วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เตือนภัย "บริษัทประกัน"

ดิฉันได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทบัตรเครดิตที่ดิฉันถืออยู่ ขอทบทวนความถูกต้องของข้อมูล เช่น ชื่อ เลขที่บัตร และเลขที่บัตรประชาชน ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยอ่านแล้วให้ดิฉันยืนยัน จากนั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นได้นำเสนอขายประกันชีวิต แล้วถามดิฉันว่าสนใจหรือไม่ ดิฉันตอบว่าสนใจแต่ขอให้ส่งรายละเอียดมาให้ดูก่อนเจ้าหน้าที่จึงบอกดิฉันว่า ขออนุญาตให้ดิฉันพูดใหม่ว่า "สนใจ" เพราะเขาต้องบันทึกเทปเสียงพูดไว้ยืนยันกับเจ้านาย ...ดิฉันก็โง่ ทำตามหลังจากนั้นมีเอกสารส่งมาถึงดิฉัน...แต่ไม่ใช่รายละเอียดเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์...มันคือ "กรมธรรม์"กรมธรรม์ นั้นระบุว่า เป็น "ประกันอุบัติเหตุ" ไม่ใช่ประกันชีวิต ซึ่งเอาไปใช้ลดหย่อนภาษีไม่ได้ และสิทธิประโยชน์น้อยกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นของบริษัทแห่งหนึ่ง ไม่ใช่ของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อน ในที่ทำงานคนหนึ่งก็ประสบปัญหาเดียวกัน เราทั้งคู่จึงหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัท พบว่าเป็นบริษัทต่างชาติจากเกาะแห่งหนึ่งแถวอเมริกาใต้ และได้รับอนุมัติให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทยไม่กี่ปีมานี้ดิฉันได้ โทรกลับไปที่บริษัทเพื่อขอยกเลิกกรมธรรม์แต่ได้รับการบ่ายเบี่ยง เจ้าที่คนใหม่อธิบายว่าดิฉันได้รับปากตกลงทำประกันแล้วทางโทรศัพท์ มีเทปเป็นหลักฐาน ..ดิฉันจึงเสียงแข็งใส่ ล่าสุด สัญญาว่าจะส่งเอกสารกลับมาให้เซ็นยกเลิก แต่ไม่ได้ส่ง ดิฉันโทรไป ปรึกษาที่หน่วยงานของรัฐ คือสายด่วนประกันภัย....เจ้าหน้าที่ยืนยันว่า...ตามกฏหมาย เพียงแค่บอกทางโทรศัพท์ ว่า "สนใจ" หรือ "ตกลง" ก็ถือว่าสัญญาได้เกิดขึ้นแล้ว และดิฉันต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับบริษัทหากต้องการยกเลิก กรมธรรม์เจ้าหน้าที่สายด่วนประกันภัย แนะนำดิฉันว่า หากได้รับโทรศัพท์เสนอขายประกันอีกให้ยืนยันว่าไม่สนใจ หรือไม่ก็ขอให้เขาส่งตัวแทนประกันมาพบเพื่ออธิบายผลประโยชน์"อย่าพูด แม้แต่คำว่า สนใจ เพราะมีผลเป็นสัญญาตามกฏหมาย"ดิฉันขอเสนอเรื่องความโง่ของตัวเองมาเพื่อเป็นอุทธาหรณ์ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหา