยู่บ้าง แต่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นหญิง!

ฉะนั้น จะพบว่า พออายุ ๕๐-๕๕ ขึ้นไป ผู้ชายส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการเกี่ยวกับ "ต่อมลูกหมาก" โชคดีก็ระดับ "ต่อมลูกหมากโต" แต่ถ้าแจ็กพอต หมอล้วงทวารควานแล้วพบตะปุ่มตะป่ำเหมือนมะระก็แสดงว่า "มะเร็งต่อมลูกหมาก" มาแล้วจ้ะ มะเร็งต่อมลูกหมากถือว่าเป็นเครื่อง "เสี่ยงบุญ-เสี่ยงบาป" อย่างหนึ่ง คือเป็นแล้วไม่มีใครบอกได้ว่าอาการนั้น ๓ วัน ๗ วัน หรือ ๓ ปี ๗ ปี หรือ ๗๗ ปีตาย ไม่เหมือนมะเร็งทั่วๆ ไปที่หมอพอจะกำหนดวันได้ตามอาการ ฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบุญกับกรรมและการรักษาของคนนั้นเองว่าจะสามารถอยู่ได้ถึงร้อย ปี หรือว่า โฟนอินอยู่แหงบๆ อ้าว..ปุบปับ ๑๐๐ วันก็....ซี้ซะแหล่ว!?

ทีนี้ถ้าเป็นแล้วอยากอยู่ถึงร้อยปี ทางการแพทย์ก็มีวิธีบำบัดรักษาอยู่คือ การฉายรังสี หรือการฝังแร่ ประเด็นมันก็คือ ณ ปัจจุบันนี้ เครื่องมือฉายรังสีที่ทันสมัยที่สุดในโลกมีอยู่ในไม่กี่ประเทศ ราคาเครื่องก็ตกเครื่องละประมาณ ๑,๐๐๐ ล้านบาทเป็นอย่างต่ำ อย่างในบ้านเราที่ว่าทันสมัย และมีอยู่ไม่กี่โรงพยาบาลก็แค่ ๓๐๐-๔๐๐ ล้านเท่านั้นเอง! แล้วประเทศไหนล่ะที่มีเครื่องฉายรังสีเครื่องละเป็นพันล้าน? ที่แน่ๆ ก็ สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ครับ เจ๋งที่สุดก็ต้องที่เยอรมนี แต่อย่างว่า ชายคนนั้น "บุญมี-เงินมี" แต่กรรมมันบัง มีเป็นแสนล้าน แต่เงินแสนล้านนั้นไม่สามารถนำมาช่วยซื้อชีวิตในยามคับขันได้ เพราะทั้งสหรัฐและเยอรมนี ไม่ต้อนรับคนที่พยายามแยกชาติ-โกงแผ่นดิน และเป็นนักโทษหนีคุก!

ผมจึงถึง "บางอ้อ" ที่สงสัยมานานว่าเหตุใดจึงมีคนซมซานจะเข้าไปประเทศเยอรมนีในครั้งนั้น ก็คงเพราะมันเหตุนี้แหละ!? ครับ...ผมฟังมาอย่างนี้ ก็เลยเก็บมาเล่าให้ท่านฟังต่อ ส่วนชายคนนั้นจะเป็นใคร อย่าให้ผมต้องเอ่ยชื่อเลย เดี๋ยวจะมากเรื่อง-มากราว ก็อยากเตือนสติกันทั่วๆ ไปซักเรื่องหนึ่งว่า "เวรกรรม-ออนไลน์" มันรวดเร็วและร้ายกว่า "กรรมติดจรวด" ไม่เชื่อ สูก็คอยดูเต๊อะ!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา